DSI ฟัน 18 บอส นำร่อง ‘ฉ้อโกง’ ล็อต 2 ยังไม่ชัด!

“ทนายบอสพอล” เดินหน้าสอย “กฤษอนงค์-เอกภพ” บิ๊กเต่าชี้เป็นอุทาหรณ์จิตอาสา   รับเส้นทางการเงินนักการเมืองอาจพันฟอกเงิน  “ดีเอสไอ” จ่อฟัน 18 บอสข้อหาฉ้อโกงนำร่องก่อน ส่วนล็อต 2 ยังไม่สรุปเพราะเน้นจัดหนักกลุ่มแรก “เจ๊อ้อย” ให้การเพิ่ม “พล.ต.ต.สุวัฒน์”  ชี้ยังไม่ถึงขั้นออกหมายจับทนายดัง

เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2567 ที่ศูนย์รับแจ้งความ  กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาในคดีดิไอคอนกรุ๊ป เข้าให้การเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับกรณีไฟล์เสียงของนักร้อง ก. ที่ได้ยื่นหลักฐานให้พนักงานสอบสวนไปแล้ว โดยนายวิฑูรย์ระบุว่า มาดำเนินการเกี่ยวกับนักร้องสาวให้เสร็จสิ้น หลังจากค้างมานาน โดยให้การตามไฟล์เสียงว่าบุคคลในคลิปเสียงหมายถึงใคร และเข้าข้อหาอะไร ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยต้องไปถามบอสพอล กับ น.ส.ปัญจรัศม์ หรือบอสปัน ในเรือนจำ ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปสอบพยานในเรือนจำต่อ

               นายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า วันนี้คาดว่ามีทีมทนายอีกชุดหนึ่งที่ได้รับมอบอำนาจจะเข้าแจ้งความเอาผิดนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ในข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และข้อหาหมิ่นประมาท ส่วนกรณีเพจเฟซบุ๊กดิไอคอนกรุ๊ปโพสต์ว่าจะปิดตึกใหญ่ในโครงการนั้น ก็เป็นความจริง เป็นการปิดตึกสำนักงานใหญ่ไปใช้พื้นที่ของไอคอนเฮ้าส์คาเฟ่แทน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย เนื่องจากบัญชีของบริษัทถูกอายัดและอยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย แต่การปิดสำนักงานใหญ่ไม่กระทบกับการดำเนินกิจการ ขณะนี้โรงงานยังคงผลิตสินค้าเพื่อส่งให้ลูกค้าตามออเดอร์ และเชื่อว่าไม่ได้กระทบภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของบริษัท

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กล่าวว่า ทนายบอสพอลได้เข้ามาร้องทุกข์ 2 เรื่องกับ บก.ปอท. โดยเรื่องแรกคือแจ้งความเอาผิด น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง และเรื่องที่สองร้องเอาผิดกับนายเอกภพ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่มาร้องกับ บก.ป. ให้สืบสวนกรณีเรียกรับเงิน 7.5 ล้านบาทของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ก่อนจับกุมบอสพอล พบว่ามีการประสานงานผ่านโทรศัพท์มาจากสำนักงานษิทรา ลอว์เฟิร์ม

เมื่อถามว่า ใน 3 ประเด็น มีเรื่องใดที่มีหลักฐานมากพอที่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับได้เลยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า มีความชัดเจนในระดับหนึ่ง ตอนแรกจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ แต่ด้วยทนายบอสพอลติดภารกิจหลายเรื่อง จึงทำให้มาร้องทุกข์ได้ในวันนี้ หลังจากนี้จะเร่งรัดทุกอย่างให้เร็วที่สุด

ถามถึงคลิปเสียงนักการเมืองจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พบเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองคนดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่เห็นหลักฐาน จึงยังไม่อยากให้ความเห็น ให้เป็นหน้าที่ของดีเอสไอ แต่หากพบพยานหลักฐานจริง ดีเอสไอก็ต้องเพิ่มข้อหาฟอกเงินไปด้วย

“อยากฝากถึงนักเคลื่อนไหวที่ช่วยเหลือประชาชนว่า ตำรวจเข้าใจในบทบาทของจิตอาสาหรือชมรมต่างๆ ที่จะช่วยเหลือประชาชนอย่างดี ไม่ได้จำกัดความช่วยเหลือ ตำรวจยินดีทำให้ทุกเรื่อง แต่อยากบอกว่าท่านที่จะมาดำเนินการอะไรก็แล้วแต่ ขอให้ตรวจสอบพยานหลักฐานข้อเท็จจริงก่อน โดยต้องกลั่นกรองมาอย่างดี อยากให้เคสนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับจิตอาสาได้เป็นตัวอย่าง” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว

ส่วน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า คณะพนักงานสอบสวนได้ประชุมหารือเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับกลุ่มผู้ต้องหาบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จำนวน 18 ราย ในความผิดฐาน พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และรอเสนอความเห็นต่อสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเกี่ยวกับคดีแชร์ลูกโซ่ เพราะเป็นผู้วิเคราะห์องค์ประกอบต่างๆ ส่วนการออกหมายจับผู้กระทำความผิดในล็อตที่ 2 นั้น ขณะนี้คณะพนักงานสอบสวนมุ่งเน้นไปในเรื่องของการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหากลุ่มแรกก่อน ยังไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่ชัดได้ว่าจะออกหมายจับผู้กระทำความผิดเพิ่มเติมกี่ราย

วันเดียวกัน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย เศรษฐินีหมื่นล้าน เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน กก.3.บก.ป. เพื่อให้การเพิ่มเติมกรณีแจ้งความเอาผิดนายษิทรา หลังถูกหลอกลวงเงินไปลงทุนธุรกิจหวยออนไลน์ สูญเงิน 71 ล้านบาท ซึ่งในวันนี้เจ้าตัวสวมแว่นสีดำและสวมหมวกสีดำเดินมาด้วยท่าทีที่สบายๆ

               ด้าน พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 ต.ค. น.ส.จตุพรให้ปากคำด้วยท่าทีผ่อนคลาย ไม่ได้มีความเครียด และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี และให้ข้อมูลทุกประเด็นกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งในการสอบปากคำ น.ส.จตุพร ยืนยันว่าเงิน 71 ล้านบาทไม่ได้ให้กับทางทนายชื่อดังโดยเสน่หา แต่ในส่วนของคดียังไปไม่ถึงจุดที่จะออกหมายจับ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อหาและพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งตอนนี้ในทางคดีมุ่งเน้นไปที่คดีฉ้อโกงที่ น.ส.จตุพรแจ้งไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งในการสอบปากคำเพิ่มเติมหรือการรวบรวมพยานหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่สืบสวนทำอยู่ตอนนี้ เพื่อเป็นการพิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง

“กรอบเวลานั้นยังไม่สามารถที่จะตอบได้  เนื่องจากจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานก่อน อีกประเด็นหนึ่งคือจะเป็นความผิดในเรื่องอื่นหรือไม่    ทุกอย่างจะต้องทำด้วยความรอบคอบ จึงอยากจะขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานสอบสวนก่อน เนื่องจากคดีนี้มีพยานหลักฐานที่ค่อนข้างเยอะ จึงอยากขอเวลาทำงาน และภายในวันนี้พนักงานสืบสวนก็ยังคงทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ กันต่อไป” พล.ต.ต.สุวัฒน์ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พ่อนายกฯขู่เช็กบิล! พรรคร่วมโดดประชุมครม.-นักร้อง/ขอพระเจ้าอยู่ต่ออีก17ปี

"เพื่อไทย" คึก! 3 นายกฯ ร่วมทีมขึ้นรถไฟสัมมนาพรรคที่หัวหิน "นายกฯ อิ๊งค์" ขอ  สส.ไม่แบ่งขั้ว-อายุ ยอมรับ 3 เดือนโฟกัสงานรัฐบาล