
3 ก.พ. 2566 – นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ชี้แจงข้อมูล เพื่อปกป้องเอกชน ระบุว่าธุรกิจดาวเทียมปัจจุบันไม่ใช่ธุรกิจที่ผูกขาดภายใต้ระบบสัมปทานเหมือนในอดีต ประเทศไทยต้องแข่งขันกับตลาดต่างประเทศ
ผมคิดว่า กสทช. คงให้ข้อมูลประชาชนไม่ถูกต้อง เพราะโครงการดาวเทียมนั้น เน้นเพื่อการสื่อสารภายในประเทศ ระบบสัมปทานในอดีตมีการแข่งขันกันถึง 5 บริษัท และในสัญญาสัมปทาน เมื่อยิงดาวเทียมขึ้นวงโคจร ทุกอย่างต้องตกเป็นของรัฐ แต่ในระบบใบอนุญาตที่ท่านทำ เมื่อเอกชนประมูลได้ ทุกอย่างเป็นของเอกชน เขาจะไปทำอะไรก็เป็นเรื่องของเขา เท่ากับว่าพวกท่านกำลังเอื้อประโยชน์แก่เอกชน
ส่วนเรื่องการผูกขาด เนื่องจากกิจการสื่อสารภายในประเทศ มันมีแค่ดาวเทียมบริษัทเดียวที่ให้บริการ จะเป็นสัมปทานหรือใบอนุญาต มันเป็นการผูกขาดอยู่ดี แต่ระบบสัมปทาน ยังเป็นสมบัติของรัฐตลอด และต้องมอบให้รัฐเมื่อครบสัญญา แต่เป็นใบอนุญาต ทุกอย่างตกเป็นของเอกชน
อีกประเด็นที่ กสทช. อ้าง ผู้ประกอบการนอกจากมีต้นทุนจากการประมูลแล้ว ในแต่ละปีต้องส่งให้รัฐ โดยคิดจากรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย ได้แก่ ค่าอนุญาตใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม ร้อยละ 0.25 ค่าธรรมเนียม USO ร้อยละ 2.5 ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ไม่เกินร้อยละ 1.5
กสทช. ก็ปกป้องเอกชนมากไป ท่านทราบไหม วันนี้ท่านประมูลหลักร้อยล้านบาทเอง ขณะที่ผลประโยชน์เอกชนเป็นแสนล้านบาท ในสมัยสัญญาสัมปทานช่วง1 – 5 ปีแรก ต้องจ่ายรัฐ 5.5% ของรายได้ ช่วง 6 – 10 ปี ต้องจ่ายรัฐ 10.5% ของรายได้ ช่วง 11 – 15 ปี ต้องจ่าย 15.5%ของรายได้ และปีที่ 16 – 20 ต้องจ่าย 17.5% ของรายได้ คงไม่แปลกที่ท่านจึงอยากให้เป็นใบอนุญาต เพราะเอกชนจ่ายให้รัฐน้อยมาก เมื่อเทียบกับสัญญาสัมปทาน สำคัญที่สุด ในระบบใบอนุญาต เอกชนได้ประโยชน์มาก แต่มีปัญหารัฐบาลต้องรับผิดชอบ
ที่สำคัญ มุมมองของ กสทช. มองแต่เรื่องกำไร ขาดทุน ผลประโยชน์ของเอกชน ไม่ได้มองประโยชน์สาธารณะ ที่ประชาชนจะได้รับ ผมถึงอยากบอกว่า ถ้าไทยภักดีมีอำนาจรัฐ เราจะยึดคืนดาวเทียมมาเป็นของรัฐแน่นอน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กสทช. จ่อประกาศยกเลิกกฎ 'มัสต์แฮฟ' รอฟังเสียงประชาชน 30 วัน
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เตรียมประกาศยกเลิกกฏ Must Have ที่ออกมาเพื่อให้คนไทยได้ชมการเเข่งขัน 7 รายการใหญ่เเบบฟรีๆ
จีนแสบแอบปลอม 'ข้าวหอมมะลิไทย'วางจำหน่าย
กรมการค้าต่างประเทศประสานทูตพาณิชย์ในจีน ลงพื้นที่ตรวจสอบการจำหน่ายข้าวหอมมะลิไทยเข้มข้นขึ้น หลังทางการจีนจับ 3 โรงงาน ปลอมข้าวใส่สารปรุงแต่งให้มีกลิ่นเหมือนข้าวหอมมะลิไทย ป้องกันการแอบอ้าง และทำชื่อเสียงข้าวไทยเสียหายเพิ่มขึ้นอีก พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์รายชื่อผู้ส่งออกที่ได้รับตรารับรอง แนะนำชาวจีนซื้อข้าวที่มีตรารับรอง และดึงผู้ซื้อ ผู้นำเข้าใช้ตรารับรอง เผยทั้ง 3 โรงงาน เจอโทษหนัก และจีนสั่งปิดโรงงานไปแล้ว
'กสทช.' ชี้ ไม่ซื้อลิขสิทธิ์ซีเกมส์ก็ไม่ผิด เร่งแก้กฎ 'มัสต์แฮฟ' โดยเร็วที่สุด
ความคืบหน้าเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคมนี้ ซึ่งในส่วนของประเทศไทยนั้น การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กำลังเตรียมเจรจากับเจ้าภาพกัมพูชา ให้ลดค่าลิขสิขสิทธิ์ที่ตั้งไว้สูงถึง 800,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 27.6 ล้านบาท
'หมอวรงค์' โดนขู่เอาชีวิต! ประกาศลั่น 'กูไม่กลัวมึง'
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า #ไม่เคยกลัว พร้อมภาพที่มีคนข่มขู่โดยส่งรูปปืนและข้อความว่า "กูเจอมึงที่ไหนมึงโดน"
ราชกิจจาฯ ประกาศ กสทช. 'ค่าปรับทางปกครองในกิจการโทรคมนาคม'
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
ปลุกเดือด! เลือก 'ไทยภักดี' เอา 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' เข้าคุก
'หมอวรงค์' ขอคนกรุงเลือก 'ไทยภักดี' ปกป้องราชธานี ประกาศเอา 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' เข้าคุก แก้ ม.112 ทำให้สถาบันเข้มแข็งขึ้น