จีนประณามUSข่มเหงไทย โชว์อุยกูร์อยู่บ้านดีกว่าคุก

"จีน" ออกโรงประณาม "สหรัฐ" ข่มเหงรังแกไทย ทำตัวสองมาตรฐาน “แพทองธาร-ภูมิธรรม” ประสานเสียง โยน กต.แถลงปมอุยกูร์  ย้ำยังไม่โดนระงับวีซ่าเข้าอเมริกา “บิ๊กอ้วน” ฟุ้งแผนเดินทางไปเยือนซินเจียง บอกพบไม่ต่ำกว่า 5 คน

เมื่อวันอังคารที่ 18 มี.ค.2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศระงับวีซ่าเดินทางเข้าประเทศแก่เจ้าหน้าที่รัฐของไทยจากกรณีส่งอุยกูร์กลับจีน รวมถึงตัวของนายกฯ ด้วยหรือไม่ โดย  น.ส.แพทองธารย้อนถามสื่อว่า มีไหมคะ

เมื่อถามย้ำว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดจึงอยากถามความชัดเจน นายกฯ กล่าวว่า “ยังไม่มีนะคะ ยังไม่ทราบ”

ถามต่อว่า ต้องพูดคุยทำความเข้าใจกับสหรัฐหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ เรื่องของข้อมูลให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยอธิบาย  เราไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว จริงๆ เราไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วกับสหรัฐ เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า ความเสียหายจากการถูกแบนครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวพูดคุยกัน ไม่ได้หนักหนาอะไร เราต้องพูดคุยกัน ถ้าเราพูดคุยกันก็จะโอเค

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวในเรื่องนี้ว่า ยังไม่เห็นเลย เห็นแค่คำแถลง ขอให้ไปดูที่ กต.ดีกว่าว่าใครโดนบ้าง แต่คิดว่าเป็นสิทธิของ กต. หรือทางสหรัฐจะมีท่าทีต่อเรื่องเหล่านี้ในระดับไหนอย่างไร เป็นเรื่องของเขา เขาทำหน้าที่ของเขา เราเองก็ทำหน้าที่ของเรา เราทำสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ได้กังวลหรือมีปัญหาอะไร ต่างคนต่างทำหน้าที่ เราเพียงแค่ดูว่าทำอย่างไรจะดีกับเราที่สุด                 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ประเทศนั้นๆ ไม่ออกวีซ่าให้เจ้าหน้าที่รัฐใด ถือเป็นการออกกฎที่แรงไปหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขอให้ไปถาม กต. คิดว่า กต.แถลงทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า การพาสื่อมวลชนไปเยี่ยมชาวอุยกูร์จะทำให้สถานการณ์ของไทยถูกมองในด้านบวกขึ้นหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าไปคิดลบ การเดินทางไปครั้งนี้เป็นไปตามที่เราได้คุยและตกลงกันไว้กับสื่อ ทำให้ทุกอย่างเห็นว่าการพูดทุกอย่างของเราไม่ใช่การแก้ตัว เมื่อเราส่งไปแล้วก็อยากไปดูติดตาม ไปขอพบ จะได้ชัดเจน เมื่อไปพบแล้วเขาพูดมาอย่างไรก็อยู่ที่เขาแล้ว  คนอื่นจะได้ไม่ต้องมาจินตนาการหรือวิพากษ์วิจารณ์ ถ้าชาวอุยกูร์บอกว่าดีแล้ว ได้กลับมาบ้านเกิด ได้มาอยู่ที่นี่ดีกว่าให้ไปอยู่ในคุกตั้ง 11 ปี ทุกคนก็จะได้รู้ได้ฟังตามนั้น สื่อก็ไปซักกันเอง ไม่มีปัญหา                   

เมื่อถามว่า จะมีโอกาสได้รับฟังจากปาก 40 ชาวอุยกูร์ที่กลับไปหรือไม่ว่าจริงๆ แล้วสถานการณ์เป็นอย่างไรหลังจากที่กลับไป นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็พาไปเจอพวกเขาแล้วนี่ไง  และเมืองที่เราไปในมณฑลซินเจียงไกลมาก ไม่ได้ติดเมืองหลวง คนส่วนใหญ่จะเป็นคนที่อยู่ชายแดนแถวนั้น ซึ่งภูมิประเทศแถบนั้นแค่มณฑลเดียวใหญ่กว่าไทยถึง 3 เท่า ฉะนั้นเขาพยายามจัดคนที่อยู่ใกล้ๆ มาพบกับเรา ส่วนคนที่อยู่ไกลได้บอกว่าจัดผ่านซูมเข้ามาก็ได้ นอกจากนี้เราจะไปที่หมู่บ้านที่มีชาวอุยกูร์ที่กลับไปอยู่ เราจะเข้าไปดูและพูดคุย โดยให้สื่อที่ไปกับเราสัก 2 คน เป็นตัวแทนไปพูดคุย ส่วนคนอื่นจะเข้าไปถ่ายครั้งละ 2 คน เพื่อเก็บบรรยากาศ เพราะเขาบอกว่าบ้านเขาเล็ก ถ้าอยู่ๆ เอาสื่อเข้าไป 10-20 คนก็แน่นไปหมด ส่วนจะซักถามอะไรก็ซักถามไป  คนอื่นก็เข้าไปเก็บบรรยากาศ หมุนเวียนกันไปให้ครบทุกคน

 “ชาวอุยกูร์ที่เราไปพบจะกี่คนไม่ทราบ แต่คิดว่าไม่ควรต่ำกว่า 5 คน ผมบอกไปแล้วว่าให้มาพอสมควร เพราะเราไปได้แค่ 2 วัน และเรายังมีเรื่องอื่นๆ อีก เนื่องจากเราต้องไปคุยกับผู้นำอิสลามที่เหมือนกับจุฬาราชมนตรีว่าท่านรู้สึกอย่างไร เพราะเป็นคนละศาสนา ไปคุยกับหมอที่โรงพยาบาล และไปที่ศูนย์ฝึกอาชีพของเขา เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรพิเศษกว่านั้น เราไปทำหน้าที่ของเราให้จบครบถ้วนตามกระบวนการ”

  นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงการเดินทางไปมณฑลซินเจียงว่า  ใช้เวลาเดินทาง 7 ชั่วโมง จากนั้นช่วงเช้าของวันที่ 19 มี.ค. เวลา 11.00 น. นายภูมิธรรมและคณะจะรับฟังบรรยายสรุปจากผู้แทนเขตปกครองพิเศษซินเจียงอุยกูร์ และแยกเดินทางไปหลายจุด แบ่งเป็น 2 คณะ คณะละ 4-5 คน ถ้าไปพบปะกับผู้แทนชาวอุยกูร์ ที่เดินทางกลับไปยังจีน และจะวิดีโอคอลกับผู้ที่เดินทางกลับประเทศจีนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ยืนยันว่าสิ่งนี้จะทำให้อารยประเทศได้ประจักษ์ถึงความตรงไปตรงมาของรัฐบาลไทย  ไม่มีงุบงิบในการดำเนินการ และไม่มีการเนรเทศหรืออพยพผู้ลี้ภัยในอดีต

ช่วงเย็นวันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เผยแพร่ข้อความของนางเหมา หนิง   โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีนายรูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศว่าจะมีมาตรการคว่ำบาตร เช่น การจำกัดวีซ่าต่อเจ้าหน้าที่ไทยที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือในการส่งตัวกลับประเทศ จากกรณีไทยส่งชาวจีน 40 ราย ที่ถูกกักขังในประเทศไทยกลับประเทศจีนว่า ทางสหรัฐได้ทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นประเด็นทางการเมือง ซึ่งโดยแท้จริงแล้วถือเป็นการดำเนินการแบบสองมาตรฐาน และเป็นความพยายามที่จะปราบปรามผู้เห็นต่าง

ในปีงบประมาณ 2024 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกา (ICE) ได้ส่งกลับผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายมากกว่า 270,000 ราย จาก 192 ประเทศ ซึ่งถือเป็นสถิติการส่งกลับผู้ลักลอบเข้าเมืองจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 สหรัฐได้บังคับส่งกลับผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายโดยไม่พิจารณารายกรณี  ขณะเดียวกันยังกล่าวหา โจมตี ป้ายสี คว่ำบาตร และกดดันประเทศอื่นๆ ในการดำเนินความร่วมมือที่บังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง ซึ่งถือเป็นการกลั่นแกล้งและข่มเหงรังแกโดยสิ้นเชิง

จีนประณามอย่างรุนแรงเกี่ยวกับการใส่ร้ายโดยเจตนาร้ายและการคว่ำบาตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อจีนและไทย และคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการที่ทางสหรัฐใช้ข้ออ้างสิทธิมนุษยชนในการบิดเบือนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับซินเจียง แทรกแซงกิจการภายในของประเทศจีน และเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายระหว่างจีนกับประเทศที่เกี่ยวข้อง จีนจะส่งเสริมการสื่อสารและการประสานงานกับประเทศที่เกี่ยวข้อง ปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของพลเมืองจีน และกระชับความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายกับประเทศต่างๆ บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกันและการปรึกษาหารืออย่างเท่าเทียมกันต่อไป.  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ซูเปอร์โพลชี้ผลสำรวจคนไทยมีความทุกข์มากขึ้น แต่ยังมั่นใจฝีมือ 'อิ๊งค์'

นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัย ซูเปอร์โพล ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง สังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ในสายตาของประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น 1,215 ราย ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15 - 19 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา