สุทธิสาร เตรียมไร้สายสื่อสาร! MEA จับมือภาคี เดินหน้าโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน ถ.สุทธิสารวินิจฉัย

วันนี้ (9 กรกฎาคม 2567) นายทวีศักดิ์ สมานสิน ผู้ช่วยผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง พร้อมด้วย รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.พนมพร สุวรรณปัฏนะ ที่ปรึกษาประจำสำนักงานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) นายราชันย์ เพ็ญศิริ ที่ปรึกษาคณะกรรมการการบริหาร สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม และภาคีเครือข่าย ร่วมสนับสนุนการดำเนินงานรื้อสายสื่อสาร ถนนสุทธิสารวินิจฉัย ตั้งแต่ แยกถนนพหลโยธิน ถึง แยกถนนวิภาวดีรังสิต รวมระยะทาง 1.6 กิโลเมตร ณ บริเวณปั๊มน้ำมันบางจาก ซอยอินทามระ 4 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย

MEA ในฐานะหน่วยงานผู้ดูแลระบบจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ได้สนับสนุนการจัดระเบียบสายสื่อสารตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย มีการดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสาร รวมถึงบูรณาการร่วมกันเพื่อจัดทำโครงการสายสื่อสารใต้ดินอย่างต่อเนื่อง โดย MEA พร้อมอำนวยความสะดวกในด้านความปลอดภัยจากการทำงานบนเสาไฟฟ้าให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์ในด้านความปลอดภัย ทัศนียภาพที่ดี รวมถึงความมั่นคงด้านระบบไฟฟ้า ลดอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยการรื้อสายสื่อสารบนถนนสุทธิสารวินิจฉัย ครั้งนี้ มีแผนดำเนินการพร้อมกับโครงการปรับปรุงทางเท้าของ กทม. คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จประมาณเดือน กันยายน 2567

ทั้งนี้ ปี 2567 MEA และหน่วยงานภาคี มีแผนนำสายสื่อสารลงใต้ดิน จำนวน 32 เส้นทาง ระยะทางรวมกว่า 68 กิโลเมตร ประกอบด้วยพื้นที่บางช่วงของถนนสายสำคัญต่าง ๆ เช่น ถนนสุทธิสารวินิจฉัย ถนนอโศกมนตรี ถนนศรีอยุธยา ถนนพระรามที่ 4 และถนนจรัญสนิทวงศ์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย จำนวน 183 เส้นทาง รวมระยะทางกว่า 570 กิโลเมตร เฉลี่ยดำเนินงานเดือนละ 45 กิโลเมตร และในปี 2568 ยังมีเป้าหมายจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้ารวมระยะทาง 800 กิโลเมตร ซึ่งในส่วนนี้ MEA ได้สนับสนุนการติดตั้งคอนสายสื่อสารเพื่อใช้สำหรับการยึดสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้า ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยโดยในปัจจุบันติดตั้งคอนเสร็จตามแผนปี 2567 แล้วกว่าร้อยละ 74

MEA ได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมให้การติดตั้งสายสื่อสารเป็นไปตามมาตรฐาน และหลักเกณฑ์ของ MEA รวมถึงการจัดทำระบบบริหารจัดการข้อมูลสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้า Smart CCM (Smart Communication Cable Management) เพื่อให้บริการขออนุญาตติดตั้งสายสื่อสารแบบออนไลน์ (Online) บันทึกข้อมูลของสายสื่อสาร และแผนผังเส้นทางที่ติดตั้งสายสื่อสารในแผนที่ภูมิศาสตร์สารสนเทศ (GIS) ของ MEA ช่วยบริหารจัดการข้อมูลสายสื่อสารที่ติดตั้งขึ้นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากการดำเนินงานด้านสายสื่อสารแล้ว MEA ยังมีโครงการสายไฟฟ้าใต้ดินที่กำหนดเป้าหมาย 313.5 กิโลเมตร ให้แล้วเสร็จภายในปี 2572 โดยโครงการดังกล่าว จะบูรณาการความร่วมมือในการนำสายสื่อสารลงใต้ดินไปในคราวเดียวกันเพื่อลดปัญหา และผลกระทบที่อาจเกิดกับประชาชนในพื้นที่ก่อสร้างอีกด้วย

สำหรับประชาชนที่พบเห็นปัญหาสายสื่อสารรกรุงรัง สายสื่อสารหลุดห้อยไม่ปลอดภัย เสาสื่อสารชำรุด สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน กสทช. โทร. 1200 หรือ LINE@ : @nbtc1200 หรือคลิก https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=nbtc1200 หรือหากพบว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าของ MEA ชำรุด อยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งเหตุได้ที่ MEA Smart Life Application ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน ใช้งานได้ทั้งผ่านระบบ iOS และAndroid หรือสอบถามผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่ Facebook: การไฟฟ้านครหลวง MEA X: @mea_news และ Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการ เลือกเมนูติดต่อ MEA Call Center Online 1130 ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คน กทม. เกินครึ่งไม่เห็นด้วยมาตรการเก็บค่าธรรมเนียมรถติด

นย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ ของประชาชน เรื่อง “สองมาตรการใหม่ คน กทม. จะเอาไง” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 27-29 พฤศจิกายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร กระจายระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความคิดเห็นของคนกรุงเทพมหานคร หากมีการใช้มาตรการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการเก็บขยะและค่าธรรมเนียมรถติด

รัฐบาลชวน 'ครู-นร.' ลงทะเบียน 'ซิมพร้อมเรียน' ใช้เน็ตฟรี

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้ร่วมมือกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)