‘บิ๊กต่าย’ไม่หวัง ตำแหน่งผบ.ตร. แม้‘โจ๊ก’พ้นทาง

“บิ๊กต่าย” ไม่คาดหวังได้เสนอชื่อเป็น “ผบ.ตร.” แม้อาวุโสอันดับ 1 หลัง “บิ๊กโจ๊ก” พ้นรอง ผบ.ตร. ขณะที่เลขาฯ  ป.ป.ช.เผยอยู่ระหว่างตรวจสอบหนังสือชี้แจงทรัพย์สิน “สุรเชษฐ์” ส่วนคดีบ้านหรู “บิ๊กต่อ” เจ้าตัวแจงแล้ว รับทรัพย์สินต่างประเทศตรวจสอบยาก หวังประชาชน-สื่อชี้เบาะแส

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) หลังจากเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม เว็บไชต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง มีเนื้อหาว่า ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกจากราชการไว้ก่อน ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.2567 เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวน และขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้พ้นจากตำแหน่ง ตามมาตรา 140 และมาตรา 178 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบข้อ 11 ของกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พ้นจากตำแหน่งแล้ว

บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.2567

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จอดรถด้านหลังอาคาร 1 ตร. ยังปรากฏป้ายชื่อ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์อยู่ แต่ด้านหน้าห้องสำนักงานรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชั้น 1 อาคาร 1 ตร. ไม่ปรากฏป้ายชื่อ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ที่หน้าห้องแต่อย่างใด ขณะที่หน้าเว็บไซต์ของ ตร. www.royalthaipolice.go.th ยังคงปรากฏชื่อ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ในหน้าเว็บเมนูตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวว่า กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2567 นั้น ซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นสุดตามกระบวนการแล้วตนเองในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ลงนามในคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ณ เวลานั้น ยืนยันว่าได้ดำเนินการด้วยเหตุผลและเจตนาที่สุจริต ไม่มีอคติต่อผู้ใด รวมทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้ดุลยพินิจให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย การที่เรื่องดำเนินมาจนถึงบัดนี้ ถือเป็นการแสดงออกถึงเจตนารมณ์ที่ตนเองได้ใช้ดุลยพินิจและดำเนินการไป ยืนยันว่าไม่ได้มีความรู้สึกดีใจหรือเสียใจ

 “ถือว่ากระบวนการให้ออกราชการไว้ก่อนนั้น เสร็จสิ้นตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกขั้นตอนแล้ว หาก พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ต้องการใช้สิทธิ์เรียกร้องความเป็นธรรม ก็ยังสามารถใช้ช่องทางฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุดได้ หากศาลมีคำวินิจฉัยเช่นไร ก็ต้องปฏิบัติไปตามนั้น” รอง ผบ.ตร.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ถูกสอบสวนวินัยร้ายแรงโดยคณะกรรมการสอบสวนข้าราชการตำรวจ ที่มี พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิชย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐเผยว่า ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนผลจะออกมาเป็นเช่นไรไม่สามารถไปก้าวก่ายได้ คณะกรรมการสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และมีดุลยพินิจว่าจะมีความผิดทางวินัยในระดับใด หากไม่ผิดก็ยุติเรื่อง หากพบว่าผิดวินัยร้ายแรงก็ดำเนินการปลดออก ไล่ออก ตามขั้นตอน ส่วนจะมองว่าเป็นการลงดาบสองหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์พ้นจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ส่งผลให้แคนดิเดต ผบ.ตร.มี 3 คน รวมถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ที่เป็นแคนดิเดตอาวุโสอันดับ 1 นั้น พอที่จะให้ผู้ใหญ่สามารถพิจารณา หลังจากที่มีประสบการณ์ที่ผ่านมา รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ที่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายกำหนด ที่จะเสนอชื่อต่อคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอาวุโสเบอร์ไหน ก็สามารที่จะถูกหยิบเสนอชื่อได้ทุกท่านอยู่แล้ว ตนก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องถูกเสนอชื่อในฐานะอาวุโสอันดับ 1 ขึ้นอยู่กับการพิจารณาจากประวัติผลงาน ความประพฤติ ประกอบกับระดับอาวุโสตามกฎหมายตำรวจ

ด้านนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ว่า ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงมาแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างการตรวจสอบหนังสือชี้แจงดังกล่าว

สำหรับคำสั่งที่ให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ถูกต้องตามกฎหมาย และมีการโปรดเกล้าฯ ให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว จะทำให้ข้อร้องเรียนของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ต่อ ป.ป.ช. เอาผิด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. ในขณะนั้น สิ้นสุดการตรวจสอบลงด้วยหรือไม่ นายนิวัติไชยกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์มาร้องต่อ ป.ป.ช. คือเรื่องคดีอาญา และมีเรื่องการยื่นบัญชีเท็จ ส่วนเรื่องวินัยการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร รวมถึงคดีอาญาก็มีอายุความของคดี และคดีอาญาแผ่นดินไม่สามารถถอนได้

ถามถึงการตรวจสอบทรัพย์สินบ้านพักหรูของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่ประเทศอังกฤษ นายนิวัติไชยกล่าวว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเกี่ยวกับการยื่นบัญชี และให้เจ้าตัวชี้แจง ซึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้มีหนังสือชี้แจงมาแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาประมวลสรุปการรับฟังการชี้แจง

ซักว่า การมีทรัพย์สินอยู่ในต่างประเทศ ป.ป.ช.จะมีมาตรการในการตรวจสอบอย่างไร นายนิวัติไชยกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบาก หากไม่มีการแสดงบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช.ก็จะไม่ทราบ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีผู้หวังดีที่ชี้ช่องทางมาให้ ป.ป.ช.ตลอดเวลา ซึ่งกระบวนการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินไม่สามารถปกปิดได้ ฉะนั้น พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนที่จะคอยชี้ช่องทางข้อมูล และการทำงานด้านการข่าว เพราะ ป.ป.ช.ไม่ใช่หน่วยงานที่จะรู้ทั้งหมด แต่ต้องการการชี้ช่องทางเบาะแสเข้ามา โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินที่ผิดกฎหมาย หากคดีถึงที่สิ้นสุด เรามีเงินรางวัลสำหรับการแจ้งเบาะแสให้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หนู’ ลั่นฟังแค่ ‘อิ๊งค์’ ยันร่วมรัฐบาลเป็นไฟต์บังคับ ‘ทักษิณ’ พูดไม่นำพา

"อนุทิน" ลั่น! รับสัญญาณจากนายกฯ อิ๊งค์เท่านั้น ยันที่ "ทักษิณ" พูดไม่ได้หมายถึงรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย "ท่านทักษิณพูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ผมก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก"