ว่าด้วย “ชัยชนะ” และ “ความพ่ายแพ้” ของทุกๆ ฝ่าย

ใน ประวัติศาสตร์ นั้น...ไม่มีคำว่า ชนะ ไม่มีคำว่า แพ้ แบบชนิดเบ็ดเสร็จ-เด็ดขาด เพราะผู้ที่ ชนะ ในวันใด-วันหนึ่ง สุดท้ายก็มักต้อง แพ้ ในอีกวันใด-วันหนึ่งเข้าจนได้ ไม่ว่าจะเป็นวันๆ เดือนๆ ปีๆ หรือหลายสิบ-หลายร้อยปีก็ตาม ใครที่ดันเผลอตัวไปอุทานว่า เราชนะแล้ว...แม่จ๋า ไปๆ-มาๆ อาจต้องโหยหวน ครวญครางว่า เราแพ้แล้ว...พ่อจ๋า ในวันหน้า หรือวันไหนๆได้เสมอๆ...

แม้แต่ ชัยชนะ ในการโค่นล้ม ทำลาย กษัตริย์องค์เก่า ชนิดแทบไม่เหลือเศษ เหลือซาก ซึ่งเลี่ยงไม่พ้นต้องอาศัยบทบาท อำนาจ บารมี ของ กษัตริย์องค์ใหม่ ที่อาจน่าตกตะลึง พรึงเพริด น่าหวาดหวั่น ขวัญสยองกว่าองค์เก่าๆ ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า เช่นการโค่นล้ม พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 เพื่อให้ได้มาซึ่ง เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ

ในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ที่ต้องหันไปอาศัยบทบาท อำนาจ ของ 3 กษัตริย์ อย่าง โรแบส ปิแอร์, มาราต์, ดังตอง ผู้ที่พร้อมจับใครต่อใครไปตัดหัวคั่วแห้งจนเลือดนองท้องช้างไปทั่วทั้งฝรั่งเศส แต่สุดท้าย...กษัตริย์องค์ใหม่ก็ต้องถูกโค่น ถูกทำลาย ไม่ต่างไปจากกษัตริย์องค์เก่านั่นเอง ก่อนที่จะแพ้มั่ง-ชนะมั่ง สลับไป-สลับมา จนแม้แต่จะสถาปนา ประชาธิปไตยฝรั่งเศส ให้ยืนยาวมาจนถึงบัดนี้ แต่ท่ามกลาง ความเสื่อม ของ ประชาธิปไตยแบบตะวันตก หรือ ประชาธิปไตยแห่งทุนนิยม ทั้งหลายในทุกวันนี้ สิ่งที่เรียกว่า เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ ที่เคยท่องๆ บ่นๆ แบบนกแก้ว-นกขุนทองมาโดยตลอด ก็ยังคงเป็นเพียงสิ่งที่เพ้อๆ ฝันๆ กันไปตามเรื่อง-ตามราว...

ไม่ต่างไปจากการโค่นล้ม พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งประเทศรัสเซียนั่นแหละ ที่ยังไงๆ ก็หนีไม่พ้นต้องอาศัยบทบาท อำนาจ บารมี ของ ซาร์องค์ใหม่ อย่าง พระเจ้าเลนิน, พระเจ้าทรอตสกี ไปจน พระเจ้าสตาลิน ฯลฯ โน่นเลย ผู้ทรงพระเหี้ยยย...มม์ม์ม์ ชนิด ม.ม้า แทบวิ่งตามไม่ทันไม่น้อยไปกว่ากัน เล่นเอาเลือดนองท้องช้างไปทั่วแผ่นดินรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นเลือดฝ่ายตรงข้าม หรือเลือดคอมมิวนิสต์ฝ่ายเดียวกันเอง และแม้พระเจ้าซาร์องค์ใหม่ หรือกษัตริย์แห่งสังคมนิยม จะสามารถสืบทอด สันตติวงศ์ ต่อมาได้อีกหลายสิบปี สุดท้าย...ก็มีอันต้อง แพ้ ไปอีกเช่นกัน ต้องล่มสลายไปทั้งระบบ และทั้งระบอบ กันอีกจนได้ บรรดาอนุสาวรีย์ สิ่งระลึกความทรงจำต่างๆ ต่างถูกรื้อ ถูกฉุดกระชากลากถู ลงมาล้มคว่ำคะมำหงาย ชนิดน่าสลด หดหู่ เป็นอย่างยิ่ง...

ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ข้อชี้แนะ ชี้นำ ในทาง ศาสนา จึงออกจะเป็นอะไรที่ เข้าท่า กว่าเป็นไหนๆ นั่นก็คือให้ลองหันมาปรับเปลี่ยน อุปนิสัย วาสนาและสันดาน ภายในตัวตนของตน เพื่อให้มีโอกาส เอาชนะตัวเอง ไม่วันใดก็วันหนึ่งให้จงได้ เพราะ ชัยชนะ ที่ว่านี้ อาจมีสิทธิ์ยั่งยืน คงทน ถาวร ชนิดแทบไม่ต้องวนไป-วนมาอยู่กับความพ่ายแพ้ใดๆ เอาเลยก็ว่าได้ ชัยชนะที่อาจนำไปสู่การบรรลุถึงซึ่งความเป็นอมตะนิรันดรกาล ไม่ต้องเกิด-ไม่ต้องตาย ไม่ต้องแหวกว่ายวนเวียนอยู่ภายใต้ วัฏสงสาร อันเป็นอะไรที่น่าเบื่อ น่าหน่าย ซ้ำๆ ซากๆ เป็นอย่างยิ่ง...

หรือถึงแม้จะไม่ ชนะ แบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด ยังไม่สามารถบรรลุถึงซึ่ง นิพพาน ยังไม่ถึงกับ ว่าง แบบไม่มี อัตตา หรือ ตัวตน ใดๆ เหลืออยู่อีกเลย ยังคงติ่งๆ อยู่กับอารมณ์-ความรู้สึกบางอย่าง บางประการ แต่ความพยายามเอาชนะตัวตนของตน ในแต่ละเรื่อง แต่ละด้าน ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โอกาสที่จะหวนกลับไปสู่ความพ่ายแพ้ ไม่ว่าในลักษณะหนึ่ง ลักษณะใด มันย่อมลดความเป็นไปได้ หรือแทบเป็นไปไม่ได้ ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น เหมือนอย่างที่ปรมาจารย์ผู้ที่ฐานะใกล้เคียงกับ พระศาสดา รายหนึ่ง เช่นท่าน เหลาจื๊อ ท่านเคยเอ่ยเป็นวาทะเอาไว้นั่นแหละว่า...ผู้พิชิตคนอื่นคือผู้เก่งกล้า แต่ผู้พิชิตตนเองคือผู้เกรียงไกร (He who conquers others is strong; he who conquers himself is mighty.)...

ยิ่งชีวิตหนึ่งในชาตินี้ หรือแต่ละชาติ มันออกจะเป็นอะไรที่สั้นจุ๊ดจู๋ เพียงแค่ไม่กี่หมื่นวันก็ต้องเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะเท่งทึงกันไปเป็นรายๆ ไม่ว่าจะคนรุ่นเก่า รุ่นใหม่ หรือรุ่นไหนๆ ก็เถอะ!!! การหมกมุ่น มัวเมา อยู่กับการคิดเอาชนะ คิดโค่นล้มผู้อื่น จึงเป็นอะไรที่ออกจะเสียเรื่อง เสียเวลา โดยใช่เหตุ สู้หันมาปรับทิศ ปรับทาง ปรับสภาพ ปรับทัศนคติของตัวเอง ให้หันมามองถึง ศัตรูที่แท้จริง ของมวลมนุษยชาติในแต่ละรูป แต่ละนาม แต่ละชาติ แต่ละเผ่าพันธุ์-ภาษา นั่นก็คือ กิเลส หรือ อวิชชา ภายในตัวตนของตนนั่นแหละเป็นหลัก แล้วหันมาเอาชนะ หันมาคิดโค่นล้ม ทำลาย สิ่งทั้งหลาย ทั้งปวงเหล่านี้ น่าจะ เข้าท่า กว่าเป็นไหนๆ...

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยโสโอหังไม่ฟังใคร ไม่สนใจกระแส...คิดว่าแจงได้

อ่อนอกอ่อนใจจริงๆ กับสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ ตั้งแต่ถ้อยคำ วาจา ท่าที ลีลาการหาเสียงของคนที่ถูกวางตัวว่าวันหนึ่งจะได้เป็นผู้นำประเทศ ตะโกนด้วยสุ้มเสียงมั่นอกมั่นใจในสิ่งที่พูด ท

สูตรแต่งตั้งตำรวจ

กว่าจะเคาะ กว่าจะคลอด ก็นั่งนับนิ้วกันแทบหงิก เพราะ 180 วัน ตามเงื่อนไขการบังคับใช้กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2567

ฤาประเทศไทยจะไร้สีสวย มีแต่สีแสบ

ประเทศไทยอยู่ในสภาพความขัดแย้งระหว่างสีเสื้อมาเกือบ 2 ทศวรรษแล้ว แม้เวลานี้เราจะมีรัฐบาลผสมแบบข้ามขั้ว แต่เราก็ยังไม่เห็นบรรยากาศของความปรองดองเกิดขึ้นอย่างแท้จริง

โลกที่'อันตราย'กับภารกิจของ'คนรุ่นใหม่'

เห็นข่าวเรื่อง ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม อาจารย์ภาควิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ท่านออกมาโพสต์