กู...ไม่เอากับมึงแล้วโว้ย!!!

    นั่ง ตถาตา ไปเรื่อยๆ ในแต่ละวัน...ไปๆ-มาๆ ชักหวิดๆ อตัมมยตา ขึ้นมามั่งแล้ว!!! นี่...เริ่มต้นแบบคำพระ-คำเจ้ากันเลยทั่นสำหรับอาทิตย์นี้ คือหลังจากพยายามมองความเคลื่อนไหว-ความเป็นไปของสรรพสิ่ง ในแบบ มันเป็นเช่นนั้นเอง-มันเป็นพรรค์นั้นแหละ ดังที่ อภิมหาพระ-ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านว่าไว้ เลยชักเริ่มอยากๆ กู-ไม่เอากับมึงแล้วโว้ย หรือชักเริ่มเห็นๆ สิ่งที่ท่านพุทธทาสฯ ท่านให้ความหมายแบบหยาบๆ ง่ายๆ ของคำว่า อตัมมยตา เอาไว้ทำนองนี้...

    พูดง่ายๆ ว่า...ชักอยากไปไกลถึงขั้นเข้าสู่ ภาวะที่ไม่มีอะไรปรุงแต่ง หรือ ภาวะจิตที่อยู่เหนือการปรุงแต่ง อะไรประมาณนั้น ส่วนจะชาติหน้า ชาติไหนๆ หรือหลังผ่านพ้นการเป็น สุธี-สามสี่ชาติ หรือไม่? อย่างไร? ก็ยังมิอาจสรุปได้ แต่พอวาดภาพ พอจินตนาการ ได้เล็กๆ น้อยๆ ว่ามันน่าจะสดใส ซาบซ่าน สะอาด สว่าง และสงบ-เย็นเสียเหลือเกิน หรือเป็นอะไรที่พึงปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ยังต้องติดแหง็กอยู่ในโลกยุคนี้ สมัยนี้ ยุคที่อะไรต่อมิอะไรมีแต่ เสื่อมลงๆ เรียงไปตามลำดับ โอกาสเห็นสิ่งที่สูงขึ้น เจริญขึ้น ออกจะหายาก-หาเย็น ยิ่งกว่าหาหนวดเต่า-เขากระต่ายเอาเลยก็ว่าได้...

    ยิ่งเมื่อใครต่อใครมักชอบหันไปแต่ง ไปปรุง กันในแทบจะทุกเรื่อง ทุกราว ไม่ว่าจะเรื่องเล็ก เรื่องน้อย เรื่องใหญ่โตมโหระทึก ไปจนเรื่องหีดๆ หุ้ยๆ แม้แต่ เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง หรือ ไม่น่าจะได้เรื่อง ก็เถอะ สุดท้าย...ดันกลาย เป็นเรื่อง ขึ้นมาจนได้!!! อย่างเรื่อง ปลาเค็มป้าอ้วน เป็นต้น เจอเข้ากับภาวะเช่นนี้ หรือเจอกับการใส่สี ตีไข่ ใส่เครื่องเทศ เครื่องปรุง เติมพริก กะปิ น้ำปลา น้ำบูดู น้ำปลาร้า หั่นหอม หั่นกระเทียม ซอยผักชีโรยหน้า ฯลฯ ไปในแทบจะทุกๆ กรณี เล่นเอา...รากเขียว-รากเหลืองแทบอ้วกแตก-อ้วกแตนไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะถ้าเผลอแวบเข้าไปใน โซเชียลมีเดีย หรือในโลกเสมือนจริงทั้งหลาย...

    ความรู้สึกแบบ อตัมมยตา หรือแบบ กู...ไม่อยากเอากับมึงแล้วโว้ย!!! เลยเริ่มผุดๆ ขึ้นมาวันละ 3 เวลาหลังอาหาร ไม่อยากยุ่ง อยากเกี่ยว ไม่ว่าข้างไหนต่อข้างไหน ฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหน ไม่อยากหยิบเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง ไม่ได้เรื่อง-ได้ราว เอามาปรุง มาต่อเติม เสริมแต่ง ไม่ว่าแง่บวก-แง่ลบ แง่ชอบ แง่ชม แง่หลงใหล ได้ปลื้ม หรือแง่โกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาตพยาบาท ริษยาและชิงชัง เพราะมันออกจะ ไม่ได้เรื่อง ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง ไม่ได้นำมาซึ่งความสดใส ซาบซ่าน ความสะอาด สว่าง ความสงบ ความเย็นไปด้วยกันทั้งนั้น...

    อาจด้วยความรู้สึกทำนองนี้นี่เอง...ที่ทำให้อดหันไปทบทวน หวนคิด ถึงอารมณ์-ความรู้สึกของมวลมนุษย์ในยุคหนึ่ง-ยุคใดที่จะเป็นจริง-เป็นจังหรือไม่? อย่างไร? ก็ยังมิอาจคาดคะเนได้ นั่นคือยุคที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้พูดจา ว่ากล่าว เล่าไว้เป็นนิทาน นิยาย เป็นชาดก เป็นคำทำนาย คำพยากรณ์ หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่จะคิด ถึงยุคที่เรียกๆ กันว่า สัตถันตรกัปป์ ยุคที่มวลมนุษย์ทั้งหลายต่างมี ศาสตราวุธอันคมกริบ อยู่ในมือกันคนละดุ้น คนละด้าม และต่างหันมาสังหาร พร่าผลาญ กันและกันในตลอดช่วง 7 วัน จนตายโหง ตายห่า เด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ไปตามๆ กัน...

    ในจังหวะนั้นนั่นเอง...ที่ได้มีการกล่าวถึงมนุษย์บางประเภท บางจำพวก ที่ได้ “หลบไปอยู่ในป่าดง พงชัฏ สุมทุมพุ่มไม้ ระหว่างเกาะและซอกเขา อาศัยรากไม้ เง่าไม้ ผลไม้ป่า เป็นเครื่องยังชีพ ฯลฯ” ที่ครั้นเมื่อครบ 7 วัน หรือเมื่อ สัตถันตรกัปป์ ผ่านพ้นไปแล้ว... “เขาทั้งหลายได้พากันออกจากสุมทุม พุ่มไม้ ป่าดง พงหญ้า ระหว่างเกาะและซอกเขา แล้วต่างสวมกอดซึ่งกันและกัน ต่างร่วมขับขาน ร่ำร้อง ด้วยความร่าเริง ยินดีที่รอดชีวิต” หรือเพราะ เราอย่าฆ่าใคร-และอย่าให้ใครฆ่าเรา อันกลายมาเป็น ศีลธรรมเบื้องต้น ที่ค่อยๆ นำไปสู่การเจริญและการวิวัฒนาการของมวลมนุษย์เท่าที่เหลืออยู่นับแต่บัดนั้นก่อนค่อยๆ ยกระดับสูงขึ้นๆ เจริญขึ้นๆ ไปจนถึง ยุคพระศรีอาริย์ จนได้!!!

    ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าจะมีโอกาสเข้าสู่ ภาวะที่ไม่มีการปรุงแต่ง หรือ ภาวะจิตที่อยู่เหนือการปรุงแต่ง ในชาตินั้น ชาติโน้น หรือชาติไหนๆ ก็เถอะ แต่ถ้าลองได้เริ่ม อตัมมยตา เอาไว้ก่อน เริ่มๆ กู...ไม่เอากับมึงแล้วโว้ย กัน ณ ช่วงนี้ ณ ปัจจุบันขณะนี้ อย่างน้อย...ก็น่าจะพออยู่รอด ปลอดภัย เผลอๆ...อาจพอได้สะอาด สว่าง และสงบ-เย็น แม้บางช่วง บางขณะ ดีกว่าการ ไหลไปตามกระแส ที่หนักไปทางเสื่อมลงๆ เจริญลงๆ ยิ่งเข้าไปทุกที...

                                                                  --------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยโสโอหังไม่ฟังใคร ไม่สนใจกระแส...คิดว่าแจงได้

อ่อนอกอ่อนใจจริงๆ กับสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ ตั้งแต่ถ้อยคำ วาจา ท่าที ลีลาการหาเสียงของคนที่ถูกวางตัวว่าวันหนึ่งจะได้เป็นผู้นำประเทศ ตะโกนด้วยสุ้มเสียงมั่นอกมั่นใจในสิ่งที่พูด ท

สูตรแต่งตั้งตำรวจ

กว่าจะเคาะ กว่าจะคลอด ก็นั่งนับนิ้วกันแทบหงิก เพราะ 180 วัน ตามเงื่อนไขการบังคับใช้กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2567

ฤาประเทศไทยจะไร้สีสวย มีแต่สีแสบ

ประเทศไทยอยู่ในสภาพความขัดแย้งระหว่างสีเสื้อมาเกือบ 2 ทศวรรษแล้ว แม้เวลานี้เราจะมีรัฐบาลผสมแบบข้ามขั้ว แต่เราก็ยังไม่เห็นบรรยากาศของความปรองดองเกิดขึ้นอย่างแท้จริง

โลกที่'อันตราย'กับภารกิจของ'คนรุ่นใหม่'

เห็นข่าวเรื่อง ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม อาจารย์ภาควิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ท่านออกมาโพสต์