ความร่วมมือด้านกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นเจ้าภาพร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในการจัดประชุม 15th APEC Conference on Good Regulatory Practice (GRP15) โดยนายปกรณ์  นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม เมื่อวันพุธ ที่ 24 สิงหาคม 2565 ณ โรงแรมแชงกรี-ลา เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการประชุมที่เกี่ยวข้องกับการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ 3 หรือ SOM3 ที่ปีนี้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกหรือ เอเปค มีหัวข้อหลักของการประชุม เรื่อง “การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการบริหารจัดการกฎหมายในช่วงวิกฤติและเตรียมความพร้อมสังคมและเศรษฐกิจในโลกยุคหลังวิกฤติโควิด 19”

“เอเปค” เป็นเวทีที่เสริมสร้างกลไกสำคัญที่ทำให้การค้าระหว่างประเทศขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการสนับสนุนให้เขตเศรษฐกิจต่าง ๆ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน จนกระทั้งการนำไปสู่การนำเครื่องมือด้านการมีกฎหมายที่ดีหรือ Good Regulatory Practices หรือ GRP มาใช้ทบทวนกฎหมายและกฎเกณฑ์เพื่อลดกำแพงทางการค้าที่เกิดจากกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ได้ในการอำนวยความสะดวกด้านการค้า และหลายเขตเศรษฐกิจได้นำ GRP มาใช้ในการออกกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ซึ่งสามารถใช้รับมือกับวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างดี นอกจากนั้น การมีกฎหมายกฎระเบียบที่เป็นสากลจะส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจมีต้นทุนที่ลดลง และทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของสมาชิกและระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในภูมิภาคที่สูงขึ้น ซึ่งเครื่องมือหรือกลไกสำคัญที่เอเปคใช้ในการส่งเสริมความร่วมมือและการค้าระหว่างสมาชิกนั้น

ในปี ค.ศ. 2017 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยก็ได้กำหนดหลักการและกลไกที่สำคัญของ GRP ไว้ ส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง (Consultation stakeholders) จัดทำ Regulatory Impact Assessment ประกอบการเสนอร่างกฎหมายทุกฉบับ รวมทั้งมีหน้าที่จัดทำ Ex-post Evaluation ของกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบทุกรอบ 5 ปี เพื่อให้กฎหมายทุกระดับทันสมัยอยู่เสมอ ซึ่งกลไกเหล่านี้ส่งผลให้กฎหมายของไทยได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพ และมีความสอดคล้องกับหลักสากล รวมทั้งมีการยกเลิกและปรับปรุงกฎหมายที่สร้างภาระให้แก่ประชาชนเกินสมควรหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันหลายฉบับ

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังผลักดันนโยบายรัฐบาลเปิดและรัฐบาลดิจิทัล (Open and Digital Government) ที่ส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลกฎหมายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายได้ง่ายขึ้น โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำระบบกลางทางกฎหมายในรูปแบบ one-stop shop ผ่านเว็บไซต์ law.go.th สำหรับการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายและการเผยแพร่ข้อมูลกฎหมายที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสร้างความมีส่วนร่วมของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานภาครัฐ รวมทั้งเสริมสร้างความโปร่งใสในภาครัฐ

การประชุมครั้งนี้จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการพัฒนาและผลักดันนโยบาย GRP ของแต่ละเขตเศรษฐกิจ และจะนำไปสู่การพัฒนาต่อยอด GRP ให้สามารถพัฒนากฎหมายและกฎเกณฑ์ของสมาชิกให้รองรับการเปลี่ยนแปลงและวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

การใช้มาตรการทางกฎหมายในการควบคุมคุณภาพยาเพื่อคุ้มครองสุขภาพของประชาชน

การจะพัฒนากฎหมายเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามวิสัยทัศน์ “Better Regulation for Better Life” ได้นั้น นอกจากการพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทางด้านเศรษฐกิจแล้วนั้น

บทบาทของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากับการขับเคลื่อนงานด้านกฎหมายเกี่ยวกับ “Soft Power”

นโยบายสำคัญอย่างหนึ่งที่ได้รับความสนใจและมีการกล่าวถึงอย่างแพร่หลายของรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) เข้ามาบริหารประเทศ

การยกเลิกกฎหมายที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น

สิทธิและเสรีภาพของประชาชนได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยรัฐจะดำเนินการที่กระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจเท่านั้น

Regulate to elevate : บทบาทของกฎหมายกับการพัฒนาด้านสังคมและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

โลกหลังจากวิกฤติโควิด-19 ประชาชนหันมาให้ความสนใจในการพัฒนาด้านสังคมและเศรษฐกิจด้วยแนวคิดความยั่งยืนเป็นหลักการสำคัญ การจัดทำนโยบายแห่งรัฐและกระบวนการกฎหมายจึงจำเป็นต้อง

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กับการพัฒนากฎหมายที่ช่วยส่งเสริมสตาร์ทอัพ

การพัฒนาระบบเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการพัฒนาประเทศ ในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบธุรกิจสตาร์ทอัพใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเป็นเครื่องมือ

'จตุพร' ฟาด 'เศรษฐา-พท.' ดึงเกมดิจิทัล ยื้อเวลาสว.สิ้นวาระ หันจับมือก.ก.ฟื้นเสียงนิยม

'จตุพร' ฟาด 'เศรษฐา-เพื่อไทย' ปั่นเกมหลอก ปชช.ซ้ำซาก ฉะดึงเกมดิจิทัล ทำชักช้าให้สภาพิจารณางบ 67 เชื่อยื้อเวลา สว.สิ้นวาระ พ.ค. 67 คาดแปรหันจับมือ ก้าวไกล ฟื้นเสียงนิยม