เปิดแผนแลนด์สไลด์

ประเสริฐ จันทรรวงทอง

พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์

สมพงษ์ อมรวิวัฒน์

ชัยเกษม นิติสิริ

 ภูมิธรรม เวชยชัย

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง

ชูศักดิ์ ศิรินิล

จาตุรนต์ ฉายแสง

วิสุทธิ์ ไชยณรุณ

นพดล ปัทมะ

ประภัสร์ จงสงวน

ประยุทธ์ ศิริพานิชย์

พิชัย นริพทะพันธุ์

ก่อแก้ว พิกุลทอง

สมศักดิ์ เทพสุทิน

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

สนธยา คุณปลื้ม

สุชาติ ตันเจริญ

สุทิน คลังแสง

ขจิตร ชัยนิคม

ยังมีอีกเยอะครับ แต่คร่าวๆ ก็เอาแค่นี้ให้พอเห็นภาพ

มันมีประเด็นซ้อนขึ้นมาคือ ไม่มีรายชื่อ ซูเปอร์บิ๊กเนม  มีใครบ้างมาดูกัน

แพทองธาร ชินวัตร

เศรษฐา ทวีสิน

พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช

ทำไมพรรคเพื่อไทยถึงจัดผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ในลักษณะนี้

ทุบโต๊ะเปรี้ยงเลยครับ นี่คือหนึ่งในแผนชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์

บิ๊กเนมเต็มไปหมด ราวกับว่าพรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่า ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสของพรรคลำดับที่ ๕๐ ได้เป็น ส.ส.แน่ๆ

ลำดับ ๕๑-๗๐ ยังได้ลุ้น

ขณะที่พรรคการเมืองอื่นมักน้อย วิ่งกันฝุ่นตลบ เพื่อไม่ให้ตัวเองตกไปลำดับที่ ๑๐-๒๐ เพราะหลุดไปเมื่อไหร่ โอกาสเป็น ส.ส.ยากมาก

จะเห็นว่ามี ส.ส.ระบบเขตของพรรคเพื่อไทย ขยับมาเป็นผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หลายคน แล้วให้ลูกหลานตัวเองสมัคร ส.ส.เขตแทน

ยุทธศาสตร์แบบนี้น่าสนใจครับ

เหมือนกับบีบให้ ส.ส.รุ่นลายครามทั้งหลายขยับ บังคับโดยอัตโนมัติว่า ตอนหาเสียงต้องหาให้ทั้งพรรคและคน

จะแยกไม่ได้

จะยอมให้พันธมิตรต่างพรรคไม่ได้

เวลาเป็น ส.ส.จะได้เป็นทั้งพ่อทั้งลูก

เลือกพรรคได้พ่อ เลือกเขตได้ลูก

พรรคเพื่อไทยถึงได้บอกตลอดว่า ไม่มีสาขา ไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง

แล้วทำไมพรรคเพื่อไทยจึงตัดสินใจทุบหม้อข้าว      "อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา" ไม่มีชื่อปรากฏในบัญชีรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์

มองในแง่ดีเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตย นี่คือการเตรียมตัวแบ่งแยกคนที่จะไปทำหน้าที่นิติบัญญัติ กับบริหาร ตั้งแต่แรก

แต่เจตนาจริงๆ ของพรรคเพื่อไทย โดย "ทักษิณ ชินวัตร" คือ บีบนักการเมืองในคอก ผลักดัน "อุ๊งอิ๊ง" หรือไม่ก็  "เศรษฐา" เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้

เพราะหากพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล "อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา" เข้าสภาในฐานะ ส.ส.ไม่ได้

สาวกทักษิณ เห็นภาพนี้แล้วทนไม่ได้หรอกครับ มันเสียเหลี่ยม ฉะนั้นต้องพยายามสุดฤทธิ์ชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ให้ได้

เกมกล้าได้กล้าเสียแบบนี้ ไม่น่าจะมีคนอื่นคิดให้ นอกจาก "ทักษิณ" คิดเอง

แต่...จะไปถึงดวงดาวหรือเปล่า นั่นคือปัญหา

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเลือกตั้งคือ สำหรับนักการเมืองแล้ว  หน้าฉากกับหลังฉาก ไม่เหมือนกัน

ตอนหาเสียงด่ากันยับ

พอตั้งรัฐบาล ไปรวมตัวกันเฉย ก็อย่าแปลกใจ เพราะมันคือการเมือง

เพียงแต่ช่วงที่ด่ากันยับนี้ "ทักษิณ" ออกอาการนอยด์มากไปหน่อย

เรื่องที่ "วิรัช รัตนเศรษฐ" เบอร์รองในพลังประชารัฐ ยืนยันข่าว "ทักษิณ" ยอมให้ "ลุงป้อม" เป็นนายกฯ เพราะ เพื่อไทยเคยเสนอชื่อ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" เป็นนายกฯ มาแล้ว 

ท่วงทำนองของ "วิรัช" เหมือนขุดบ่อล่อปลามากกว่าที่จะยืนยันว่า ดีลลับเป็นจริงด้วยซ้ำ แต่ "ทักษิณ" งับเข้าเต็มคำ

ไปโพสต์ในทวิตเตอร์ @ThaksinLive แจงมา ๓ ข้อ

๑.ผมไม่ได้มีอำนาจในพรรคเพื่อไทย

๒.ผมไม่เคยสื่อสารกับคุณวิรัชมานานมากแล้ว อีกทั้งไม่เคยคุยกับ พล.อ.ประวิตร มา ๑๗ ปีแล้ว

๓.ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.เกินกึ่งหนึ่ง เชื่อว่าพรรคไม่โง่พอที่จะยกตำแหน่งนายกฯ ให้ป้อม

ข้อ ๑ ถือว่าไฟต์บังคับ ขืนพิสูจน์ได้ว่ามีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทยเมื่อไหร่ โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะถูกยุบเพราะคนนอกครอบงำสูงมาก

ข้อ ๒ เรื่องคุยกันไม่มีใครรู้นอกจากคนที่คุยด้วยกัน ยกเว้นมีการบันทึกเสียงไว้

ข้อ ๓ ถ้าใช้ตรรกะนี้ก็แสดงว่าพรรคเพื่อไทยเคยโง่มาแล้วตอนที่เสนอชื่อ "ธนาธร" เป็นนายกฯ เมื่อปี ๒๕๖๒            

สรุปแล้วตอนนี้ "ทักษิณ" เครียดมาก เพราะวางแผนแลนด์สไลด์ ปลุกกระแส สร้างอุปาทานหมู่ไว้ทุกซอกมุม

หากแลนด์สไลด์ไม่เกิดขึ้นจริง น้ำใบบัวบกขาดตลาดครับ.