ถอยจากความตาย

เมื่อวานกับวันนี้ไม่เหมือนกันจริงๆ                   

"เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์" มีวุฒิภาวะมากขึ้น

มากกว่าพวกนักวิชาการทำตัวเป็นศาสดา นักเขียน  นักเคลื่อนไหว ที่แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน เสียอีก

คนพวกนี้ยุให้ "แบม" กับ "ตะวัน" อยู่ในคุก ด้วยคำพูดที่สวยหรู เป็นการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพสำหรับนักโทษการเมืองทุกคน

แต่ตัวเองเกรี้ยวกราดในโซเชียล ถึงเวลากินอิ่มนอนหลับสบาย

ตื่นขึ้นมาไถมือถือหาเหยื่อด่าศาล ชื่นชมเด็กทำถูกแล้ว

เพราะทำในสิ่งที่ล้ำค่า

บทสรุปคือไม่ต่างยุให้เด็กอดข้าวตายในคุก

แต่..."เพนกวิน" มาเหนือกว่ามาก

เขียนจดหมายถึง แบม ตะวัน และสิทธิโชค          

ขอให้รักษาชีวิตไว้ก่อน

......เราเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงพวกเธอทุกคน ทั้งด้วยความรู้สึกเคารพความเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจ และความรู้สึกเป็นห่วงสุขภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงทุกวัน การอดข้าวอดน้ำเอาชีวิตลงเดิมพันของพวกเธอถือเป็นก้าวย่างอันกล้าหาญที่จะต่อสู้กับความทรมานของตัวเอง

เราคิดว่าเราพอเข้าใจความรู้สึกของการไม่ได้กินที่พวกเธออาจกำลังรู้สึก แม้ตัวเราเมื่อคราวอดอาหารประท้วงจะไม่ได้ตัดสินใจวางเดิมพันเท่าที่พวกเธอวางก็ตาม และเราเชื่อว่าพวกเธอคงได้ไตร่ตรองมาโดยถี่ถ้วนแล้วจึงได้ตัดสินใจเช่นนี้

กระนั้นเอง การต่อสู้ของพวกเธอตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่ท้าทายยิ่ง เพราะองคาพยพของฝ่ายตรงข้ามของพวกเธอ  (และของพวกเราทั้งหมด) เป็นผู้ทรงอำนาจ และจากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็เห็นได้ว่าอำนาจของพวกเขาไม่ได้ตั้งมั่นอยู่ในธรรมมากนัก

ดังที่พวกเธอก็คงรู้ดี แน่นอนว่าเราต้องต่อสู้กับอำนาจอันปราศจากธรรมเหล่านี้ แต่ในการต่อสู้ เราไม่พึงคาดหวังมนุษยธรรมในใจของอีกฝ่ายมากนัก เราจึงจำเป็นต้องถนอมชีวิตและจิตใจสำหรับการสู้ต่อในระยะยาวด้วย

ข้อเรียกร้องของพวกเธอทั้งหมดเป็นเรื่องถูกต้องตามหลักการทั้งปวง เป็นสิ่งที่ผู้มีอำนาจทั้งหมดควรรับฟังและปฏิบัติตาม และยังเป็นเรื่องน่านับถือที่เธอไม่ได้เรียกร้องเพียงเพื่อตัวเอง แต่เพื่อผู้ถูกคุมขังทั้งหมด รวมถึงเพื่อการเปลี่ยนแปลงระบบและโครงสร้างความยุติธรรมที่ดีกว่าสำหรับประเทศชาติ

กระนั้นเอง ในสังคมบิดเบี้ยวนี้ ข้อเรียกร้องคงต้องใช้เวลายาวนานกว่าผู้มีอำนาจจะยอมทำความเข้าใจและพิจารณาได้ โดยเฉพาะข้อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและยกเลิกกฎหมายมาตรา ๑๑๒ และ ๑๑๖  นั้น แน่นอนว่าโดยกระบวนการต้องใช้เวลามาก

ซึ่งน่าจะยาวนานเกินกว่าที่ร่างกายของพวกเธอจะรับไหวจากการอดข้าวอดน้ำ

สิ่งที่พวกเธอเรียกร้องเป็นเรื่องน่าเลื่อมใส แต่มันต้องใช้เวลาในการผลักดัน และมันจะไม่เกิดขึ้นจากความตายของใคร

ดังนั้น นอกจากเราจะเรียกร้องต่อผู้มีอำนาจและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ขานรับข้อเรียกร้องของพวกเธอแล้ว  เรา ในฐานะเพื่อนร่วมอุดมการณ์คนหนึ่งที่เคยต่อสู้ด้วยการอดอาหารประท้วง ขอร้องให้พวกเธอทบทวนวิธีการต่อสู้ที่พวกเธอทำอยู่

ขอให้เธอยุติการอดข้าวอดน้ำและยอมรับการฟื้นฟูร่างกายโดยคณะแพทย์อย่างเต็มที่เพื่อรักษาชีวิตของพวกเธอไว้ สิ่งที่เธอในวันนี้เติมไฟให้หลายคนในเรื่องที่ขับเคลื่อนกันอยู่แล้ว เมื่อเติมไฟแล้วก็ขอให้รักษาชีวิตจิตใจ ออกมาตั้งหลักกันใหม่ เพื่อผลักดันทุกข้อเรียกร้องให้ลุล่วงถึงฝั่งได้สมบูรณ์

เพื่อนพ้องต้องการให้เธอมีชีวิตต่อ มวลชนต้องการให้เธอมีชีวิตต่อ ทุกคนต้องการให้เธอมีชีวิตต่อ และไม่มีใครอยากให้เธอตาย อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าทุกคนจะเคารพทุกการตัดสินใจที่พวกเธอเลือก เราเองก็เคารพเช่นกัน  เพราะนั่นคือสิทธิอันชอบธรรมของเธอที่จะต่อสู้กับอำนาจอธรรมในสังคม

ขอให้พวกเธอพิจารณา......

เพนกวิน ผ่านรสชาติการอดอาหารประท้วงในลักษณะเดียวกัน และภายใต้เงื่อนไขนี้มาแล้ว ฉะนั้นย่อมรู้ดีว่า...

ที่ทำอยู่ไม่ต่างปิ้งปลาประชดแมว

หากยังเดินหน้าไปตามแรงยุของพวกหลอกใช้เด็ก อาจถึงชีวิต!

การต่อสู้ทางการเมือง การเรียกร้องประเด็นสิทธิเสรีภาพ มีมาตลอดเวลาแทบจะทุกรัฐบาล

หากมองย้อนกลับไปยุครัฐบาลทักษิณที่บอกว่าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย ก็มีการเรียกร้องเช่นกัน 

แต่ที่ต่างคือวิธีการ

มาที่การเรียกร้องให้ยกเลิก ม.๑๑๒

ช่วง "เพนกวิน" และชาวคณะอดอาหารประท้วงอยู่ในเรือนจำ กองเชียร์ข้างนอกออกข่าว อ้างว่าเป็นความต้องการจากในคุก

ยกระดับการต่อสู้ ทะลุเพดาน

จากที่ขยายเพดานแล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ก็ทะลุเพดานมันซะเลย

ผลก็อย่างที่เห็น ประเด็นเรียกร้องมันไม่ใช่ความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ จึงไม่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรได้

จากเพนกวิน อานนท์ รุ้ง ไมค์ มาฉายซ้ำ ด้วย แบม กับ ตะวัน จึงไม่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใดๆ

เพราะการยกเลิก หรือแก้ไข ม.๑๑๒ นั้นสังคมส่วนใหญ่ยังไม่เห็นด้วย

นี่คือคำตอบว่า การชุมนุมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ จึงเทียบไม่ได้กับการต่อสู้ของคนเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๕

หรือแม้กระทั่ง ๑๔ ตุลา ๖ ตุลา ในอดีต

เมื่อสังคมไม่ขยับตาม "เพนกวิน" และพวกถึงได้หยุด

แล้วทำไมสังคมส่วนใหญ่ถึงไม่ขยับตาม

นี่คือสิ่งที่ แบม กับ ตะวัน รวมทั้งพวกห้อยโหนทั้งหลาย ต้องนำกลับไปคิดให้มาก

หากยังดันทุรังต่อไป ก็ไม่ต่างพวกเผด็จการทางความคิด

ต้องการให้ผู้อื่นทำหรือคิดเหมือนตัวเอง

หากไม่เหมือน ก็ใช้การบีบบังคับด้วยวิธีการต่างๆ

คนส่วนใหญ่มิได้รู้สึกว่า ม.๑๑๒ และ ม.๑๑๖ เป็นปัญหาต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน

มีเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่มองเป็นปัญหาใหญ่

คือกลุ่มที่ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

การไม่มี ม.๑๑๒ จะทำให้การล้มล้างสามารถทำได้ง่ายขึ้น

ฉะนั้นการยกเลิก ม.๑๑๒ จึงเป็นการเปิดประตูไปสู่การล้มล้าง

ไม่มีหรอกครับเลิกเพื่อการปฏิรูป

หรือเพื่อรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์เอาไว้ อย่างที่  "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เคยนำมากล่าวอ้างบ่อยๆ

สังคมนี้เป็นสังคมประชาธิปไตย ก็ควรเป็นประชาธิปไตยโดยการกระทำด้วย

อย่าเป็นแต่ปาก

แต่เบื้องหลัง เผด็จการซ่อนรูป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หนีล้มเจ้า' ปะ 'โกงคุก'

น่าจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันเยอะพอควร ไม่ชอบ "ระบอบทักษิณ" แต่ไม่ไว้ใจ "ขบวนการล้มเจ้า" กัดฟันยอมเห็นพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล

ผิด 'ทักษิณ' ที่ล้างไม่หมด

มันเหลือเชื่อมั้ยล่ะครับ.... เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี่เอง "ประยุทธ เพชรคุณ" โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นั่งแถลงข่าวพูดถึงอาการของ "นักโทษชายทักษิณ" ว่าป่วยขั้นวิกฤต

๑ ประเทศ ๒ นายกฯ

มีคนสงสัยว่า "นักโทษชายทักษิณ" ออกนอกบ้านจันทร์ส่องหล้าได้หรือ

ปรากฏการณ์ทักษิณ

หวังว่าคงอยู่สุขสบายดีนะครับ ไม่ได้หมายถึง "นักโทษชายทักษิณ" แต่เป็น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กับ หมอใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

ยุบพรรค-ล้มล้าง

คำพูดสะท้อนแนวคิด วานนี้ (๑๓ มีนาคม) "ชัยธวัช ตุลาธน" เผยตัวตนที่แท้จริง ว่ามีแนวความคิดอย่างไรกับสถาบันพระมหากษัตริย์

ซีรีส์ยุบก้าวไกล

ถึงบางอ้อสิครับ... วานนี้ (๑๒ มีนาคม) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเอกฉันท์