ข่าวภิกษุโครงการจิตอาสา กำลังใจ พัชรธรรม .. ในแดนใต้!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในขณะที่นั่งเขียนต้นฉบับ “ปักธงธรรม” ตรงกับคืนวันพระที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ที่เพิ่งว่างจากกิจการงาน.. ภายหลังจากลงอุโบสถ ฟังสวดปาฏิโมกข์ศีล ๒๒๗ สิกขาบท สวดมนต์ แสดงธรรม.. เมื่อตอนห้าทุ่มเศษ มีข่าวชิ้นหนึ่งส่งมาถึง ให้เกิดความสังเวชด้วยเป็นข่าวการจากไปของ Prince Adnan Aurangzeb แห่ง Swat /Pakistan .. ที่มีความเกี่ยวข้องกับเมื่อครั้งเดินทางไปเยือนพุทธสถานมรดกโลกในปากีสถาน.. จึงได้เขียนคำไว้อาลัย เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของ Prince Adnan .. ที่เคยมีต่อกันมา โดยเฉพาะในการทำงานฟื้นฟูแหล่งอารยธรรมของพุทธศาสนาในปากีสถานให้คืนมามีคุณค่าอันยิ่งต่อชาวโลกอีกครั้ง...

ในฉบับที่แล้วได้เขียนถึง กรณี ภิกษุโครงการจิตอาสา กำลังใจ พัชรธรรม.. ได้เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแบ่งกลุ่มกันพำนักในจังหวัดต่างๆ เพื่อจะได้ร่วมงานการจรรโลงพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบเนื่องต่อไปอย่างมั่นคง แข็งแรง บนแผ่นดินภาคใต้ตอนล่าง ที่ถูกรบกวนจากกระแสการก่อการร้ายที่พยายามเอาศาสนาเข้าไปเกี่ยวข้อง.. จนนำไปสู่การพยายามรังแก ขับไล่ ทำร้าย ฆ่าฟัน ชาวไทยพุทธ.. ไม่เว้นแม้กระทั่งพระสงฆ์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวใดๆ ทางโลก...

ก่อนที่ภิกษุพัชรธรรมจะเดินทางลงไปปฏิบัติศาสนกิจในแดนใต้ตอนล่าง จึงได้มีการเข้าคอร์สอบรมเพื่อถวายความรู้ ความเข้าใจ ในบริบทสังคมการเมือง.. ศาสนาในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งมีความอ่อนไหวพอสมควรในกระแสการก่อการร้าย ที่พยายามยึดโยงเกี่ยวข้องไปในทุกมิติจิตวิญญาณของประชาชนทุกหมู่เหล่า.. ทุกศาสนาในพื้นที่

ด้วยการเตรียมความรู้ .. ความเข้าใจไปอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม.. เข้าใจเหตุผล.. สังคมและบุคคลในพื้นที่ จึงได้เห็นการปฏิบัติศาสนกิจครบสมบูรณ์ตลอดต่อเนื่องมาจนจะครบ ๑๕ วัน ใน ๓๑ พ.ค.๒๕๖๕ นี้.. ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง สมดังที่ชาวบ้านในพื้นที่ได้กล่าวด้วยความยินดีว่า.. “มีปีติอย่างยิ่ง.. มีความสุขอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นภาพพระสงฆ์เดินบิณฑบาตในยามเช้าอีกครั้ง”.. แม้ว่าบางพื้นที่จะต้องมีทหารถืออาวุธเดินคุ้มครอง ถวายงานเป็นลูกศิษย์วัด คอยรับข้าวของ อาหาร ถุงแกง ขนมนมเนย ที่ชาวบ้านใส่บาตร..

จากความพรั่งพร้อมของการลงไปประกอบศาสนกิจดังกล่าวของ ภิกษุในโครงการจิตอาสา กำลังใจ พัชรธรรม ในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ในครั้งนี้ นอกจากเป็นไปเพื่อประโยชน์และความสุขของพุทธศาสนิกชนแล้ว.. ยังเป็นกำลังใจให้คณะภิกษุในพื้นที่ได้มีความบันเทิงรื่นเริงเบิกบานใจ.. ในการที่มีเพื่อนสหธรรมิก.. มาอยู่ร่วมปฏิบัติศาสนกิจในพื้นที่ด้วย...

..จึงเกิดความตื่นตัวขึ้นอีกครั้งของคณะสงฆ์ในแต่ละจังหวัดที่ได้รับทราบข่าวสาร.. ดังที่ได้เดินทางเข้าเยี่ยมเยือนเป็นกำลังใจให้กันและกัน...

เรื่องกำลังใจ.. นับว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งของทุกฝ่าย ไม่เว้นพระสงฆ์องคเจ้าทั้งหลาย โดยเฉพาะเมื่อกำลังอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยในด้านชีวิตและทรัพย์สิน.. ที่ส่งผลต่อวิกฤตในปัจจัยแห่งการบริโภค.. และโรคาพยาธิทั้งหลายที่แพร่ระบาด.. คุกคามไม่เว้นพระสงฆ์-สามเณร.. ชาวบ้าน...

..ยิ่งเมื่อได้รับทราบข่าวสารจากภิกษุพัชรธรรมทุกชุดที่ประจำอยู่ในแต่ละจังหวัด.. ในพื้นที่ชายแดนใต้.. ยิ่งได้เห็นน้ำจิตน้ำใจอันประเสริฐของภิกษุในชายแดนภาคใต้เหล่านั้น ที่แม้มิได้มีกำลังมากมาย.. แต่กลับมีจิตใจเข้มแข็ง มีกำลังใจเป็นเลิศ ที่พร้อมจะต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคทั้งปวง.. โดยเฉพาะภัยจากก่อการร้าย.. โดยสันติวิธี.. ด้วยธรรมวิธีในวิถีพุทธ... ดังที่มีคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ไว้ให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดว่า...

เมื่อยามถูกใส่ร้าย          .. พึงนิ่งสงบ

เมื่อยามถูกทำร้าย         .. พึงวางเฉยอย่างมีสติ....

เมื่อยามถูกเสียดสี         .. พึงอดกลั้น

เมื่อยามถูกเบียดเบียน  .. พึงอดทน....

ซึ่งตรงตามหลักปฏิบัติ เพื่อการทำหน้าที่ “สมณทูต” ผู้เผยแผ่หลักธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา ที่จะต้องเคารพในพระโอวาทปาฏิโมกข์.. ซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสข้อปฏิบัติไว้ว่า...

การไม่กล่าวร้าย การไม่ทำร้าย ความสำรวมในพระปาฏิโมกข์

การขบฉันแค่พอประมาณ การนั่งนอนในที่สงัด..

การบำเพ็ญเพียรพัฒนาจิต.. นั่นเป็นข้อปฏิบัติ

ของภิกษุในพระธรรมวินัยของพระองค์..!!

จากแนววิธีปฏิบัติดังกล่าว หากค้นคว้าลงไปในพุทธประวัติก็จะพบตัวอย่างหนึ่งที่ ภิกษุในโครงการพัชรธรรม .. พึงควรศึกษา ซึ่งเป็นแบบอย่างที่พระพุทธองค์ตรัสยกย่อง ได้แก่ กรณีพระปุณณะจากแคว้นสุนาปรันตะ .. ตามประวัติเกิดที่เมืองท่า สุปปารกะ เมื่อเติบโตขึ้นจึงทำอาชีพค้าขายร่วมกับน้องชาย ผลัดกันนำกองเกวียน ๕๐๐ เล่ม เที่ยวค้าขายตามหัวเมืองต่างๆ ได้มีโอกาสมาฟังธรรมพระพุทธองค์ที่พระเชตวันมหาวิหาร แห่งนครสาวัตถี แคว้นโกศล จึงเกิดศรัทธาขอบวชในพระพุทธศาสนาและตั้งใจทำกรรมฐาน

ต่อมาคิดจะเดินทางกลับไปภาวนาที่สุนาปรันตะ บ้านเกิดของท่าน จึงเข้าไปกราบทูลขอรับพระธรรมคำสั่งสอนที่จะนำไปเป็นกรรมฐานของตน...

..พระพุทธองค์จึงได้ประทานพระโอวาท แสดงวิธีปฏิบัติต่อรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ มีใจความโดยย่นย่อว่า...

 “ดูก่อนปุณณะ มีรูปที่รู้ได้ด้วยจักษุ อันน่าปรารถนา น่ารัก น่าพอใจ.. ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด

ถ้าภิกษุมี ใจยินดี กล่าวสรรเสริญ พัวพัน ในรูปนั้น  ความเพลิดเพลิน ก็จะเกิดขึ้น เพราะความเพลิดเพลินเกิดขึ้น ทุกข์จึงเกิดขึ้น... ฯลฯ

 (แม้ในเสียงที่รู้ด้วยโสต ..กลิ่นที่รู้ด้วยฆนะ ..รสที่รู้ด้วยชิวหา ..โผฏฐัพพะที่รู้ด้วยกาย ..ธรรมารมณ์ที่รู้แจ้งด้วยใจ ก็กล่าวทำนองเดียวกัน)

ดูก่อนปุณณะ รูปทั้งหลายที่พึงรู้แจ้งด้วยจักษุ อันน่าปรารถนา น่ารัก น่าพึงใจ.. ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด.. มีอยู่...

..ถ้าภิกษุไม่ยินดี ไม่กล่าวสรรเสริญ ไม่พัวพันในรูปนั้น ความเพลิดเพลินก็ดับไป

เมื่อความเพลิดเพลินดับไป ทุกข์จึงดับ... ฯลฯ

 (แม้ในกรณี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ.. ธรรมารมณ์ ก็กล่าวทำนองเดียวกัน)

ดูก่อนปุณณะ ด้วยประการฉะนี้ เธอนั้นจึงไม่ห่างไกลจากธรรมวินัยนี้!!!”

เมื่อพระพุทธเจ้าได้ประทานโอวาทดังกล่าวแก่พระปุณณะเรียบร้อยแล้ว ได้ตรัสถามพระปุณณะว่า.. “ชนชาวสุนาปรันตะ ดุร้าย หยาบคายนัก.. ถ้าพวกเขาด่าเธอ ขู่เธอ เธอจะมีอุบายแก้ไขอย่างไร”

พระปุณณะทูลตอบว่า.. “...ข้าพระองค์จะใส่ใจว่า ชาวสุนาปรันตะ เจริญดีหนอ.. ที่ไม่ตีข้าฯ ด้วยมือ…

..หากตีด้วยมือ ก็จะใส่ใจคิดว่า ยังดีที่เขาไม่ปาด้วยก้อนหิน

..หากปาด้วยก้อนหิน ก็จะคิดว่า ยังดีที่เขาไม่ตีด้วยท่อนไม้

..หากตีด้วยท่อนไม้ ก็จะคิดว่า ยังดีที่เขาไม่แทงด้วยมีด

..หากเขาแทงด้วยมีด ก็จะคิดว่า ยังดีที่เขาไม่ถึงกับฆ่าให้ตาย

..หากถูกฆ่าให้ตาย ก็จะคิดว่า ดีแล้วที่เราไม่ต้องหาอาวุธปลิดชีพตนเอง!!”

พระพุทธเจ้า ตรัสว่า.. “ดีละ ดีละ ปุณณะ เธอประกอบด้วย ทมะ, อุปสมะ เช่นนี้ เธอจักอยู่ในสุนาปรันตชนบทได้ บัดนี้ เธอย่อมรู้กาลอันควรไป....”

จากเรื่องราวของพระปุณณะตามที่ยกมากล่าวอ้าง.. นับว่าเป็นธัมมานุสติสำหรับภิกษุพัชรธรรม.. และภิกษุในพระพุทธศาสนาทุกรูป ที่ควรใส่ใจพิจารณาโดยละเอียด.. เพื่อความเจริญในสมณธรรม.. ตามพระธรรมวินัยที่ทรงแสดงไว้ดีแล้ว ที่มีความประณีต ลึกซึ้ง ยากที่คนหยาบๆ จะเข้าใจได้ว่า.. ทำไมจึงทรงสั่งสอนเช่นนี้.. เช่น... แม้เขาฆ่าเรา ก็ดีกว่าฆ่าตนเอง.. หรือแม้เขาฆ่าเรา.. แต่เราอย่าฆ่าเขา

จากคำสั่งสอนดังกล่าว ได้แสดงถึงความเป็นธรรมลักษณะของพระพุทธศาสนา ที่แสดงความเป็นสันติธรรมผ่านพระธรรมวินัยมาอย่างชัดเจน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความรู้แจ้งในอริยสัจธรรม.. อันไม่มีในศาสนาใดๆ ในโลกนี้

ดังนั้น.. หน้าที่ของพระภิกษุหรือพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาทุกรูป จึงต้องดำเนินไปตามแนวทางสายกลางด้วยปัญญา อันมีธรรมวิธีปฏิบัติ คือการเจริญสติปัฏฐานธรรม.. ที่มุ่งศึกษาให้รู้เข้าใจในความเป็นจริงแท้ของชีวิต.. ว่า... แท้จริงชีวิตคืออะไร.. ชีวิตเกิดมาได้อย่างไร.. เกิดที่ไหน อะไรทำให้เกิดขึ้น.. เมื่อเกิดขึ้นแล้วเป็นอย่างไร... แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป!!

ความเข้าใจในความจริงของชีวิตตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ จึงเกิดขึ้นตรงนี้ ด้วยสติปัญญาที่ถึงพร้อม เพื่อประกอบความเพียรชอบ.. ที่จักต้องหมั่นเพียรอย่างจริงจัง...

ความรู้ ความเข้าใจ ในความจริงของชีวิต จึงจะเกิดปรากฏ.. ที่จะนำไปสู่ความไม่หวั่นไหวในโลกธรรม ไม่ว่าจะเกิดหรือจะดับ...

เพราะเข้าใจความจริงแท้ของชีวิตว่า.. “ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น.. เพราะเป็นอนัตตา!!”

การปฏิบัติหน้าที่ของภิกษุพัชรธรรม.. จึงดำเนินไปด้วยความสุข.. โดยเฉพาะเมื่อท่านทั้งหลายได้เห็นรอยยิ้ม.. คำพูดฉันญาติมิตร.. จากใบหน้า ดวงตา จิตใจ ของพี่น้องชาวใต้

จึงขออนุโมทนายิ่งในเจตนาธรรมของ ภิกษุพัชรธรรมในโครงการจิตอาสา กำลังใจ พัชรธรรมทุกรูป.. ที่จะได้พร้อมเพรียงกันประกอบศาสนกิจครั้งยิ่งใหญ่ ในวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๕.. ณ วัดช้างให้ จ.ปัตตานี เพื่อความสงบสุขของแผ่นดินไทย.. สำคัญยิ่ง เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล.... หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คงจะได้เห็นภาพชาวพุทธใน ๕ จังหวัดภาคใต้ มาร่วมงานประกอบศาสนกิจในวันดังกล่าวกันอย่างคับคั่ง....

เจริญพร

[email protected]

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คุณค่าแท้–คุณค่าเทียม ที่ชาวพุทธควรคำนึง..!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. คำว่า “วิกฤตศรัทธา” เริ่มมีการพูดถึงกันมากในห้วงเวลานี้ ด้วยเหตุปัจจัยในเรื่องนั้น ที่นำไปสู่ความสั่นคลอนในความเชื่อมั่น ที่เคยอบรมสั่งสมมานานในสิ่งนั้นๆ เรื่องนั้นๆ บุคคลนั้นๆ.. ซึ่งนับเป็นเรื่องปกติของวิถีชีวิตสัตว์ทั้งหลายที่พยายามหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณ

บูชาพระโอวาทปาติโมกข์ .. ณ เวฬุวันมหาวิหาร ปี พ.ศ.๒๕๖๗

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. กลับมาจาก งานมาฆบูชาโลก ที่เวฬุวันมหาวิหาร พระนครราชคฤห์ แคว้นมคธ พร้อมกับติดเชื้อเป็นของแถม ด้วยมีไวรัสแพร่ระบาดในหมู่คณะที่มีทั้งพระสงฆ์และฆราวาสติดตามไปร่วมร้อยชีวิต

บนเส้นทางมหาปรินิพพาน “มัชฌิมาปฏิปทา สู่ อัปปมาทธรรม”..

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาปสาทะในพระพุทธศาสนา.. บนเส้นทางมหาปรินิพพานของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในปัจฉิมสมัย มีปรากฏร่องรอยธรรมที่ควรศึกษาอย่างยิ่ง

มาฆบูชาโลก ณ เวฬุวันมหาวิหาร ชมพูทวีป (พ.ศ.๒๕๖๗)

เจริญพรศรัทธาสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในห้วงเวลาระหว่าง ๒๒-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ได้เดินทางไปประกอบศาสนกิจอันสำคัญยิ่งในชมพูทวีป บนแผ่นดินเกิดพระพุทธศาสนา เนื่องใน วันมาฆบูชาโลก ซึ่งปีนี้ตรงกับ วันเสาร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ เป็น “วันมาฆบูชาปูรณมี”

“มายาสาไถย..” ..ในสังคมปัจจุบัน!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ย่อมมีประโยชน์ ๓ ระดับ ได้แก่