
ช่วงที่ผ่านมา หนึ่งในนักการเมืองหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่การเมือง-การเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อปี 2562 ที่มีชื่อปรากฏตามพื้นที่สื่ออย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือ ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.-เขตจอมทอง-ธนบุรี, อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ที่แวดวงการเมืองเรียกกันว่า อ้น-ทิพานัน วันหยุดยาวสงกรานต์แบบนี้เราเลยไปคุยการเมืองแบบสบายๆ แต่ก็ไม่ลืมถามในเรื่องที่หลายคนอยากรู้ว่า นักการเมืองรุ่นใหม่ๆ อย่างทิพานันมองการเมืองเวลานี้อย่างไร
สิ่งที่ทำให้เราสนใจการเมืองคือ การเมืองสามารถเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้ แก้ไขความยากลำบากหรือปัญหาของประชาชนได้ด้วยการเมือง นักการเมืองสามารถผลักดันหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงได้จริงๆ จุดนี้เป็นจุดที่ทำให้เราสนใจว่า ถ้าเราอยากทำให้ประเทศชาติเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนา หรือเราอยากจะช่วยเหลือคนอื่น การเมืองก็คืออีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้เรามีโอกาสตรงนั้น
พานัน ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี บอกถึงเส้นทางการเมืองของตัวเองว่า หลังจบการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านกฎหมายที่สหรัฐอเมริกา โดยตั้งแต่เรียนจบกลับมาก็มาทำงานด้านกฎหมายตลอด เช่นการเป็นที่ปรึกษากฎหมายที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จากนั้นก็ไปทำงานที่สำนักงานทนายความ เป็น Law Firm ที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย เช่น กฎหมายธุรกิจ กฎหมายพลังงาน กฎหมายเกี่ยวกับตลาดทุน ตามที่เราเรียนมา โดยอยู่ในสายงานการให้คำปรึกษาด้านกฎหมายมาตลอด จนต่อมาก็เข้าสู่การเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ โดยลงสมัคร ส.ส.กทม.พื้นที่เลือกตั้งเขตจอมทองและเขตธนบุรี (เฉพาะแขวงดาวคะนอง แขวงบุคคโล และแขวงสำเหร่) แต่แพ้ไปประมาณพันคะแนน แต่ก็ยังทำงานลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องมาตลอด
อ้น-ทิพานัน พูดถึงมุมมองต่อฉากทัศน์การเมืองก่อนหน้าที่จะเดินเข้าสู่ถนนการเมืองเต็มตัวว่า ก่อนเข้ามาการเมืองสิ่งที่เราเห็นและใกล้ชิดมากๆ ก็คือเรื่อง การแบ่งแยก-ขั้วของความคิด อย่างชัดเจน เพราะประเทศไทยก่อนที่เราจะเข้ามาทำงานการเมือง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีความแตกแยกทางความคิดอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นม็อบเสื้อเหลือง ม็อบเสื้อแดง ซึ่งเราคิดว่าคนไทยทุกคนรู้สึกเหมือนกันหมดว่า บ้านเมืองเราไม่ควรแตกแยกทางความคิดแบบนี้ ทุกคนควรแสดงความคิดเห็นกันได้ในสิ่งที่เราไม่เห็นด้วย และคนที่ไม่เห็นด้วยกับเราเขาก็ต้องสามารถมีสิทธิ์ในการแสดงความเห็นได้เช่นกัน ทำให้ตอนนั้นที่เราเริ่มสนใจจะเข้ามาการเมือง เราก็อยากมีโอกาสที่จะเข้ามาผสานความคิดของคนทั้งสองฝ่ายให้ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
สำหรับความสนใจในเรื่องการเมืองก่อนหน้านี้นั้น อ้นอาจไม่ใช่คอการเมืองแบบฮาร์ดคอร์อย่างบางคน แต่สิ่งที่ทำให้เราสนใจการเมืองคือ การเมืองสามารถเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของประชาชน ได้ ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้ แก้ไขความยากลำบากหรือปัญหาของประชาชนได้ด้วยการเมือง นักการเมืองสามารถผลักดันหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงได้จริงๆ จุดนี้เป็นจุดที่ทำให้เราสนใจว่า ถ้าเราอยากทำให้ประเทศชาติเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนา หรือเราอยากจะช่วยเหลือคนอื่น การเมืองก็คืออีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้เรามีโอกาสตรงนั้น โดยเราอาจจะพูดได้ด้วยเสียงที่ดัง อาจจะผลักดันสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมกว่า
การเมืองในชีวิตจริง
สิ่งที่ได้หลังลงสมัคร ส.ส.ครั้งแรก
-ประสบการณ์ทางการเมืองที่ได้จากเลือกตั้งเมื่อปี 2562?
สิ่งที่เราได้จากการเลือกตั้งคือ เราได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะมิติของสังคมที่หลากหลาย หมายความว่าจากเดิมเราเป็นพนักงานทำงานบริษัท หรือแม้แต่หากเราจะประกอบอาชีพของตัวเอง เราก็จะเห็นอยู่แค่ตรงนั้น แต่ ณ วันนี้เราได้เห็นหลายบริบทของสังคม ไม่เว้นแม้แต่คนที่เขาไม่มีแม้แต่ที่จะนอนหรือไม่มีแม้แต่อาหารจะกิน หรือการได้สัมผัสมุมมองของผู้บริหารระดับประเทศ ความแตกต่างระหว่างจุดบนสุดกับจุดล่างสุด ทำให้เราพบว่าแต่ละคนมีสภาพแวดล้อมหรือองค์ประกอบทางความคิดที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดทุกคนคือองค์ประกอบที่สำคัญของสังคม เราจะขาดคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไปไม่ได้เลย ทุกคนต้องเดินหน้าไปด้วยกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อันนี้คือสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากงานการเมือง
และเมื่อเราเข้ามาเป็นนักการเมือง เราต้องการเห็นการพัฒนาประเทศ ของพื้นที่ซึ่งเราดูแล อ้นเห็นเด็กที่อยู่ในชุมชนที่สมัยก่อนเราอาจนั่งรถ เห็นเขาแล้วก็ผ่านไป แล้วอาจนั่งคิดว่าเด็กคนนี้น่าสงสาร แต่เมื่อเรามาทำงานตรงนี้เราได้มีโอกาสใกล้เขาเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง เราได้เข้าไปคุยกับเขาว่าทำไมไม่ไปโรงเรียน ทำไมอยู่กับบ้าน ทำไมนั่งอยู่ตรงนี้ ซึ่งก็ทำให้พบว่าเขาไม่ไปโรงเรียนเพราะไม่อยากจ่ายค่าเทอม เพราะค่าเทอมรัฐบาลสนับสนุนให้อยู่แล้ว แต่ที่ไม่ไปโรงเรียนเพราะพ่อแม่เขาไม่เห็นความสำคัญของการศึกษา เขาให้ลูกมาช่วยขายของดีกว่า
สิ่งเหล่านี้คือจุดที่เป็นปัญหาเล็กๆ ในสังคมที่จะลามไปเป็นปัญหาใหญ่ในสังคม หากเราปล่อยให้เด็กเหล่านี้เติบโตขึ้นมาโดยที่เขาอาจไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือเข้าไปอยู่ในวงจรของอาชญากรรม อย่างเราลงพื้นที่เราเห็นได้ เห็นเด็กจำนวนไม่น้อยที่เขาไม่ได้ไปโรงเรียน ที่ทำให้เป็นจุดเปลี่ยน เป็นแรงบันดาลใจ ที่เราคิดว่าจะปล่อยให้เด็ก เยาวชนเหล่านี้อยู่แบบนี้ต่อไปอีกไม่ได้ อ้นกลับมานั่งคิดตลอดว่าเราจะช่วยเขาได้อย่างไร และปัญหาที่เกิดขึ้นคืออะไร จนไปพูดคุยกับพวกเขา
ที่ค้นพบคือ เขาขาดแรงบันดาลใจในตัวเอง เพราะคนอย่างตำรวจก็ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด หรือครูเมื่อเขาไม่ได้ไปโรงเรียน ก็ไม่มีคนคอยสอนคอยแนะนำอะไรให้พวกเขา สิ่งเหล่านี้คือการที่พวกเขาขาดแรงบันดาลใจ เพราะหากเทียบกับเด็กกลุ่มอื่นๆ ที่มีความพร้อมมากกว่า ก็จะเติบโตมาด้วยความรู้สึกอยากเป็นอะไรต่างๆ เช่นอยากเป็นหมอ เป็นครู เป็นนายธนาคาร เพราะเติบโตขึ้นมาโดยได้เห็นอาชีพเหล่านี้ ได้เห็นได้รู้จัก กับเด็กอีกกลุ่มที่บอกพวกเขาไม่ได้เจอแบบนี้
สิ่งสำคัญคือ จะทำอย่างไรถึงจะดึงพวกเขาขึ้นมาจากตรงนั้นได้ โดยสิ่งที่จะทำได้ก็คือการสร้าง แรงบันดาลใจให้พวกเขา ให้ได้รับรู้ว่าสังคมกว้างใหญ่แค่ไหน และพวกเขามีโอกาสที่จะเติบโตต่อไปได้หากมีเป้าหมาย ได้เห็นตัวอย่าง ก็จะทำให้การเดินไปถึงเป้าหมายมันจะง่ายขึ้น ดีกว่าที่เขาจะเคว้งคว้างไม่เห็นอะไรเลย จึงเป็นที่มาด้วยการเริ่มทำสิ่งต่างๆ จากจุดเริ่มต้นที่เราไม่ได้มีเครือข่าย ไม่มีเงินทุน
เราก็เริ่มจากการ สอนฟุตบอล ก่อน เพราะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเขามากที่สุด และส่วนใหญ่เด็กในชุมชนก็เล่นฟุตบอล โดยที่ก็ไม่ได้มีสนามฟุตบอลอะไร มีแต่ที่รกร้างตึกข้างชุมชน ซึ่งเป็นที่ทิ้งขยะด้วยซ้ำ แล้วเก็บลูกฟุตบอลได้ลูกหนึ่งเอามาเล่นกัน ที่เขาชอบกัน และหากไปถามพวกเขาว่าโตขึ้นอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพหรือไม่ ก็ตอบว่าอยากเป็น แต่เป็นเรื่องที่ดูจะไกลตัวเขามาก เพราะแค่สนามหญ้าที่เป็นหญ้าจริงๆ เขายังไม่เคยสัมผัสเลย
อ้นเลยทำโครงการสอนฟุตบอลโดยโค้ชทีมชาติ ที่เป็นเพื่อนเรา เราก็ขอให้มาช่วยหน่อย หรือลูกฟุตบอล วันนั้นเราไม่มีงบประมาณ ก็ใช้วิธีขอสปอนเซอร์จากพรรคพวกมาช่วยกันซื้อคนละลูกสองลูก จนเกิดเป็นโครงการสอนฟุตบอลขึ้นมา ตอนแรกเรารับแค่สามสิบคน แต่พอเด็กเขารู้เขาก็บอกกันว่าอยากขอเข้ามาร่วมด้วย ขอมาดูก็ยังดีเพราะได้ไปที่สนามหญ้าจริงๆ เราก็ไปขออนุเคราะห์พื้นที่จากโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ทหารเรือ ที่มีสนามหญ้าจริงๆ ก็มีเด็กมาร่วมแปดสิบกว่าคน จนขยายๆ ไปเรื่อย มีคนสนใจเข้ามาเรื่อยจนต้องขอจำกัดจำนวนคน
เมื่อจบคอร์สไปก็มีฟีดแบ็ก เช่นเวลาลงพื้นที่เลือกตั้ง ก็มีคนที่ขายของรถเข็น เช่นขายหมูปิ้งเข้ามาคุยกับเรา เขาบอกว่าขอบคุณอ้นมากเลย เขาเป็นแม่ของน้องคนหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการสอนฟุตบอล แม่เขาก็บอกว่าเดิมทีลูกเป็นคนที่ติดโทรศัพท์มือถือมาก แต่เขาเลิกเล่นมือถือเพราะอยากจะนอนเร็ว จะได้รีบไปเรียนฟุตบอลตอนเช้าวันเสาร์ และจากเดิมที่เขามักดูอะไรต่างๆ ในมือถือ เขาก็กลับมาดูคลิปฟุตบอลอย่างที่โค้ชสอนไว้ และก็กลายเป็นคนพูดเพราะ กลายเป็นคนละคน กลับมาช่วยที่บ้านทำงาน เพราะโค้ชสอนไว้ เราสอนกันอย่างนี้ประมาณ 3-4 เดือน ก็ช่วยในเรื่องการเปลี่ยนพฤติกรรม มาวันนี้ผ่านมาเกือบสามปี จากเด็กรุ่นแรกที่เราเปิดคอร์สกัน มาวันนี้เราเข้าไปในชุมชน เด็กๆ ก็มาบอกกันว่าพี่อ้นอยากเรียนฟุตบอล เมื่อไหร่จะเปิดคอร์สอีก
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นแม้ครั้งเดียว แต่มันสร้างแรงบันดาลใจที่ทำให้เขามีความสุข ทำให้เขาคิดว่าตอนใดที่เขาไม่มีความสุข เขาจะย้อนมาคิดถึงวันที่เขาได้มีสังคมดังกล่าว มันจะฝังใจเด็กเล็กๆ และทำให้เขาไปต่อได้ อย่างวันที่ปิดคอร์สก็พาเขาไปดูสนามฟุตบอล เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เป็นสนามฟุตบอลของจริง เด็กๆ ตื่นเต้นกันมาก เขาเห็นสนามหญ้าที่ใช้แข่งกันจริงๆ พวกเขาเอามือไปจับสนามหญ้าจริงๆ เพราะไม่เคยได้สัมผัส โดยวันที่ไปก็จัดรถรับ-ส่งให้ แต่บางคนก็ไม่สามารถมาขึ้นรถกับเราได้ เขาก็นั่งรถไปเอง จากจอมทองไปสนามฟุตบอลเมืองทองฯ นั่งรถตู้กันไปเอง พอเรารู้ก็เลยไปบอกเขาว่าจะพากลับไปส่งที่บ้าน
“สิ่งเหล่านี้แม้อาจเป็นเสี้ยวเล็กๆ แต่ทำให้เขามีแรงบันดาลใจ โดยสำหรับอ้น สิ่งเหล่านี้มันฝังอยู่ในใจว่าเราต้องช่วยคน”
และไม่ได้มีแค่นี้ สิ่งที่เราอยากทำต่อไม่ใช่แค่สำหรับเด็กผู้ชาย แต่ เด็กผู้หญิง ก็เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเด็กผู้หญิงในชุมชน ณ วันนี้อายุอาจจะ 7-8 ขวบ แต่ก็เริ่มจะเป็นสาวกันแล้ว เราต้องทำให้เขารู้จักระมัดระวังตัวเอง รู้จักดูแลตัวเอง เพราะหากเกิดอันตรายขึ้น เขาจะสื่อสารอย่างไร เขาจะไปบอกใครได้ โดยเราต้องบอกเขาว่า การที่มีคนมาจับเนื้อต้องตัวเขาทำไม่ได้ เขาต้องระวัง สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่อ้นอยากจะทำต่อในอนาคต เพราะรู้สึกว่าเด็กในชุมชนที่ไม่จำเป็นต้องชุมชนแออัด แต่หากเขาอยู่ในกลุ่มที่สุ่มเสี่ยง เราก็ต้องดูแล เพื่อให้เขาโตขึ้นมาแบบดูแลตัวเองได้ ไม่ให้เป็นภาระต่อสังคมในอนาคต
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ว่างานการเมืองทำให้ทำได้ แต่งานการเมืองทำให้เราพูดได้ด้วยเสียงที่ดังขึ้น ทำให้เราได้มีโอกาสมาสัมผัสตรงนี้ ทำให้เราได้ประสานความช่วยเหลือหรือทำให้เกิดโครงการ หรือวิธีการกระบวนการที่จะดูแลกันได้ง่ายขึ้น
-หลายคนพอไม่ได้รับการเลือกตั้งจะหายไปเลย มาโผล่อีกทีตอนเลือกตั้ง แต่ทำไม อ้น ทิพานัน ถึงลงพื้นที่เลือกตั้งเขตเดิมตลอดต่อเนื่องมาร่วมสามปี เป็นเรื่องที่หลายคนก็แปลกใจมาก?
วันที่เราแพ้เลือกตั้งเมื่อปี 2562 คะแนนที่เราได้ 27,000 คะแนน โดยแพ้ไปหนึ่งพันคะแนน คะแนนที่เราได้ 27,000 คะแนน อ้นถือว่าไม่ใช่น้อย เป็นความไว้ใจเชื่อใจที่คนจอมทองให้คะแนนอ้น กากบาทให้เรา ตอนนั้นก็มีสองทางเลือกสำหรับเรา คือหากเราไม่ทำพื้นที่ต่อ ก็คือหายไปเลยก็ได้ เพราะเราไม่ได้เป็น ส.ส. กับอีกทางหนึ่งคือเราจะปล่อยให้คนที่เขาไว้ใจเรา เขาเลือกเรา โดยบางคนอาจไม่เคยเจอเราเลยก็ได้ แต่เขาเชื่อมั่นเขาเชื่อใจ เราจะทิ้งคะแนน 27,000 คะแนนให้สูญเปล่าไปหรือ มันคือการตอบแทนให้กับคนจอมทอง
สิ่งที่เราจะตอบแทนให้กับทุกคนได้ก็คือ ความตั้งใจและทำจริงๆ ให้เกิดขึ้น อ้นไม่ได้รอว่าต้องเป็น ส.ส.ถึงจะทำงานได้ แต่เราถือว่าเราคือประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่อยากจะเห็นประเทศชาติ เห็นเขตจอมทองดีกว่านี้ เพราะฉะนั้นเราทำเลย เราไม่ต้องรอเป็น ส.ส. และเราทำเลย เราไม่ต้องรอเงิน เราประสานความช่วยเหลือ เราพูดให้เสียงดังขึ้น ตรงไหนที่เราใช้แรงได้เราใช้แรง และเราคิดว่าโอกาสมีอยู่ทุกวัน เราไม่ต้องรอให้ใครให้โอกาส เราให้โอกาสกับตัวเอง
ส่วนการเลือกตั้งรอบหน้า อ้นเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราทำมาทุกวัน ตั้งแต่วันที่เราแพ้จนถึงวันนี้้ และจนถึงวันเลือกตั้งครั้งหน้า คือบทพิสูจน์ที่จะทำให้คนในพื้นที่ได้เห็นว่าเรามีความตั้งใจและเราทำจริง โดยกระแสตอบรับจากพื้นที่ ถือว่าตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และได้รับความเมตตาและความเอ็นดูจากพี่้น้องชาวจอมทอง ที่เวลาเราไปบ้านไหนเขารู้จัก และให้การต้อนรับและสนับสนุนเป็นอย่างดีเกือบทุกอย่างที่เราทำ
-พอเข้ามาทำงานการเมือง สิ่งที่เคยมองไว้ก่อนหน้านั้นกับประสบการณ์จริงที่ได้รับ แตกต่างกันหรือไม่?
ก็ถือว่าแตกต่าง เพราะว่าเมื่อเข้ามาอยู่ในแวดวงการเมืองจริงๆ เราได้เห็นอะไรที่เป็นรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น ได้เห็นบทบาทหน้าที่หลายอย่างของนักการเมือง แต่ก่อนเราไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่นักการเมืองทำมีอะไรบ้าง สิ่งที่เราเคยสัมผัสก่อนหน้านั้นคือ นักการเมืองมาเดินแล้วสวัสดีประชาชน ยื่นใบแนะนำตัวแล้วหาเสียง ซึ่งสิ่งนั้นเป็นแค่เสี้ยวเล็กๆ ถามว่าการเมืองทำให้เกิดประโยชน์หรือจะทำให้เกิดโทษกับประเทศชาติก็ได้ สิ่งที่เราได้เห็นก็คือเมื่อเราเข้ามา และได้เห็นว่าบางคนใช้อำนาจทางการเมืองไปในทางที่ผิด เราก็ไม่ได้ทำ เราเลือกที่จะเลี่ยงหรืออยู่ให้ห่าง กับอีกแบบหนึ่งคือ การที่ใช้การเมืองให้เกิดประโยชน์กับทั้งประชาชน และพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น เราก็เลือกการที่ใช้การเมืองให้เกิดประโยชน์กับประชาชน เลือกที่จะใช้ตรงนั้นมากกว่า
ยกตัวอย่างที่เห็นชัดเจนเลยก็คือ ความเป็นนักการเมืองตอนนี้ที่ไม่ว่าอ้นจะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่ง จะเป็น ส.ส.หรือไม่ได้เป็น ส.ส. แต่เราเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส. เมื่อเราตั้งใจจริงแล้วเราไปประสานหรือขอความช่วยเหลือหน่วยงานต่างๆ เช่นสำนักงานเขตหรือการไฟฟ้า ให้เขาเข้ามาช่วยดูแลพื้นที่ได้สะดวกมากขึ้น ไม่ใช่ว่าเพราะเราเป็นนักการเมือง ซึ่งทำให้เราได้รู้จักคนเพิ่มมากขึ้น แล้วเราใช้ความรู้ที่เราเรียนมาด้านกฎหมาย เราก็ทำหนังสือประสานแจ้งปัญหาไป เช่นตรงจุดไหนไฟดับ น้ำท่วม ถนนไม่ดี อยากให้สำนักงานเขตเข้ามาดูแล ซึ่งโดยหน้าที่ของหน่วยงานราชการที่มีหน้าที่ต้องดูแลขอบเขตหน้าที่ตรงนี้ เขาก็เข้ามาทำได้ เป็นการประสานโดยใช้ความรู้ของเรา
-มองอย่างไรกับท่าทีของคนรุ่นใหม่ที่่มีต่อสถาบันฯ ในช่วงที่ผ่านมา?
คิดว่าตอนนี้ในเรื่องสถาบันหลักของชาติ เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับประเทศไทยมาช้านาน ทำให้ประเทศไทยดำรงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ การแสดงความเห็นหรือความรู้สึกนึกคิด ณ ตอนนี้ คิดว่าคนรุ่นใหม่เขามีความเข้าใจในประวัติศาสตร์ความเป็นมาเพิ่มมากขึ้น แต่เดิมการแสดงความเห็นที่ออกมาก่อนหน้านี้ อาจแสดงออกมาจากความไม่เข้าใจ หรือว่าฟังต่อๆ กันมา เรื่องของการหลงไปในกระแสของโซเชียลมีเดีย แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาตั้งหลักได้ เขาก็หาข้อมูลหาข้อเท็จจริง ในช่วงเวลาที่ผ่านมาพบว่าคนรุ่นใหม่ก็หาข้อมูลเพิ่มมากขึ้น เพราะปัจจุบันการหาข้อมูลต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้นไม่ต้องไปหาที่ห้องสมุด เขาหาได้ในอินเทอร์เน็ต ในโทรศัพท์มือถือ เกิดความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นว่าทำไมต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องมีสถาบันชาติ ศาสนา เขาก็กลับมามีความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น
เมื่อถามถึง วางอนาคตการเมืองหลังจากนี้ไว้อย่างไร ทิพานัน พูดถึงเรื่องนี้ว่า อนาคตการเมืองของเรา ณ ตอนนี้ เราไม่ได้มองถึงเรื่องว่าจะต้องไปอยู่ในตำแหน่งไหนยังไง อันนั้นขึ้นอยู่กับโอกาสและปัจจัยอื่นๆ แต่อนาคตการเมืองของเรา ณ วันนี้ อยากทำให้สิ่งที่เราเห็นตลอดระยะเวลาที่เข้ามาแวดวงการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเด็ก เรื่องของพื้นที่ ซึ่งต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างเป็นรูปธรรมจริงๆ อันนี้คืออนาคตการเมืองที่เราจับต้องได้และสามารถทำได้
ส่วนที่หลายคนอยากรู้ว่าที่ผ่านมา เหตุใดถึงมักออกมาให้สัมภาษณ์ในเชิงตอบโต้ฝ่ายค้าน จนถูกมองว่าเป็นทีมปกป้องนายกรัฐมนตรี ทิพานัน ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี บอกถึงบทบาทในส่วนนี้ว่า เรื่องการให้ข่าวหรือความคิดเห็นต่างๆ เราแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ที่เราเห็นว่าเรื่องไหนคือข้อเท็จจริงที่ควรนำมาชี้แจงต่อประชาชนและสังคมให้ได้รับรู้ เลยเป็นที่มาของการที่ว่า ทำไมที่ผ่านมาถึงให้ข่าวหรือข้อคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ซึ่งช่วงปัจจุบันต้องยอมรับว่าเรื่องเฟกนิวส์ ข้อมูลข่าวสารต่างๆ มีการถูกบิดเบือน เราไม่ได้มาปกป้องนายกรัฐมนตรี หรือมาปกป้องใครแบบไม่ลืมหูลืมตา แต่ทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง และต้องการให้ประชาชนได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
-บางคนมองว่าเป็นหนึ่งในทีมคอยพิทักษ์นายกรัฐมนตรี?
เราก็เห็นความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการพัฒนาประเทศ เพราะฉะนั้นในบางจุดที่ไม่มีคนชี้แจงให้ เราก็ยินดีจะชี้แจงให้ประชาชนทราบ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ร้ายกว่าวิกฤตการณ์ธรรมชาติ ..ภัยมนุษย์ .. ขาดศีลธรรม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา...
เมื่อคน.. สังคม! .. ไร้คุณค่าความเป็นมนุษย์.. ประเทศชาติหายนะ!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา.. คำว่า “ศรัทธา” ในพระพุทธศาสนา มีความหมายกินลึกลงไปมากกว่าความเชื่อโดยทั่วไป ด้วยต้องมีความรู้ความเข้าใจในคุณค่าของคุณสมบัติสิ่งนั้นๆ
ยุบสภามาแน่ ‘โบว์’ ผ่าเกมเพื่อไทย ทุ่มก้อนหินเพื่อความสะใจ แม้ทับเท้าตัวเองก็ยอม!
โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา พิธีกรรายการวิเคราะห์ข่าว นักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์เฟซบุ๊กระบุ ว่ายุบสภามาแน่
สมดังเป็น .. “วีรกษัตรี มหาราชินี...” ของชาวไทย!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
คู่ชีวิตจักรภพ-ว่าที่ผู้สมัครสส. ลั่นเพื่อไทยถูกทำร้ายแค่ไหน หัวใจก็ยังเพื่อประชาชน
สุไพรพล เพ็ญแข ว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า แกล้งกันแค่ไหน พรรคเพื่อไทยก็พร้อม!


