ทลายบุหรี่ไฟฟ้า เจ้าใหญ่สุดปท. มูลค่า130ล้าน

"นายกฯ อิ๊งค์" โชว์ทลายโกดังบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุด ส่งขาย 100 เครือข่ายทั่วประเทศ ยึดของกลาง 2.6 แสนชิ้น มูลค่า 130 ล้านบาท ลั่นรัฐบาลเอาจริง พร้อมชื่นชมตำรวจ  จ่อดึง ปปง.สอบเส้นทางการเงิน กำชับ "ศธ.-อว." รณรงค์เยาวชนห้ามสูบ

ที่บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 18   มีนาคม เวลา 11.40 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี นำแถลงข่าว หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบนครบาลร่วมกับฝ่ายปกครองจังหวัดนนทบุรี เปิดปฏิบัติการ “Operation  Smoke Out” ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี 10 จุด ทลายรังบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศ นำเข้าพร้อมส่งออกจำหน่ายในเครือข่ายกว่า 100 เครือข่ายทั่วประเทศ โดยมี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.),  พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.,  พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. ร่วมแถลง

นายกฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจตีมูลค่าของกลางต่อชิ้น 500 บาท แต่ราคาขายจริงอาจจะสูงกว่านั้น ทั้งนี้ ขอชื่นชมตำรวจที่ประสานงานและจับกุมได้ล็อตใหญ่ สิ่งที่รัฐบาลเป็นกังวลคือสารเสพติด ที่จะนำไปผสมกับบุหรี่ไฟฟ้า เช่น ยาเคหรืออะไรต่างๆ และมีหลายเคสที่เกิดอันตรายถึงชีวิต สิ่งพวกนี้เป็นสารเสพติดที่ติดและเลิกยาก ฉะนั้นเป็นผลงานที่น่าชมเชย ขณะเดียวกันต้องบอกประชาชนและเยาวชนด้วยว่าเรื่องนี้คือสิ่งที่ผิดกฎหมาย เวลานี้คุยกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้บอกข้อกฎหมาย ให้กับครูและบุคลากรเพื่อที่จะเป็นแบบอย่างว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าผิด และมีบทลงโทษ

"มาตรการเด็ดขาดที่ตำรวจดำเนินการอยู่ คือ จับกุมผู้ผลิตและผู้ลักลอบนำเข้าล็อตใหญ่ ส่วนรายเล็กต้องให้ความรู้ไปด้วย เพราะเราไม่อยากให้บุหรี่ไฟฟ้าพัฒนาไปเป็นเรื่องของยาเสพติด นี่เป็นเรื่องที่รัฐบาลเอาจริง รวมถึงเรื่องยาเสพติด จะเห็นว่าค่อยๆ ดีขึ้น อะไรที่เกิดขึ้นหลังจากนี้เราจะต้องเข้มงวดมากขึ้น และทางตำรวจรับทราบว่าเราจะดำเนินการอย่างไร" นายกฯ ระบุ

เมื่อถามว่า กรณีนี้ที่ปล่อยให้มีการลักลอบนำเข้า ถือว่าเป็นการบกพร่องของศุลกากรในเรื่องการสำแดงหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า  จากนี้ได้สั่งให้เข้มงวด และคิดว่าทุกภาคส่วนทราบตรงกัน

ด้าน น.ส.จิราพรกล่าวเสริมว่า ของทั้งหมดที่ยึดได้จะส่งไปยังกรมศุลกากร เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และนำไปตีมูลค่าและขยายผลเพิ่มเติมว่าโกดังแห่งนี้จะกระจายสินค้าไปยังที่ไหน และขยายผลไปยังร้านค้าทั่วประเทศ และจะนำกฎหมายสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้ามาช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงิน

พล.ต.ต.สำราญกล่าวว่า ตำรวจได้ทำการค้น 9 ชุด พบของกลาง 5 จุด โดยจุดที่ 5 สามารถสืบสวนขยายผลไปจับกุมได้อีก รวมทั้งหมดวันนี้ตรวจค้น 10 จุด ของกลางทั้งหมด 260,000 ชิ้น  มูลค่าประมาณ 130 ล้านบาท ซึ่งตำรวจได้ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่นายกฯ มีนโยบาย โดยบูรณาการทำงาน และในภาพรวมสามารถจับกุมได้ 800,000 ชิ้น มูลค่าโดยรวม 200 ล้านบาท แต่ครั้งนี้มีมูลค่าเยอะ และเป็นเคสที่ใหญ่ที่สุด โดยมีผู้กระทำความผิด 1 ราย และกำลังออกหมายจับอีก 1 ราย

พล.ต.ท.สยามกล่าวว่า ทาง ผบช.น.ได้ประสานงานกับทั่วทุกภาค เพื่อกวาดล้างจับกุมทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้การขายแพร่หลายในออนไลน์ และการจับกุมเคสนี้ได้มาจากเว็บไซต์และกลุ่มไลน์ จนสะกดรอยตามว่าขายที่ไหนบ้าง และทราบจุดพักของผู้ต้องหา จนไล่ต่อที่พบไปเชื่อมต่อกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ทำการค้นโกดังด่านศุลกากรแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และขยายผลต่อจับกุมผู้นำเข้าและผู้มาจำหน่าย เพื่อมาบรรจุส่งไปรษณีย์ไปทั่วประเทศ รวมถึงมีการตั้งตู้หน้าร้านจำหน่ายเพื่อขายรายย่อย โกดังจุดนี้จึงครบวงจร

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อสงสัยโกดังแห่งนี้อยู่หลัง สภ.บางบัวทอง แต่ปล่อยให้มีโกดังเกิดขึ้นได้อย่างไร ผบช.น.กล่าวว่า ได้ประสานกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ที่จับกุมได้จากการขยายผลล่อซื้อในจังหวัดนนทบุรี มีหลายโกดัง ซึ่งเป็นโกดังปิด ตรวจสอบได้ยาก เช่น นำมาพักที่โกดังแห่งนี้ 2 เดือน พอทราบว่าจะมีตำรวจมาตรวจสอบก็ขนย้ายของหนี และจุดที่ 10 ที่จับได้คือย้ายจากโกดังนี้ไปอีกจุดหนึ่ง ส่วนที่มีข่าวว่าคนที่เช่าโกดังเป็นภรรยาของตำรวจ ขอชี้แจงว่าโกดังแห่งนี้เป็นการปล่อยให้เช่า โดยเจ้าของเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นอดีตภรรยาตำรวจ แต่คนที่มาเช่าต่อคือผู้กระทำความผิด โดยที่ผู้ให้เช่าไม่ทราบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายกฯ ได้สั่งการในที่ประชุม ครม. ให้กระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ทำความเข้าใจกับบุคลากรทางการศึกษา หากมีการสูบบุหรี่ไฟฟ้าให้เห็น ให้ลงโทษทั้งทางอาญาและทางวินัย และให้รณรงค์ในสถานศึกษาว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งต้องห้าม ผิดกฎหมาย ทั้งการจำหน่าย ครอบครอง และเสพ

ทั้งนี้ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว. รายงานว่า ได้ออกมาตรการและกำชับให้ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา ตระหนักว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย หากตรวจพบว่าบุคลากรทางการศึกษาคนใดปล่อยปละละเลย หรือนำบุหรี่ไฟฟ้ามาใช้ จะถูกดำเนินการทางกฎหมายและทางวินัย โดย น.ส.แพทองธารกล่าวย้ำว่า "ดิฉันคิดว่าเป็นมาตรการที่ดี ที่ข้าราชการทุกท่านในหน่วยราชการอื่นๆ ต้องนำไปปฏิบัติใช้ เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และจะเป็นการลดปริมาณบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว เพราะหากไม่มีผู้ใช้แล้ว ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายก็จะหมดไปตามลำดับ จึงขอให้กระทรวงต่างๆ นำมาตรการดังกล่าวไปปรับใช้อย่างเหมาะสม".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘นายกฯอิ๊งค์’ ลั่นหายป่วย 100% พร้อมลุย ครม.สัญจร เจรจากำแพงภาษี รอสหรัฐฯคอนเฟิร์ม

อิ๊งค์ เผยหายป่วยร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว พร้อมลุยลงพื้นที่ ครม.สัญจร ระบุ รอสหรัฐฯคอนเฟิร์มกรอบเวลา เจรจากำแพงภาษี