อดีตรองนายกฯ โต้ข้อกล่าวหา กรณีตึกสตง. ถล่ม ระบุ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ไม่เคยเกี่ยวข้องกับโครงการ ชี้ต้นเรื่องเกิดในสมัย อภิสิทธิ์ แต่ได้รับการอนุมัติสร้างจริงในยุค ประยุทธ์ พร้อมตั้งข้อสงสัยถึงการอนุมัติปรับแปลน ย้ายโครงสร้างหลักอาคาร อาจเป็นชนวนเหตุสู่โศกนาฏกรรม
16 เมษายน 2568 - ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "ตึกสตง.ถล่ม เสียดายเงิน เสียดายชีวิตคน" โดยมีเนื้อหาดังนี้
เพื่อนรุ่นผมจากนับแต่มัธยม มหาวิทยาลัย มาจน วปอ. ได้นำข้อมูลจากที่อื่นมาแชร์กันว่า โครงการสร้างตึกของสตง.นี้ เกิดในสมัยรัฐบาลท่านนายกยิ่งลักษณ์ ทำให้ผมพลอยเดือดร้อนไปด้วย เพราะผมเป็นทั้งรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีมาตลอดรัฐบาลนานเกือบสามปี บัดนี้ ได้ข้อมูลมาสมบูรณ์แล้ว จึงขอนำมาชี้แจงดังนี้
1. งบประมาณสร้างตึกสตง. และสถาบันธรรมาภิบาลแห่งชาติ เกิดในสมัยท่านอดีตนายกอภิสิทธิ์ช่วงปี 2551-2554 โดยในปี2551-52 เป็นงบผูกพันการสร้างสถาบันธรรมาภิบาลฯ และปี 2553-54 งบผูกพันสร้างตึกสตง. ทั้งสองแห่งจะสร้างในพื้นที่สาธารณะประโยชน์ของจังหวัดปทุมธานี แต่ปรากฏว่า ไม่ได้สร้าง เพราะที่ดินที่จะสร้างเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์เพื่อประชาชนใช้ร่วมกัน และก็ยังไม่ได้มีการออกกฏหมายเพิกถอนแต่ประการใด จึงยังสร้างไม่ได้ แถมEIA ของตึกสูงก็ยังไม่ได้มีการดำเนินการอีก ในช่วงดังกล่าวนี้ กรมบัญชีกลางได้เคยมีหนังสือให้สตง. ทำการตรวจสอบเพราะการนำงบประมาณไปกองไว้แล้วไม่ใช้ อาจเกิดความเสียหายให้กับรัฐได้ แต่จนบัดนี้ผลการตรวจสอบก็ยังไม่เคยออกมา
2. ท่านนายกยิ่งลักษณ์เป็นรัฐบาลระหว่างปี2554-2557 ไม่ปรากฎว่าเคยทำอะไรเกี่ยวกับโครงการนี้เลย ดังนั้น ที่กล่าวหากันมาตลอดนั้นก็ถือว่า ยกเมฆทั้งสิ้น ผมก็ พลอยลอยตัวไปด้วย
3. ท่านนายกประยุทธ์มาเป็นรัฐบาล 2 ครั้งรวม 9 ปี เป็นช่วงแรก สค. 2557-2562 และเป็นช่วงที่สองต่อมายาวถึงปี 2566 ในวันที่ 24 กย. 2563 ครม. ได้อนุมัติให้รวมโครงการสร้างตึกสถาบันธรรมาภิบาลแห่งชาติและตึกสตง. เข้าด้วยกัน และแถมห้องประชุมขนาดใหญ่ให้อีก 1 แห่ง โดยอนุมัติงบประมาณไป 2,660 ล้านบาท และเห็นชอบให้ย้ายโครงการเดิมจากจังหวัดปทุมธานีมาที่สวนจตุจักรของการรถไฟซึ่งเป็นที่ราชพัสดุ
ผมรู้เท่านี้ ซึ่งจะหาโอกาสศึกษาต่อไปว่า ขบวนการจัดซื้อจัดจ้างนั้น ใครเป็นผู้อนุมัติตลอดจนถึงการแก้ไขแบบแปลนถึง 8 ครั้งโดยมีครั้งที่สำคัญที่สุดคือ การอนุมัติให้ย้ายปล่องลิฟต์ ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักหรือแกนที่ใช้เป็นที่รองรับแรงกด แรงเฉือนด้านข้าง(Shear) และแรงบิด(Torque )ของอาคาร โดยย้ายจากตรงกลางตึกไปไว้ด้านริมตึก ซึ่งเป็นเรื่องที่นักวิชาการขณะนี้ได้เพ่งเล็งว่า อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตึกได้พังทลายลงมาภายใน 8 วินาที ส่วนเรื่องที่เป็นข่าวว่า ผู้ควบคุมงานไปแจ้งความว่า มีการปลอมลายเซ็น ตลอดจนมีการนินทากันว่า หัวหน้าคณะผู้ออกแบบมีประสบการณ์มากคือมีอายุถึง 85 ปีนั้น ผมก็จะปล่อยให้คนอื่นขุดคุ้ยไป สำหรับผมในฐานะอดีตคณะรัฐมนตรีสมัยท่านนายกยิ่งลักษณ์ก็รู้สึกโล่งใจที่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ไม่เคยพัวพันอะไรด้วย ใครเคยกล่าวหาไว้ก็อภัยให้พร้อมกับสงกรานต์ปีนี้เลยก็แล้วกันครับ
คุณดนัยช่อง 30 ใช้คำว่า ตราบาป ก็น่าจะจริงนะครับ เพราะมีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นหลักร้อย สุดท้าย ผมหวังว่า เรื่องนี้จะไม่มีการเจ๊า ต้องหาคนมารับผิดชอบให้ได้ และผมก็เสียดายเงิน 2,660 ล้านบาท เพราะหากเอามาแจกชาวบ้านจนๆ ก็ได้ถึงสองล้านหกแสนคนเชียวครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เชื่อ ‘ดร.ปลอดประสพ’ สักนิด เตือนน้ำดันใต้ดิน-ผนังกันน้ำแตก ภาคใต้เสี่ยง!
อดีตรองนายกฯ ออกโรงเตือนสถานการณ์น้ำท่วม-พายุภาคใต้ ชี้สัญญาณหลายอย่างเกิดขึ้นจริงทั้งผนังกั้นน้ำทรุดแตก น้ำซึมจากใต้ดิน และความเสี่ยงฝนหนัก-ดินถล่ม วอนอย่ามองเป็นเสียงนกเสียงกาแต่รับฟังบนข้อเท็จจริงและประสบการณ์
กูรูโผล่พรึ่บ! ดร.ปลอด สอน ‘อนุทิน’ เป็นนายกฯต้องพูดให้คนเชื่อถือ
ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า นายกฯต้องพูดให้คนเชื่อถือ
ดร.ปลอดประสพ ประกาศลั่นไม่เชื่อรัฐบาลอีกแล้ว ยก 4 ข้อดีแต่พูด!
อดีตรองนายกฯปลอดประสพ ประกาศไม่ขอเชื่อรัฐบาลอีกแล้ว หลังเห็นเพียงคำพูดไร้การลงมือ ยกตัวอย่างปัญหาน้ำ วาระแห่งชาติสแกมเมอร์ เชลยศึกเขมร และการแก้รัฐธรรมนูญ สรุปเปรี้ยง!ดีแต่พูดและไม่ค่อยทำ
’ปลอดประสพ‘ หวดรัฐบาลลุยปราบสแกมเมอร์เขมร ก่อนไทยโดนเหมาเป็นพวก
ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่าเร่งปราบสแกมเมอร์ในเขมร ก่อนถูกเหมาเป็นพวก
ดร.ปลอดประสพ วอน MOU 43-44 ขอให้ผู้รู้พูดจะดีกว่าไหม
ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "MOU 43 และ 44 ขอให้ผู้รู้พูดจะดีกว่าไหม" มีเนื้อหาดังนี้
'ปลอดประสพ' เปิดแผน 'ฮุนเซน' คิดการใหญ่สร้างเขมรยุคที่ 5 เตือนไทยอย่าดูเบา!
อดีตรองนายกฯ ดร.ปลอดประสพ เตือนอย่าประเมิน “ฮุนเซน” ต่ำไป ชี้ศึกชายแดนไทย-กัมพูชา 7 วันอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือบทเปิดฉากของ “เขมรยุคที่ 5” กับแผนเปลี่ยนขั้วจากจีนไปพึ่งสหรัฐฯ มองเกมลึกทะลุถึงอุตสาหกรรมน้ำมันและพลังงาน


