‘ก้าวไกล’ ปูดฝ่ายค้านถูกตามจีบ

ก้าวไกล’ ปูดฝ่ายค้านถูกตามจีบ

"ชินวรณ์" คาดสภาเปิดซักฟอกรัฐบาลโดยไม่ลงมติกลางเดือนกุมภา. วิปรัฐบาลนัดถกหวั่นองค์ประชุมสภาล่มซ้ำซาก ประชาธิปัตย์เชื่อยังไม่ยุบสภาช่วงนี้เพราะกฎหมายลูก 2 ฉบับยังไม่ผ่าน ขณะที่ก้าวไกลรัฐบาลกำลังล็อบบี้เสียงของพรรคฝ่ายค้านทดแทนเสียงที่หายไป

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2565 นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า การประชุมวิปรัฐบาลในวันที่ 24 ม.ค. จะใช้ระบบซูม แต่ประธานและรองประธานวิปจะเข้าประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล โดยจะมีการหารือถึงเรื่องสำคัญในสถานการณ์ทางการเมือง 2 เรื่องคือ 1.องค์ประชุมสภา ที่ยังอยู่ในสถานการณ์เปลี่ยนผ่าน จะต้องประสานกันระหว่างแต่ละพรรคการเมือง เพื่อวิปจะได้ดำเนินการต่อไปได้

และ 2.การขอเปิดอภิปรายทั่วไป มาตรา 152 ที่ฝ่ายค้านได้ยื่นไปแล้ว คาดว่าจะสามารถอภิปรายได้ช่วงกลางเดือนก.พ. ส่วนร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับ ยังอยู่ในกระบวนการที่ประธานสภาฯ รับฟังความคิดเห็นต่อประชาชน ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ หลังจากนั้นต้องส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรีรับรอง เพราะเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงินอีก 7 วัน จึงคาดว่าน่าจะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมได้กลางเดือน ก.พ.เช่นกัน

ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้กังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ย้ำกับบุคลากรของพรรคให้ตั้งใจทำงานในทุกเวลา ทุกสถานการณ์ ให้กับประชาชนและประเทศ

ส่วนจะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี แต่เชื่อว่าการยุบสภาไม่น่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ เพราะยังมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญสองฉบับที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งต้องผ่านสภาไปก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นปัญหาได้หากมีการยุบสภาในช่วงที่กฎหมายยังไม่ผ่าน

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า พรรค ก.ก.ได้เตรียมประเด็นที่จะใช้ในการอภิปรายหมดแล้ว ทั้งประเด็นการเมืองและเศรษฐกิจ เช่น ปัญหาของแพงค่าแรงถูก รวมถึงการบริหารราชการผิดพลาดของรัฐบาล เพราะขณะนี้การเมืองค่อนข้างเข้มข้น ฝ่ายรัฐบาลมีปัญหาภายในกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ ส.ส.รวม 21 คนถูกขับออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งถือว่าทำให้รัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ นับแต่นี้ต่อไปรัฐบาลจะต้องระวังตัวอย่างสุดขั้ว จะเอนไปทางไหนก็ไม่มีใครรู้ คล้ายกับช่วงตั้งรัฐบาลใหม่ๆ ซึ่งก็ได้ยินว่ามีกระแสข่าวที่รัฐบาลกำลังล็อบบี้เสียงของพรรคฝ่ายค้าน เพื่อให้เป็นของพรรคตัวเองและทดแทนเสียงที่หายไป ซึ่งก็ต้องลองดูว่าจะทำได้แค่ไหน

เขากล่าวว่า การแบ่งเวลาอภิปรายกับพรรคร่วมฝ่ายค้านนั้น คาดว่าจะเป็นไปตามสัดส่วนเหมือนที่ผ่านมา ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้เวลาสูงสุด รองลงมาเป็นพรรคก้าวไกล และพรรคอื่นๆ ลดหลั่นกันไป โดยทางพรรคได้แบ่งงานให้ ส.ส.ที่จะขึ้นอภิปรายในประเด็นต่างๆ เรียบร้อยแล้ว โดยจะเน้นประเด็นการอภิปรายไปที่ความล้มเหลวการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกฎหมายสำคัญของรัฐบาลที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภา   นายธีรัจชัยตอบว่า กฎหมายที่สำคัญในช่วงนี้คือร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง หากมีการพยายามเล่นเกมการเมืองเพื่อโค่นล้มรัฐบาล ร่างกฎหมายทั้งสองฉบับจะเป็นตัววัดที่สำคัญว่ารัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ได้ ส่วนตัวตนคิดว่าจะต้องให้ผ่านสภาไปให้ได้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่หากรัฐบาลไปไม่ไหวจริงๆ ก็ควรจะคืนอำนาจให้กับประชาชน

ซักว่าฝ่ายค้านจะวางเกมคว่ำกฎหมายสำคัญในสภาเพื่อที่จะกดดันให้พล.อ.ประยุทธ์ยุบสภาหรือลาออกหรือไม่  นายธีรัจชัยกล่าวว่า พรรคก้าวไกลอยากให้เกิดการคืนอำนาจให้ประชาชนอยู่แล้ว  เพื่อตัดสินว่าการบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ต่อเนื่องมา 8 ปีแล้วนั้น เป็นเหมือนฝีแตก ความล้มเหลว และความไม่รู้ ที่กู้เงินมาแล้วแจก บีบให้จนแล้วแจก กดให้โง่แล้วปกครอง มันเริ่มชัดและปรากฏออกมาทั้งหมด ดังนั้นจึงควรคืนอำนาจให้ประชาชน ทำกติกาให้เป็นธรรม และอย่าขลาดกลัวต่อการแข่งขัน เพื่อจะได้รู้ว่าประชาชนยังมีความนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์อยู่หรือไม่

นายธีรัจชัยกล่าวว่า ส่วนฝ่ายค้านจะใช้โอกาสในการคว่ำร่างกฎหมายสำคัญของรัฐบาลหรือไม่นั้น คงไม่ใช่เหตุผลทางการเมืองนี้เพียงอย่างเดียว ต้องดูในเนื้อหากฎหมายฉบับนั้นๆ ด้วย หากกฎหมายมีเนื้อหาเอื้อต่อกลุ่มทุนเราก็รับไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่โหวตให้ แต่หากเป็นกฎหมายที่มีประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวมก็จะโหวตให้ผ่าน

นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สินค้าจากจีนที่ทะลักเข้าไทยจากผลพวงของรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว ที่ส่งผลดี และขณะเดียวกันนั้นได้สร้างผลเสียให้กับเกษตรกรไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะราคาพืชผักที่ราคาตกต่ำสวนทางกับต้นทุนการผลิต ล่าสุดเกษตรกรในตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง  จังหวัดเชียงใหม่ ได้นำผักกาดขาวลงดอยมาวางขายในตลาดนัดในศูนย์สินค้าเกษตรที่อำเภอเมืองฯ ในราคากิโลกรัมละ 1-2 บาท บางพื้นที่เกษตรกรจำใจต้องตัดทำลายผลผลิตก่อนเน่าเสียคาแปลงปลูกผัก เพราะหากตัดมาขายจะไม่คุ้มค่าต้นทุนการขนส่ง เนื่องจากราคาน้ำมันที่ยังสูงอยู่

            “หากรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศแล้วคนไทยจะเสียเปรียบขนาดนี้ ขอให้ลาออกแล้วไปพัก ขณะนี้ประเทศไทยและคนไทยต้องการผู้นำมืออาชีพที่มาแก้ปัญหา​ ไม่ใช่ผู้นำที่ปล่อยประชาชนต้องเผชิญสภาพตามบุญตามกรรม ก่อนที่เกษตรกรไทยคนไทยและประเทศไทย จะเสียหายไปมากกว่านี้” นางสาวตรีชฎากล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง