ศาล รธน. นัด 1 มิ.ย.นี้ ตีความ พรก.ฉุกเฉิน ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

ศาลรธน.นัด 1 มิ.ย.นี้ ตีความ พ.ร.ก.ฉุกเฉินขัดรธน. ม.26 หรือไม่ พร้อมสั่งจำหน่ายคดี คำโต้แย้งประกาศ-คำสั่ง คสช.คุมสื่อ ชี้ถูกยกเลิกแล้ว-ไม่มีผลบังคับใช้

11 พ.ค.2565 - ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณากรณีศาลแขวงดุสิตส่งคำโต้แย้งของนายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ จำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ 1762/2563 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ว่า พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. มาตรา 9 และมาตรา 11 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 และ มาตรา 26 หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงไม่ทำการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง กำหนดประเด็นพิจารณาวินิจฉัยว่าพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 9 (2) และมาตรา 11 (6) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 หรือไม่ โดยกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันพุธที่ 1 มิ.ย.นี้ เวลา 09.30 น.

นอกจากนั้นศาลรัฐธรรมนูญยังได้มีคำสั่งจำหน่ายคดี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 51 กรณีศาลปกครองกลางส่งคำโต้แย้งของมูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ในคดีหมายเลขดำที่ 63/2560 เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 วรรคหนึ่ง ว่า ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 97/2557 ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 103/2557 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 41/2559 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3,4,5,26,27,34 และ มาตรา 35 หรือไม่

โดยศาลรัฐธรรมนูญอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่า ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 97/2557 และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 103/2557 ถูกยกเลิกโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 9/2562 แล้ว ไม่มีผลใช้บังคับต่อไป ส่วนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 41/2559 ข้อ 1 ที่กำหนดให้การนำเสนอข้อมูลข่าวสารหรือการออกรายการที่มีเนื้อหาสาระตามข้อ 3 (1) ถึง (7) ของประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 97/2557 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 103/2557 เป็นการออกอากาศที่มีเนื้อหาสาระตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 (ห้ามมิให้ออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาสาระที่ก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีการกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจาร หรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรงฯ)นั้น เมื่อประกาศทั้งสองฉบับดังกล่าวข้างต้นถูกยกเลิกไปแล้ว คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 41/2559 ข้อ 1 ย่อมไม่มีผลใช้บังคับต่อไปด้วย อันเป็นกรณีไม่มีเหตุที่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องวินิจฉัยคดีนี้ต่อไป จึงมีคำสั่งจำหน่ายคดี.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชัยธวัช'ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญขยายเวลาสู้คดียุบพรรคเพิ่มอีกรอบ!

'ชัยธวัช' ลุ้นศาล รธน.ขยายเวลาสู้คดียุบพรรค มองเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงต้องหาพยาน-หลักฐาน สู้อย่างเต็มที่ เชื่อปรากฎการณ์งูเห่าน้อยกว่า 'อนาคตใหม่' เหตุสถานการณ์ต่างกัน

'เทพไท' ผสมโรง! เอกสาร 'บิ๊กโจ๊ก' ประจาน ระบอบทักษิณ-ยุคคสช. องค์กรอิสระที่ไม่อิสระจริง

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช กองเชียร์พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่า จากระบอบทักษิณ ถึงยุค คสช. องค์กรอิสร

ศาลรธน. ไม่รับคำร้องขอวินิจฉัยอำนาจสภาฯแก้รัฐธรรมนูญ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องของประธานรัฐสภาที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของรัฐสภา ในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256

'นครินทร์' ย้ำศาลรธน.ไม่มีธงตัดสิน ผลออกได้แค่ขัดหรือไม่ขัดรธน. ไม่มีตรงกลาง

นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการจัดงานครบรอบ 26 ปีศาลรัฐธรรมนูญว่า วันนี้เป็นการประชุมทางวิชาการที่ได้มีการเตรียมการมาสักระยะหนึ่งแล้ว

ศาลรธน. นัดถก 17 เม.ย. ก้าวไกลขอขยายเวลายื่นคำชี้แจง ตัดสินยุบพรรคไม่ทัน เม.ย.นี้

นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาคำร้องยุบพรรคก้าวไกล และการขอขยายระยะเวลาการยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหานายนครินทร์ กล่าวว่า ต้องแล้วแต่ที่ประชุมของศาลซึ่งก็จะดูความพอเหมาะ