เขมรป่วนก่อนประชุม JBC “ฮุน มาเนต” ยันไปเจอกันที่ศาลโลก ยื่นข้อพิพาท 4 พื้นที่ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และบริเวณช่องบก-มุมไบ จะไม่คุยใน JBC โทษไทยปิดด่าน ถ้าอยากให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติก็ต้องเปิดเอง ยันกัมพูชาไม่ได้ก่อปัญหา ขณะที่ “ฮุน เซน” โจมตีไทยคล้ายรัสเซีย ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศของไทยแถลงข่าวไปอีกทาง ชื่นมื่น! แม่ทัพภาค 2 ไปตาเมือนธม กำลังใจล้นหลาม
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Hun Manet” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1.7 ล้านคน ระบุถึงท่าทีอย่างชัดเจนก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย.ว่า กัมพูชา “จะไม่หารือ” ประเด็นข้อพิพาทใน 4 พื้นที่ชายแดนกับฝ่ายไทย ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และบริเวณช่องบก-มุมไบ
นายกรัฐมนตรีกัมพูชาระบุว่า ประเด็นทั้ง 4 จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ไม่ว่าจะได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายไทยหรือไม่ โดยกำหนดว่าจะยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายนนี้ หากฝ่ายไทยปฏิเสธหรือไม่ตอบรับในการประชุม JBC
“กัมพูชาได้ตัดสินใจที่จะส่งประเด็นชายแดนใน 4 พื้นที่ดังกล่าวไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)… หากไทยไม่ให้คำตอบ กัมพูชาจะยื่นคำร้องฝ่ายเดียว” ฮุน มาเนต ระบุอย่างหนักแน่น
พร้อมกันนี้ ยังย้ำว่า ประเด็นการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนตามแนวชายแดนก็จะไม่ถูกหยิบยกในการประชุม JBC เช่นกัน เพราะไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจของคณะกรรมาธิการฯ โดยกล่าวโทษว่าเป็นฝั่งไทยที่เริ่มปิดด่านฝ่ายเดียวตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน และหากฝ่ายไทยต้องการให้สถานการณ์กลับสู่ปกติ ก็ต้อง “เปิดกลับ” เอง โดยไม่ต้องรอการเจรจาใดๆ
“กัมพูชาไม่ได้เป็นผู้ก่อปัญหา ดังนั้น กัมพูชาไม่ควรเป็นผู้ยุติปัญหานี้ก่อน… ใครเริ่มก่อนก็ต้องจบก่อน” ฮุน มาเนต กล่าวอย่างแข็งกร้าว
ขณะที่ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์แถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในวันนี้ (14 มิ.ย.) โดยเนื้อหาโจมตีไทยอย่างรุนแรง พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกกดดันให้ไทยแก้ข้อพิพาทผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)
ฮุน เซน ระบุว่า การที่เขาเคยสั่งการให้กัมพูชาลงมติ “คัดค้าน” การรุกรานยูเครนโดยรัสเซียในเวทีสหประชาชาติเมื่อปี 2022 เป็นจุดยืนที่ชัดเจนเพื่อสะท้อนหลักนิติธรรม และวันนี้พฤติกรรมของไทยเริ่มแสดงให้เห็นถึง “การละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ” ที่คล้ายคลึงกับกรณีรัสเซีย โดยเฉพาะในบริบทข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา
“ข้าพเจ้าเชื่อมาโดยตลอดว่า วันหนึ่งประเทศไทยอาจกระทำการบางอย่างซ้ำรอยกับเหตุการณ์ระหว่างปี 2008 ถึง 2011 และในวันนี้ เราเริ่มเห็นพฤติกรรมที่ละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และมีลักษณะรุกรานอย่างชัดเจน” ฮุน เซน ระบุในโพสต์
ไม่อยากก่อสงครามกับไทย
ฮุน เซน ขอให้ประชาคมระหว่างประเทศที่ยึดมั่นในหลักนิติธรรม ร่วมกดดันและสนับสนุนให้ประเทศไทยหันหน้าแก้ไขข้อพิพาท ผ่านกระบวนการศาลโลกเท่านั้น โดยระบุว่า เวที JBC ไม่ควรนำ 4 จุดพิพาทมาเจรจาแบบทวิภาคี ได้แก่
1.พื้นที่สามเหลี่ยมมรกต 2.ปราสาทตาเมือนธม 3.ปราสาทตาเมือนโต๊ด 4.ปราสาทตาควาย
ฮุน เซน ย้ำว่า กัมพูชาไม่ต้องการใช้อาวุธหรือก่อสงครามกับไทย แต่ขอให้ใช้ช่องทางกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการนองเลือด พร้อมยกตัวอย่างประเทศในอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย-มาเลเซีย และสิงคโปร์-มาเลเซีย ที่เคยนำข้อพิพาทด้านเขตแดนเข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก และสามารถยอมรับคำตัดสินได้ แม้จะไม่ได้ผลตามที่ตนเองต้องการ
“เส้นเขตแดนยาวกว่า 800 กิโลเมตร เราเพียงขอให้พิจารณา 4 พื้นที่ที่อ่อนไหว ซึ่งอาจเป็นจุดชนวนความขัดแย้งทางทหารในอนาคต ถ้าไม่เร่งแก้ไขผ่านศาล ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่จบสิ้น แม้จะใช้เวลาร้อยปีก็ตาม” ฮุน เซน กล่าว
เขายังอ้างว่า การหลีกเลี่ยงกลไกตุลาการระหว่างประเทศ จะเป็นสัญญาณของการไม่เคารพหลักนิติธรรม และอาจทำให้ไทยเผชิญแรงกดดันจากประชาคมโลกมากยิ่งขึ้น พร้อมระบุว่า การใช้กลไกศาลโลกไม่ได้เท่ากับการยั่วยุให้เกิดสงคราม แต่เป็น “หนทางสันติที่ถูกต้องตามกฎหมาย”
สำหรับการประชุม JBC ระหว่างไทย-กัมพูชาในวันนี้ มีความคาดหมายว่าจะเป็นเวทีหารือความร่วมมือด้านชายแดน การเปิดจุดผ่านแดน และการปรับปรุงเครื่องหมายเขตแดน แต่ภายใต้แถลงการณ์แข็งกร้าวของฮุน เซน ทำให้สถานการณ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศส่อเค้าตึงเครียด และอาจนำไปสู่แรงกดดันต่อรัฐบาลไทยในการกำหนดท่าทีอย่างชัดเจนต่อแนวทางแก้ไขข้อพิพาทระหว่างประเทศ
ที่กระทรวงการต่างประเทศของไทย นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) แถลงความคืบหน้าการประชุมเจบีซีว่า ได้มีการเริ่มการประชุมด้วยการหารือระหว่าง 2 ประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้มีการประชุมเจบีซีเต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นด้านเทคนิคที่อยู่ในขอบเขตการทำงาน เช่น การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ในช่วงบ่ายเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่น การพูดคุยเกี่ยวกับด้านเทคนิคคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันที่ 15 มิ.ย. บรรยากาศในการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นอย่าง In good faith (โดยสุจริตใจ) และปรับความคิดเข้าหากันด้วยดี โดยฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยังอยู่ในอนาคต
"เรื่องเกี่ยวกับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) ผมยังยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าประเทศไทยไม่ได้รับเขตอำนาจของไอซีเจ ซึ่งเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ยืนยัน ดังนั้นจึงขอย้ำว่า ไทยต้องการแก้ไขปัญหาผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว รวมถึงการหารือทางการทูต เนื่องจากเรามั่นใจว่าเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุด และเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสากล ในการแก้ไขปัญหาตามที่สหประชาชาติกำหนด โดยกลไกเจบีซี และกลไกอื่นๆ ก็เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่ามีผลสำเร็จเป็นรูปธรรม" นายนิกรเดชกล่าว
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีไลน์หลุดของประธานกรรมาธิการฝ่ายไทยในเรื่องการยอมรับแผนที่ตรงนี้ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายนิกรเดชกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ตนก็ได้ยินข่าวลือเรื่องไลน์หลุด ซึ่งตนก็ยังไม่ได้ Verify (ตรวจสอบ) ข้อเท็จจริงใดๆ เนื่องจากยังติดตามผลการประชุมอยู่ จึงไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้ แต่ถ้าทราบอะไรตนจะแจ้งเพิ่มเติมให้
แม่ทัพภาค 2 บุกตาเมือนธม
ที่ปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมายังปราสาทตาเมือนธม เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนและตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำการอยู่ที่จุดปราสาทตาเมือนธม โดยระหว่างที่เดินทางมาถึงนั้น ได้มีชาวบ้านจำนวนมากที่เดินทางมาท่องเที่ยวและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารที่ปราสาทตาเมือนธม เมื่อรู้ว่าแม่ทัพภาคที่ 2 เดินมามาถึง ต่างเข้าไปพูดให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 และเจ้าหน้าที่ทหาร บางคนเข้าสวมกอดให้กำลังใจ และต่างพร้อมการตะโกนโห่ร้องไชโยและขอถ่ายภาพร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 2 ทั้งนี้ ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่มารอต้อนรับแม่ทัพภาคที่ 2 ทุกคนยืนยันว่า พวกตนตั้งใจมาเที่ยวและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารอยู่แล้ว มากันเอง มาด้วยใจบริสุทธิ์ มาด้วยใจรักประเทศไทย
พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงสถานการณ์บริเวณจุดผ่านแดนถาวร บ้านแหลมและบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี หลังกัมพูชามีมาตรการเรื่องการปิด-เปิดด่าน ทำให้มีรถขนส่งสินค้าตกค้างอยู่ทั้ง 2 ฝั่งว่า ตรงจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ มีรถขนส่งสินค้าของไทยตกค้างจากเมื่อวานจำนวน 32 คัน โดยกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด หรือ กปช.จต. ได้ประสานขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชาเปิดประตูให้รถขนส่งเดินทางกลับไทยได้เรียบร้อยเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา
ส่วนที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ ยังคงปิดและเปิดให้ผ่านแดนเฉพาะบุคคล รวมทั้งไม่อนุญาตให้รถเข็นพืชผลทางการเกษตรของไทยผ่านเข้าไป
สำหรับผลกระทบดังกล่าว สืบเนื่องจากมาตรการปิดด่านฝั่งกัมพูชา ทำให้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ทางกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้ประสานงานกับฝั่งกัมพูชาเพื่อขอให้เปิดด่านระบายรถที่ตกค้างของทั้งสองฝั่ง เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อน จนเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.ของเมื่อวานนี้ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดประตูเพื่อระบายรถขนส่งสินค้าทั้งสองฝั่ง
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีทหารกัมพูชาหันกระบอกปืนใหญ่เข้ามายังฝั่งไทย บริเวณพื้นที่ปราสาทโดนตรวน และสัตตะโสม บ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ว่าไทยพบการวางกำลังกัมพูชาหลายจุดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอาวุธยิงสนับสนุน ที่มีระยะยิงถึงพื้นที่ในอธิปไตยของไทย ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคง ฝ่ายไทยจึงได้มีการปรับการวางกำลังเตรียมกำลังให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์เช่นกัน
บอกตรงๆ ขนลุก
นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า เขมรถือฤกษ์ 15 มิถุนา 2025 วันครบรอบ 63 ปีได้ปราสาทพระวิหาร เป็นคนไทยต้องอดทน!
ขอยืมคำของตัวละครในเรื่อง 2499 มาแปลงเพื่อระบายความรู้สึกช่วงนี้จริงๆ เพราะขณะที่ได้ยินเสียงซ้ำๆ จากนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ว่าเข้าใจกันๆ กำลังคุยกันๆ และเจบีซีๆ ๆ ๆ ๆ สมเด็จฮุน มาเนต ก็แถลงผ่าน fb ก่อนประชุมเจบีซีไม่กี่ชั่วโมงรวมสองสามประการ
สำหรับผม ไฮไลต์อยู่ที่กำหนดการยื่นศาล ICJ
“กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ จะส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงศาลโลกในวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2025”
บอกตรงๆ ขนลุก!
จะบังเอิญหรือเจตนาไม่อาจทราบได้ แต่วันที่ 15 มิถุนายน 2025 หรือ 2568 มีความสำคัญกว่าวันธรรมดาๆ ทั่วไป และก็ไม่ใช่วันอาทิตย์ธรรมดาๆ ทั่วไปแน่นอน
เพราะเป็นวันครบรอบ 63 ปีของชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของกัมพูชาต่อไทยบนเวทีศาลโลก หรือ ICJ ในคดีพิพาทที่ต่อสู้กันทุกรูปแบบเกือบ 3 ปี
วันที่ 15 มิถุนายน 1962 หรือ 2505 คือวันอ่านคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารของ ICJ
ย้อนเวลาไป 63 ปี คนไทยทั้งเสียใจและขึ้งโกรธกันครึ่งค่อนประเทศ
น้ำตาที่หลั่งออกมาท่วมท้นแผ่นดิน
วันนี้ ปิศาจแห่งคำพิพากษา 15 มิถุนายน 2505 ยังตามมาหลอกหลอนคนไทยอีก
ปิศาจตนนั้นใช้สิ่งที่เรียกว่าหลักกฎหมายปิดปาก หรือ Estoppel มาพันธนาการว่าประเทศไทยยอมรับแผนที่ฝรั่งเศสที่จัดทำขึ้นในปี ค.ศ.1908 แล้ว ก่อนจะปักมีดลงตรงขั้วหัวใจว่าปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ในอาณาเขตใต้อธิปไตยของกัมพูชา
แผนที่จะตรงกับการแบ่งเส้นเขตแดนไทยกับอินโดจีนฝรั่งเศสที่ให้ยึดหลักสันปันน้ำตามอนุสัญญา ค.ศ.1904 หรือไม่ ไม่สำคัญ
เพราะเมื่อไทยผูกพันกับแผนที่ตามหลักกฎหมายปิดปากแล้ว แผนที่เขียนไว้อย่างไรก็ต้องเป็นไปตามแผนที่-ปิศาจว่าไว้อย่างนั้น แม้วันนี้เราไม่ได้พูดเรื่องปราสาทพระวิหาร แต่ปราสาทอื่นๆ บริเวณชายแดน และพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนหลายจุด ก็จะมีความเกี่ยวพันกับแผนที่ทั้งนั้น ไม่มากก็น้อย
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2505 ที่นำมาแถลงกับพี่น้องประชาชนบรรยายลักษณะปิศาจของคำพิพากษา 15 มิถุนายน 2505 ไว้ได้อย่างกระชับและมีพลัง
ขอนำบางตอนมาร่วมรำลึกความทรงจำเนื่องในโอกาสครบรอบ 63 ปีแห่งการหลั่งน้ำตาของคนไทยทั้งชาติดังนี้
“รัฐบาลขอแถลงให้ประชาชนชาวไทย และชาวโลกทั้งหลายทราบทั่วกันว่า ภายหลังที่ได้อ่านคำพิพากษาโดยตลอดแล้ว รัฐบาลมีความเสียใจที่ไม่อาจจะเห็นด้วยกับคำตัดสินของศาล ด้วยเหตุผลหลายประการทั้งในทางข้อเท็จจริง ในทางกฎหมายระหว่างประเทศ และในทางหลักความยุติธรรม…"
"ศาลมิได้ยึดตัวบทสนธิสัญญาระหว่างประเทศไทยและประเทศฝรั่งเศส แต่กลับยึดตามแผนที่ซึ่งขัดต่อตัวบทอันชัดแจ้งของสนธิสัญญา…"
“ในการนี้ศาลอ้างเหตุที่ฝ่ายไทยมิได้ประท้วงความไม่ถูกต้องของแผนที่ เป็นทางให้ฝ่ายไทยจะต้องเสียอธิปไตยบนดินแดน แต่ในขณะเดียวกันไม่ใช้หลักเดียวกันนี้ขึ้นกล่าวอ้างแก่ฝ่ายกัมพูชาและฝรั่งเศสในเรื่องการปกครองของฝ่ายไทยเหนือเขาพระวิหารมาเป็นเวลาช้านานกว่า 50 ปี…"
“นอกจากจะไม่ยอมรับฟังและหักล้างคารมและเหตุผลที่ฝ่ายไทยเสนอต่อศาลแล้ว ในคำพิพากษายังแสดงให้เห็นว่าไม่มีความพยายามสืบหาข้อเท็จจริงในท้องที่ให้แน่ชัด ทั้งไม่นำพาต่อความเห็นผู้เชี่ยวชาญการแผนที่..."
"นอกจากนั้นยังมีข้อสำคัญอีกว่า แผนที่ซึ่งศาลถือเป็นหลักชี้ขาดให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารนั้น ก็เป็นแผนที่ซึ่งได้สร้างขึ้นผิดไปจากความแท้จริงแห่งภูมิประเทศอีกด้วย…"
“…ฯลฯ…..”
จะประชุม JBC วันนี้ เมื่อวานนี้ผู้นำเขมรผู้ลูกประกาศแล้วว่าพรุ่งนี้จะยื่นเรื่องต่อ ICJ
มารอดูว่าผู้นำไทยผู้ลูกจะแผ่นเสียงตกร่องทำนองเจบีซีๆ ๆ ๆ อีกหรือไม่
บอกแล้วไง-เป็นคนไทยต้องอดทน!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'มทภ.2' เตือนอย่าเชื่อเฟกนิวส์สั่งถอนกำลัง ยันทหารตรึงกำลัง 24 ชม.
'แม่ทัพภาค 2' เตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อเฟกนิวส์สั่งถอนกำลัง หวังปั่นกระแสยั่วยุ สร้างความเข้าใจผิด ยันทหารตรึงกำลังปกป้องอธิปไตยเข้มแข็งตลอด 24 ชม.
นักวิชาการตบหน้าพ่อ-ลูก จีนอดสูมาเก๊าแหล่งมาเฟีย
"นักวิชาการ" ตบหน้า "พ่อ-ลูก" ชินวัตร ซัด "แพทองธาร" ไม่มีองค์ความรู้
เพื่อไทยตอกยํ้า ขวางนิรโทษ112 หวังเดินหน้าปท.
"วิสุทธิ์" ย้ำจุดยืน "เพื่อไทย" ไม่นิรโทษกรรมความผิด ม.112 ยึดร่าง รทสช.เป็นหลัก
ดีเอสไอจ่อฟัน แก๊งรีดหัวคิว แรงงานเขมร
"ดีเอสไอ" จ่อตั้งข้อหาหนัก "อั้งยี่-ฟอกเงิน" แก๊งรีดหัวคิวแรงงานเขมร
เศรษฐาฝันทรัมป์ลดภาษี20%
“เศรษฐา” ฝันทีมไทยแลนด์เจรจาภาษีทรัมป์ หวังลดอัตราภาษี 20% เท่าเวียดนาม
ปูดดีลลับถอนกาสิโน แลกฮุนเซนไม่ปล่อย‘คลิปลับ’/เร่งออกหมายแดงล่าก๊กอาน
“จตุพร” จับพิรุธ “ทักษิณ” ถอนกาสิโน-แตกหักฮุน เซน วันเดียวกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ