ตร.เชียงใหม่ตอก ‘ปูอัด’!

ตร.เชียงใหม่ตอบ "ปูอัด" เหตุออกหมายจับไม่ออกหมายเรียก เพราะคดีมีโทษเกิน 3  ปี และทุกอย่างก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาล เผยกงสุลไต้หวันเป็นผู้ติดตาม ขณะที่ สส.รัฐบาลประสานเสียงส่งดำเนินคดี ด้าน "ส้มตัวแม่" พลาด ดิ้นเป็นลิงแก้แห หลังโซเชียลถามถ้าลูกสาวถูกข่มขืนจะคิดอย่างไร คำตอบเอวัง! ลูกบรรลุนิติภาวะแล้วไปเที่ยวกลางคืน มีการดื่มมึนเมา ก็ไม่ใช่เป็นลูกแล้วถูกเสมอและคนอื่นผิดเสมอ และไม่ไว้ใจศาล

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 หลังนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือปูอัด สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ผู้ต้องหาคดีข่มขืน ปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเรานักท่องเที่ยาวสาวชาวไต้หวัน พร้อมตั้งคำถามกับตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ว่าทำไมถึงไม่ออกหมายเรียกก่อนที่จะออกหมายจับ ล่าสุดมีคำชี้แจงจากตำรวจเชียงใหม่แล้ว

พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า คดีนี้ตำรวจทำงานในรูปแบบของคณะทำงาน หลังรับแจ้งเหตุได้เข้าไปเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และรอผลตรวจจากแพทย์ ก่อนแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบเรื่อง แล้วดำเนินการขั้นตอนของกฎหมาย

เขาอธิบายว่า ทำไมตำรวจไม่ออกหมายเรียกก่อนที่จะออกหมายจับ เพราะทำตามกฎหมาย มาตรา 66 วงเล็บ 1 คดีที่มีโทษเกิน 3 ปี สามารถออกหมายจับได้ทันที ไม่ต้องออกหมายเรียก  พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาลไปตามกฎหมาย และทุกอย่างก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลในการออกหมายจับครั้งนี้

ส่วน พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า หญิงสาวชาวไต้หวันผู้เสียหายได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว ในส่วนของคดี ทางกงสุลไต้หวันเป็นผู้ติดตามเรื่องให้ หาก สส.มามอบตัวหรือมีการจับกุม ยังไม่ทราบว่าทางผู้เสียหายจะเดินทางมาเชียงใหม่อีกหรือไม่ ส่วนการออกหมายจับ ตำรวจยืนยันทำตามขั้นตอนของกฎหมาย

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่ส่งผลกระทบในทางลบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของประเทศไทยอย่างมาก ทางการไต้หวันก็เกาะติดไม่ห่าง นายไชยามพวานไม่มีทางเลือก นอกจากต้องเดินหน้าพิสูจน์ข้อกล่าวหากับกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรใช้ความเป็น สส.หลบหลังสภา เพราะถ้านายไชยามพวานคิดจะหลบหลังสภาก็ไม่สามารถหลบได้ เชื่อว่า สส.จำนวนมากจะโหวตให้ส่งตัวให้ตำรวจ นำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะเป็นพฤติกรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า และสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อประเทศ

"ท่าทีของ สส.และสังคมในวันนี้ ต้องการให้นายไชยามพวานลาออก ช้าหรือเร็วนายไชยามพวานก็ต้องเข้าสู่กระบวนการต่อสู้ทางคดี ทางที่ดีอย่าใช้ความเป็น สส.หลบหลังสภา รีบลาออก แล้วเดินหน้าสู้คดี เพื่อไม่ให้สภาและประเทศชาติเสียหายมากไปกว่านี้” นายอนุสรณ์กล่าว

พวกเราขอไม่ทน

ขณะที่ นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ในขณะนี้สื่อต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศจีนและไต้หวัน ประโคมข่าวใหญ่ สส.ฝ่ายค้านไทยขืนใจนักท่องเที่ยวไต้หวัน เรื่องดังกล่าวแม้จะเป็นเรื่องผิดส่วนตัว แต่ส่งผลกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  กระทบต่อการท่องเที่ยวที่ทุกภาคส่วนร่วมกันช่วยฟื้นฟูกันอย่างแข็งขัน กลับต้องมาเสียหายเพราะผู้แทนของประชาชนที่กระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“พรรคการเมืองไหนยังให้การสนับสนุนถือหางได้ก็ถือไป แต่ไม่ใช่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ พวกเราขอไม่ทนกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขอให้ สส.คนดังกล่าวพิจารณาตนเอง และงดใช้เอกสิทธิ์ สส. ไปพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม ก่อนประเทศเสียหายกว่านี้ ผมเสนอให้สภามีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส ไม่ให้มีการใช้อิทธิพลพรรคใหญ่เข้าแทรกแซง พร้อมทั้งเยียวยาเหยื่อทั้งทางร่างกายและจิตใจ" นายพงศ์พลกล่าว

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่สร้างความฮือฮาในสื่อโซเชียล เมื่อนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความไม่เห็นด้วยกับการกดดันให้นายไชยามพวานลาออกโดย อ้างว่าศาลยังไม่ตัดสิน ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ จนทัวร์ลงอย่างหนัก ทำให้ต้องโพสต์ข้อความซ้ำโดยระบุว่า “ตอบเรื่องแบกสักหน่อย เอาจริงๆ ดิฉันก็เหมือนทุกท่าน อยากเห็นคนมีตำแหน่งทางการเมืองทำผิดแล้วออกมาแสดงความรับผิดชอบโดยเร็วและต้องถูกลงโทษ”, “ควรรีบเข้ามาสู่กระบวนการโดยเร็ว ไม่ควรใช้เอกสิทธิ์ สส.ประวิงเวลา”,  “ความต้องการความเป็นยุติธรรมเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์”,  “แต่ดิฉันมีพื้นฐานไม่เคยเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมไทยที่มันเหลวแหลกเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะในชั้นต้นคือชั้นตำรวจที่ไม่เคยมีความน่าเชื่อถือ ทั้งมั่วทั้งผิดพลาด”

“เมื่อถูกใครหรือองค์กรไหนกดดันหน่อยก็เร่งรัดสำนวนมั่วๆ ให้พ้นตัวรีบส่งศาลส่งอัยการ เขียนสำนวนรวบรวมหลักฐานให้ผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิด ก็มีให้เห็นนับไม่ถ้วน อย่างเรื่องบอส กระทิงแดง และอื่นๆ มากมาย”

“หลายคดีในเบื้องต้นศาลก็ฟันไปตามสำนวนที่ตำรวจชงมา จับขังไม่ให้ประกันแล้วก็หลุดภายหลัง”

“ผู้บริสุทธิ์กี่คนแล้วเสียอนาคตกับความอยุติธรรมโดยไม่ได้รับชดเชยเยียวยา เรือนจำก็เต็มไปด้วยแพะ อาชญากรตัวจริงกี่คนแล้วที่ลอยนวลและยังเดินลอยหน้าในสังคม”

"ดิฉันก็ไม่ไว้ใจศาลด้วย"

“อันที่จริงดิฉันก็ไม่ไว้ใจศาลด้วย ทั้งเรื่องสองมาตรฐานและความเป็นอิสระ แต่ก็ไม่รู้จะทำไง ได้แค่เรียกร้องให้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว”,   “กรณีปูอัดแนวโน้มอาจจะผิดจริง แต่ก็อยากให้ใจเย็นๆ กันนิดนึงเท่านั้น ข่าวใหญ่พาดหัวอะไรตูมตามขึ้นมาก็อย่าพึ่งด่วนบ้าจี้ตาม”

“ดิฉันรังเกียจกลุ่มนางแบกลูกจ้างที่ได้รับผลประโยชน์ พรรคจะตระบัดสัตย์ผิดสัญญาประชาคมอย่างไรก็ยังหน้าด้านแบกอย่างไร้สติ ส่งผลให้พรรคตกต่ำลงทุกวัน”, “ถ้าพรรคประชาชนผิดพลาดจากที่สัญญาไว้ ก็จะวิจารณ์และช่วยตรวจสอบอย่างเข้มข้นเท่าที่ทำได้ ให้ปรับปรุง จะได้เป็นความหวังของประชาชน ไม่ดันทุรังแบก”

“แต่กรณี สส.ปูอัด ไม่รู้จะไปแบกให้เมื่อยเพื่ออะไร”, “เพราะปูอัดเป็น สส.พรรคไทยก้าวหน้า ไม่ใช่พรรคประชาชน เขาถูกขับออกไปตั้งแต่สมัยเป็นพรรคก้าวไกลแล้ว”, “ตัวดิฉันเองก็ไม่ชอบพฤติกรรมที่ผ่านมาของเขา ปูอัดเป็น สส.รุ่น 2 ที่ดิฉันไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่เคยมีเบอร์โทรหรือไลน์กัน”, “ตอนเลือกตั้งปี 66 ก็ไม่เคยไปช่วยหาเสียง รู้แต่ว่าเป็น สส.กทม. จำไม่ได้ว่าเขตไหน เพราะ สส.รุ่นใหม่มีตั้ง 151 คน แก่แล้วจำไม่หมด”

“แค่ดิฉันไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดตามมา ถ้าเราไปด่วนประหารชีวิตใครสักคนทางสังคมและทางการเมืองด้วยเรื่องพาดหัวข่าวสั้นๆ โดยยังไม่ทันได้ให้โอกาสอีกฝ่ายโต้ตอบข้อกล่าวหาก็เท่านั้น”, “การไปด่วนชี้หน้าใครถูกผิด หรือประณามหยามเหยียดน่าจะต้องรอให้เรื่องสะเด็ดน้ำกันบ้าง และต้องมีใจเป็นธรรมไม่ใช้อคติที่มีในใจไปแล้วจากประวัติของเขาด้วย”,   “เพราะแม้แต่คนทำผิดครั้ง 1, 2 มาแล้ว ก็อาจไม่ใช่คนผิดในครั้งที่ 3 คนเรามีแนวโน้มจะผิดซ้ำได้ แต่ก็ไม่ใช่จะ 100%”

“รอเวลานิดให้เรื่องเขยิบจากชั้นตำรวจ ไปช่วยกันไล่ออกตอนที่ชั้นอัยการเห็นว่ามีมูลสั่งฟ้องคงจะดีกว่า คงยังไม่ได้สายเกินไป”, “อาจไม่ได้ต้องรอถึงชั้นศาลตัดสินก็ได้ เพราะมันคงจะนานเกินไป”,  “เขียนมาน่าจะครบถ้วนแล้ว รู้สึกเสียเวลาและเมื่อยนิ้วนิดหน่อย แต่คิดว่าควรตอบเพื่อบันทึกไว้ก่อนจะ move on”

ต่อมานางอมรัตน์ได้แชร์คำถามจากโลกออนไลน์ถึงกรณีนี้ว่า “ถ้าปูอัด ข่มขืนลูกสาวคุณเจี๊ยบ ก็ยังคิดว่าเขาไม่ต้องลาออกใช่มั้ย รอจบ 2 ศาลก่อน ค่อยออกก็ได้เนอะ”

โดยนางอมรัตน์ได้เขียนคำตอบว่า “มาแนวนี้เยอะ ขอตอบอย่างจริงใจทีเดียวตรงนี้ว่า คิดแบบนี้จริงๆ ถ้าลูกบรรลุนิติภาวะแล้วไปเที่ยวกลางคืน  กรณีมีการดื่มหรือกรณีที่มึนเมา ก็ไม่ใช่เป็นลูกแล้วถูกเสมอและคนอื่นผิดเสมอ

ถ้าเราไม่ทราบแน่ชัด ไม่เห็นเหตุการณ์จะคิดเผื่อ ว่าไม่ใช่ลูกเราสมยอมแล้วไปโกรธอะไรแล้วไปแบล็กเมล์เขาหรือเปล่า ต้องถามกันให้ชัดก่อน ยุคสมัยนี้ one night stand มีเยอะแยะ”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จับตาครม.เคาะ‘กาสิโน’

จับตา! คลังชง “กาสิโน” เข้า ครม.  “จุลพันธ์” เผยส่งกลับร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ถึงมือเลขาฯ ครม. ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว