
15 มิ.ย.2568-ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กเรื่อง “ฮุน เซน – ฮุน มาเนต กับพฤติกรรมย้อนแย้งในการใช้กฎหมายระหว่างประเทศ” เนื้อหาระบุ
สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ณ เวลานี้ กำลังกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง จากท่าทีของรัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนำของ สมเด็จฮุน เซน ที่ประกาศว่าจะยื่นเรื่อง “ช่องบก” รวม 4 พื้นที่ของไทยเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) โดยกล่าวอ้างว่าไทยละเมิดสิทธิของกัมพูชาในพื้นที่พิพาท ทั้งที่ศาลโลกได้วินิจฉัยไปในปี พ.ศ. 2556 ว่าพื้นที่ดังกล่าวยังคงต้องพิจารณาผ่านกระบวนการเจรจาทวิภาคี และคำพิพากษาศาลโลกครั้งนั้นไม่ได้ยึดหลักสันปันน้ำตาม สนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศสแต่อย่างใด
การกระทำของฮุน เซนและฮุน มาเนต ในครั้งนี้ จึง มิใช่การเคารพหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างแท้จริง หากแต่เป็นการใช้เวทีตุลาการระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อ “สร้างความชอบธรรมฝ่ายเดียว” และบิดเบือนต่อสายตาประชาคมโลกให้ไทยตกเป็นจำเลย ทั้งที่ความจริงคือพื้นที่พิพาทนั้นยังไม่มีการกำหนดเส้นเขตแดนอย่างเป็นทางการ
ฮุน เซน เป็นผู้นำที่มีประวัติ ใช้ประเด็นชาติพันธุ์และชายแดนเพื่อเป้าหมายทางการเมืองภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการอ้างภัยจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสร้างภาพของผู้นำที่ปกป้องเอกราช หรือการบิดเบือนคำพิพากษาศาลโลกปี 2556 ว่าเป็นชัยชนะเด็ดขาด ทั้งที่คำพิพากษาดังกล่าวระบุชัดว่าเป็นเพียงการตีความเขต “ตัวปราสาท” เท่านั้น ไม่ได้ตัดสินพื้นที่รอบนอกที่ยังเป็นพื้นที่พิพาท
และที่ย้อนแย้งยิ่งกว่านั้นคือ ในปี พ.ศ. 2559 เมื่อศาลอนุญาโตตุลาการถาวร (PCA) มีคำตัดสินให้จีน “ไม่มีสิทธิ์ตามกฎหมาย” ในทะเลจีนใต้ กัมพูชากลับแสดงท่าทีเข้าข้างจีน และ “ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลกในกรณีนั้น” ทั้งที่ศาลเดียวกันนี้เองที่กัมพูชาอ้างอิงเพื่อฟ้องร้องประเทศไทยในกรณีพระวิหาร
พฤติกรรมเช่นนี้เรียกว่า “เลือกใช้ศาลโลกเฉพาะเวลาที่ตนได้ประโยชน์” ซึ่งสะท้อนว่า รัฐบาลกัมพูชาภายใต้ฮุน เซน และฮุน มาเนต ไม่ได้ยึดมั่นในหลักนิติธรรมสากลอย่างจริงใจ หากแต่ใช้เวทีตุลาการระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือทางการทูตและการเมืองเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบฝ่ายเดียว
ประเทศไทยควรแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ไม่ยอมให้การใช้ศาลโลกเป็นเครื่องมือทางการเมืองฝ่ายเดียวมาบิดเบือนอธิปไตยของชาติ พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหาผ่านกลไกเจรจาทวิภาคี (JBC) และหลักสันติวิธีอันเป็นที่ยอมรับในประชาคมระหว่างประเทศ
อธิปไตยของชาติจึงไม่ควรถูกตัดสินบนเวทีที่อีกฝ่ายใช้แบบเลือกได้ เลือกเอา เลือกทิ้ง และศาลโลกไม่ควรถูกลดสถานะให้กลายเป็นเพียงเวทีการทูตที่ผู้นำบางประเทศหยิบใช้เพื่อตนเองแล้วทิ้งเมื่อไม่เกิดผลประโยชน์…
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตร. หอบสำนวนหลักฐานคดีคลิปเสียง ยื่น 'อสส.' ฟ้อง 'ฮุนเซน'
'ตำรวจไซเบอร์' หอบสำนวนคดีคลิปเสียง 'ฮุนเซน' ยื่น 'อสส.' รับเป็นคดีนอกราชอาณาจักร เอาผิดข้อหาทำลายความมั่นคง
จับตา! 17 ก.ค. 'อิ๊งค์' แก้ต่างคดีคลิปเสียง 'ปธ.ศาลรธน.' ชี้ขอยืดแจงได้
'ประธานศาลรธน.' เผย 'นายกฯอิ๊งค์' ขอขยายเวลาชี้แจงคดีจริยธรรมได้อย่างน้อย 1 ครั้ง ปัดตอบกรอบเวลาวินิจฉัย ชี้ให้เป็นไปตามกระบวนการ
อดีตรมว.ตท. ไล่ 'ทักษิณ-ฮุนเซน' ไปทะเลาะกันที่อื่น วางมือการเมือง อย่าให้ ปชช.รับเคราะห์
ทักษิณ และฮุน เซน จูบปากกันมานานหลายสิบปี แต่มาบัดนี้มีความบาดหมางกัน และได้ดึงเอาประเทศไทยและกัมพูชา รวมทั้งประชาชนพลเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องรับเคราะห์กรรมด้วย
ฮุนเซนเมินโต้‘แม้ว’ ‘วัดภูม่านฟ้า’คึกคัก
"ฮุน เซน" ยังเงียบ! ไม่ตอบโต้ "ทักษิณ” แค่โพสต์เพลงปราสาทตาเมือนธม “ปานเทพ” จี้บัวแก้วเลิกปิดบังผลประชุม JBC
'สุริยะใส' ชี้ 'จุดอันตราย' ภาษีทรัมป์ ต้องช่วยกันจับตา
“สุริยะใส” ชี้ช่วงอันอันตรายภาษีทรัมป์ 36 % ที่ต้องช่วยกันจับตาให้มากที่สุด ถือเป็น“เจรจารอบสุดท้าย” ระหว่างรัฐบาลไทยกับสหรัฐฯ ที่ไม่รู้ว่าถูก “บีบให้ยอม” อะไรบ้างเพื่อแลกกับการเลื่อนหรือผ่อนปรนภาษีนี้