ค้านแพทยสภา เลื่อนแจงชั้น14 เตือนจะเสียชื่อ

หมอตุลย์ออกโรงค้านแพทยสภา  เลื่อนพิจารณาผลสอบจริยธรรมหมอรักษาชั้น 14   ทักษิณไม่มีกำหนด ยื่นหนังสือทบทวนอังคารนี้ ชี้กระทบความน่าเชื่อถือรุนแรง "นิพิฏฐ์" ปลงเลื่อนไปเถอะ เพราะคำวินิจฉัยของแพทยสภามาช้าเกินเวลาที่ควรจะเป็นแล้ว เสมือนความยุติธรรมที่มันมาช้าจนไม่สามารถเยียวยาอะไรได้อีกแล้ว  รอดูวันล่มสลายดีกว่า

มีรายงานว่า ในวันที่ 8 เมษายน 2568 เวลา 10.00 น. ที่แพทยสภา นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์  อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะสมาชิกแพทยสภา จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อแพทยสภา ในเรื่องการพิจารณามาตรฐานการรักษาพยาบาล และจริยธรรม ของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ

หนังสือดังกล่าวระบุว่า เรียนกรรมการแพทยสภา สังคมกำลังจับตามองแพทยสภา ในการพิจารณาเรื่องมาตรฐานการรักษาพยาบาลและจริยธรรม ในการดำเนินการการรักษาพยาบาลนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร อ้างว่าป่วยวิกฤตของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ในช่วงวันที่ 22 สิงหาคม 2567  จนถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นเวลา 180 วัน และไม่ส่งตัวนักโทษชายทักษิณกลับเข้ารับโทษในเรือนจำ เมื่อรักษาจนพ้นวิกฤตแล้ว

การที่มีข่าวออกมาว่า แพทยสภาประกาศเลื่อนการพิจารณาเรื่องที่สังคมให้ความสนใจนี้ อ้างว่าทางราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจส่งเอกสารเพิ่มเติมเป็นจำนวนมาก (หลังวันกำหนดส่งเอกสารเมื่อ 15 มกราคม 2568) จึงสร้างความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่แพทย์และประชาชน มีผลกระทบด้านลบต่อความน่าเชื่อถือของแพทยสภาอย่างรุนแรง กระผมในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของแพทยสภา จึงขอเรียกร้องต่อกรรมการแพทยสภาทั้งมวล พิจารณาไม่รับฟังเอกสารที่ส่งล่าช้า ภายหลังกำหนด และให้ดำเนินการพิจารณาเรื่องนี้ในการประชุมแพทยสภา วันที่ 10 เมษายน  2568 ตามกำหนดเดิม เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของแพทสภาสืบไป  หากจำเป็นต้องมีการเลื่อนพิจารณา ก็ควรพิจารณาให้เสร็จสิ้นไม่เกินการประชุมในครั้งถัดไป

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความว่า ฟังข่าวแพทยสภาเลื่อนการวินิจฉัยกรณีการสอบสวน ว่า คุณทักษิณ ชินวัตร ป่วยจริงหรือป่วยทิพย์ออกไป จากเดิมวันที่ 10 เมษายน 2568 เลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด อ้างว่า รพ.ตำรวจและกรมราชทัณฑ์เพิ่งส่งเอกสารเพิ่มเติมมา

มีคนถามความเห็นเรื่องนี้ ผมตอบว่า “เฉยๆ”  เพราะระบบการตรวจสอบของเรามันชำรุดบกพร่อง จนไม่น่าเชื่อถืออะไรอีกแล้ว มีคนถามว่า ท่ามกลางระบบที่เป็นอย่างนี้ เรามีหวังที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีของสังคมไทยหรือไม่ ผมตอบว่า “คงไม่เห็น”

คนถามตกใจ ถามว่าทำไม ผมตอบว่า ตามหลักแล้ว สังคมจะเปลี่ยนแปลงเมื่อคน “มีความหวัง” เพราะเมื่อมีความหวัง คนจะต่อสู้เพื่อไปให้ถึงความหวัง แต่ตราบใดที่คน “สิ้นหวัง” เขาจะไม่ต่อสู้ สังคมก็จะเป็นเช่นนี้ต่อไป                           นักปรัชญา เลยกล่าวว่า เมื่อทาสไม่เชื่อว่า เสรีภาพและอิสรภาพมีจริง เขาจะยอมรับความเป็นทาส ไม่ยอมต่อสู้ แต่ตราบใดที่ทาสคิดว่า เสรีภาพและอิสรภาพมีจริง เมื่อนั้นเขาจะลุกขึ้นต่อสู้ ความเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้น

แพทยสภาเลื่อนแล้ว เลื่อนอีก ดังนั้น ไม่ว่าคำวินิจฉัยจะออกมาอย่างไร คนก็จะคิดไป 2 ทาง คือ ทางที่หนึ่ง แพทยสภาถูกกดดัน จึงจำต้องวินิจฉัยไปตามแรงกดดัน ทางที่สอง แพทยสภาเลื่อนการวินิจฉัยออกไปเพราะมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง          

ดังนั้น เลื่อนไปเถอะครับ เอาที่พวกท่านสบายใจ เมื่อผู้คนหมดหวัง ไม่ลุกขึ้นต่อสู้ ท่านจะวินิจฉัยอย่างไรก็ไม่เป็นไร เพราะคำวินิจฉัยของท่านมันมาช้าเกินเวลาที่ควรจะเป็นแล้ว เสมือนความยุติธรรมที่มันมาช้าจนไม่สามารถเยียวยาอะไรได้อีกแล้ว

องคาพยพของประเทศนี้ ก็เหมือนตึก สตง. ที่รอเขย่านิดเดียว ก็จะล้มครืนลงทั้งระบบ ประชาชนส่วนหนึ่งที่ต้องการรักษาบ้านเมือง และพยายามทำตัวเหมือนเสาเข็มต้นเล็กๆ ที่พยายามค้ำยันประเทศไว้ ก็มีไม่มากพอที่จะค้ำยันประเทศนี้ไว้ จึงยากที่จะต้านทาน เดินถอยห่างออกมา ยืนที่ปลอดภัย รอดูวันล่มสลายดีกว่า

ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ข้อความว่า หลังจากที่ได้รับเอกสารจากโรงพยาบาลตำรวจเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ซึ่งเกินกำหนดเดดไลน์ในการส่งเอกสารที่กำหนดไว้ตั้งแต่ 15 มกราคม 2568

“หากเลื่อนพิจารณาผลสอบเพราะมีเอกสารมาใหม่ เข้าเหลี่ยมคนบางคน กำลังจะตัดสินแล้ว   แต่ส่งเอกสารใหม่มาอีก ร้อยปีก็ไม่จบ” นายสมชัยระบุ พร้อมตั้งคำถามว่า “นี่ระดับแพทยสภา หรือเล่นขายของกัน”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘สมศักดิ์’พึ่ง10อรหันต์

มติแพทยสภาพักใช้ใบอนุญาต 2  หมอ 3 เดือนกับ 6 เดือน “สมศักดิ์” หาหลังพิงตั้ง 10 อรหันต์ช่วยกรองก่อนส่งความเห็นกลับ