'นิติธร-จตุพร' วิเคราะห์ปรากฎการณ์ชกต่อย 'ศรีสุวรรณ' หวั่นจุดชนวนรุนแรงปลอมก่อเหตุหนุน'ประยุทธ์'

'นิติธร-จตุพร 'วิเคราะห์ปรากฎการณ์ชก ต่อย เตะ 'ศรีสุวรรณ' หวั่นส่อลุกลาม บางกลุ่มจ้องจุดชนวนรุนแรงปลอม เป็นเหตุจัดการอำนาจเบ็ดเสร็จ โยน 'ประยุทธ์' บมเพาะความรุนแรงต้องรับผิดชอบ ที่เคยหาเสียง'ความสงบจบที่ลุงตู่'

19 ต.ค.2565 - นายจตุพร พรหมพันธุ์และนายนิติธร ล้ำเหลือ คณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน มี ธงไชย คำวิเศษณ์ ดำเนินรายการตอน ปรากฏการณ์ "ศรีสุวรรณ" ที่ถูกทำร้ายร่างกาย โดยเชื่อว่า สังคมก่ออารมณ์สะสมความรุนแรงให้ฝ่ายเห็นต่างกับรัฐบาลจนต้องใช้กำลังแสดงออก ดังนั้น บางกลุ่มจ้องปฏิบัติการความรุนแรงให้ขยายผล แล้วกลายเป็นระเบิดเวลาให้เกิดความแตกแยกกันหนักขึ้น

ปรากฎการณ์นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นเรื่องร้องเรียนทางการเมืองกล่าวโทษการชุมนุมเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกนายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล ผู้ชุมนุมบนถนนคนหนึ่งที่ต้องคดีเข้าชกต่อยเตะที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ขณะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังจากยื่นร้องเรียนดำเนินคดี 'โน้ส อุดม แต้พานิช' ในการแสดงเดี่ยว 13 ว่าหนุนม็อบหรือไม่

นายนิติธร เชื่อว่า กรณีของนายศรีสุวรรณเป็นผลพวงจากแรงกดทับในสังคมซึ่งเกิดสะสมในหลายเหตุการณ์ไม่แตกต่างกัน ส่วนโน้ส-อุดม พูดเดี่ยว 13 นั้น เกิดจากฝ่ายเลือกข้าง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการขยายผลไปไกลจนเลยเถิดกันมากกว่า ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง การปกครอง แต่ยังพยายามลากโยงไปให้เป็นเรื่องประชาธิปไตยให้ได้

"ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรับผิดชอบเพราะประกาศหาเสียงไว้ว่า ให้เลือกความสงบจบที่ลุงตู่ ตลอดจนในช่วงรัฐบาล 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อนักศึกษาชุมนุมมักถูกสลายการชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตาอยู่เรื่อยไป ล้วนเป็นการสะสมความรุนแรงให้กับประชาชน "

ส่วนนายศรีสุวรรณนั้น การร้องเรียนต้องมีเหตุผล ถ้าเหตุผลอ่อนแสดงถึงการทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ส่งผลให้ประชาชนเข้าใจว่า เสมือนถูกกลั่นแกล้ง ถูกฟ้องร้องขยี้ซ้ำเติม จึงทำให้อารมณ์สังคมขยายผลขึ้น ดังนั้น ตนเห็นว่า กรณีแบบนี้จะะเกิดขึ้นอีกหลายเหตุการณ์ในอนาคต ยิ่งสื่อมวลชนบางสำนักกลับปลุกปั่น ยั่วยุแบบไร้เหตุผล ยิ่งทำให้ความรุนแรงขยายออกไปได้รวดเร็ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ผู้หญิงเป็นคนแก่ มาชุมนุมแล้วถูกตบที่สถานีรถไฟฟ้าย่านสยามสแควร์ สื่อกลับไม่นำเสนอเป็นเรื่องใหญ่เลย

กรณีการพูดของโน้ส-อุดม เกี่ยวข้องเฉพาะการเมือง การบริหารงานของประยุทธ์เท่านั้น ไม่ได้มีส่วนใดข้องเกี่ยวกับสถาบันเลย แล้วยังถูกโยงปลุกปั่นกล่าวหาไปเกินเลย แต่สื่อบางส่วนขยายผลไปกันใหญ่ ดังนั้นกรณีแบบนี้ นับวันจะแรงยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเมื่อไม่มีใครหยุด ทุกคนจึงเริ่มทำกันหมดเพื่อหยุดมันด้วยตัวเอง

“แสดงถึงสัญญาณความพร้อมจะก่อความรุนแรงเริ่มแล้ว และจะหนักขึ้น ยิ่งส่งผลกระทบต่อการประชุมเอเปคด้วย คุณ (พล.อ.ประยุทธ์) ทำให้พื้นดินนี้เต็มไปด้วยระเบิดอารมณ์ในสังคมไทย อีกทั้งรัฐบาลบริหารประเทศด้วยการบมเพะให้เกิดความรุนแรงเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ได้ ดังนั้นประชาชนจึงต้องช่วยตัวเอง อย่าไปหวังอะไรจากรัฐบาลนี้ว่าจะมีอะไรดีขึ้น แม้แต่คำพูดผู้นำพูดแล้วยังไม่ทำ คนไทยจึงดูแลตัวเอง”

นายนิติธร กล่าวว่า สิ่งที่น่ากลัวขณะนี้ เพราะสังคมเลือกการกระทำไปแล้ว รอเพียงเวลาของเหตุการณ์เท่านั้น กรณีนี้เป็นเพียงสัญญาณความรุนแรงในอนาคต และนายศรีสุวรรณยื่นร้องเรียนกล่าวหาก็คงถูกมองว่า เป็นการยั่วยุ ส่วนสื่อบางสำนักกลับประณาม ประจานคนทำร้าย อย่างไร้เหตุผล มากกว่าการเตือนสติ จนเกินเลยกว่าการเป็นสำนักข่าว

รวมถึง ประเทศขณะนี้ เศรษฐกิจแย่ ประชาชนมีชีวิตต่ำกว่าศูนย์ ส่อนำไปสู่ความรุนแรงได้ ยิ่งเจ้าหน้าที่รัฐเป็นฝ่ายจุดชนวนก่อน เริ่มจากก่อความรู้สึกไม่พอใจต่อประชาชนด้วยการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ รั้วลวดหนามใบมีดโกน แสดงถึงความยั่วยุประชาชนให้ติดอาวุธชุมนุมหรือไม่ อีกทั้งยังสะท้อนถึงความปอดแหกของอดีต ผบ.ทบ.และทำให้สังคมเห็นแต่ความโหดร้ายที่รัฐส่งออกมา ประชาชนหมดจึงหมดที่พึ่ง สิ่งนี้เป็นการสะสมความรุนแรงให้เกิดขึ้นในอนาคต

ด้านนายจตุพร กล่าวว่า ปรากฎการณ์ศรีสุวรรณ พิสูจน์ได้ชัดว่า การประกาศเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ไม่เคยมีอยู่จริง และยังสะท้อนถึงก่อนการยึดอำนาจจะสั่งสมปราการณ์เช่นนี้เสมอ แล้วพัฒนาการสร้างเหตุผลไปสู่ความแตกแยกเพื่ออ้างทำรัฐประหาร ทั้งที่ปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ คือต้นเหตุความขัดแย้ง ดังนั้น พื้นฐานของสังคมวันนี้คนไทยพร้อมระเบิดอารมณ์ได้ตลอดเวลา

พร้อมเสนอว่า ในสังคมขณะนี้ต้องเลือกหนทางแก้ไขแบบเหตุผลและสันติวิธี แม้เห็นต่างก็แสดงออกมาได้ โดยควรมีพื้นที่เหลือความเป็นมนุษย์ไว้ให้แสดงออก แต่ปรากฎการณ์ศรีสุวรรณ อารมณ์สะใจไม่ควรเกิดเรื่อง ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาพูดตั้งแต่ต้น แต่กลับไม่พูดอะไรเลย

“กรณีศรีสุวรรณ ทุกฝ่ายต้องทบทวน อย่าเอาแบบอย่าง เพราะจะเกิดของปลอมขึ้นมาก่อเรื่องขยายผลสวมรอยให้เป็นชนวนลุกลามแรงขึ้นไปอีก และนำมาเป็นเหตุผลกับการจัดการอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ อีกอย่างแสดงถึงประชาชนไม่สามัคคีกัน อยู่กันท่ามกลางความขัดแย้ง พล.อ.ประยุทธ์ จึงอยู่มาได้มาถึงกว่า 8 ปี ดังนั้น ประชาชน ระวังอย่าไปกินเบ็ดเหยื่อปลอม ควรหยุดได้แล้วจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว”

นายจตุพร กล่าวว่า สังคมภายใต้รัฐบาลที่มักใช้คำปลอมๆ เช่น การปรองดอง การปฎิรูป โดยไม่ปฏิบัติให้จริงจัง ราวกับสิ่งนี้ไม่มีอยู่จริง แต่กลับนำขึ้นมาโฆษณาชวนเชื่อ ตลอดจนสื่อขณะนี้จะเกิดการปั่นให้ร้ายให้เกิดแตกแยกเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ได้อยู่จนถึงปัจจุบัน ดังนั้น ถ้าสังคมจะเกิดการขัดแย้งใหม่ ก็ควรเป็นเรื่องระหว่างประชาชนกับผู้ปกครอง ไม่ใช่ประชาชนต่อประชาชน อีกทั้งรัฐและสื่อควรสร้างพื้นที่ให้คนเห็นต่างอยู่กันได้ด้วย อย่าคิดแต่การปลุกปั่น ยั่วยุเหตุการณ์รุนแรง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มึน! 'อุ๊งอิ๊ง' ชวนคนทั้งโลกมาสาดน้ำช่วงสงกรานต์ แต่ตัวเองไปเที่ยวฮ่องกง

'ตู่' มึน 'อุ๊งอิ๊ง' ชวนคนทั้งโลกมาสาดน้ำ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 21 วัน แต่ตัวเองไปเที่ยวฮ่องกง งง ทำไปทำไม ติงควรมีดีเอ็นเอรับผิดชอบ อย่ายึดตัวตน

'ทักษิณ' เริงร่า เล่นน้ำยกดัมเบล เลี้ยงหลาน เย้ยดีลกลับบ้าน ไม่ตื่นเต้นคำขู่

'จตุพร' อ่านไต๋ 'ทักษิณ' เริ่งร่า เล่นน้ำยกดัมเบล เลี้ยงหลานสุดคึกคัก ส่งนัยเย้ยดีลกลับบ้าน ไม่ตื่นเต้นคำขู่ จับตา! 10 เม.ย. ตัดสินฟ้องหรือไม่ คดี 112 ระบุเป็นจุดเริ่มเปลี่ยนชะตาคน

'จตุพร' ชี้ข่าวปล่อย ปรับครม.ดึงปชป.ร่วมรบ. มั่นใจ 'ก้าวไกล' ทิ้งทวนซักฟอกก่อนถูกยุบ

'จตุพร' ชี้ปรับ ครม. ดึง ปชป.ร่วมรัฐบาลเป็นข่าวปล่อย มั่นใจ'ก้าวไกล' ทิ้งทวนซักฟอกให้เป็นนัดแห่งความทรงจำ ก่อนถูกยุบพรรคใน เม.ย.นี้

ศึกทะเลาะเบาะแว้งใน สตช. บ่งชี้บี้ทวงดีลบีบ 'เศรษฐา' หนักมือยิ่งขึ้น

'จตุพร' เชื่อศึกทะเลาะเบาะแว้งใน สตช. เป็นสิ่งบ่งชี้บี้ทวงดีลบีบ 'เศรษฐา' หนักมือยิ่งขึ้น เหตุไร้ภาวะผู้นำ ไม่มีศักยภาพปรับเปลี่ยนยกเครื่องวงการตำรวจเป็นที่พึ่ง ปชช.