นิรโทษกรรม...ที่ยังไม่ 'ตกผลึก'

จนถึงทุกวันนี้...ผู้ที่ต้องตกระกำ ลำบาก ต้องติดคุก-ติดคดี ต้องถ่อร่างขึ้นโรง-ขึ้นศาล ในเรื่องราวต่างๆ นานา ไม่ว่าย้อนหลังไปตั้งแต่เมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว หรือไม่กี่เดือน-กี่ปีมานี้เอง ก็ยังคงกองระเกะระกะอยู่เต็มบ้าน-เต็มเมือง อันเนื่องมาจากสิ่งที่เรียกว่าการ นิรโทษกรรม ยังเป็นอะไรที่ไม่ถึงกับ ตกผลึก ในความคิด-ความเห็นของผู้คนถ้วนทุกกลุ่ม ทุกเหล่า แม้ว่าต่างก็เป็น ทวยไทย ด้วยกันทั้งสิ้นก็เถอะ...

โดยสีสัน บรรยากาศ มันเลยออกจะ น่าเศร้า อยู่พอสมควรทีเดียว เพราะด้วยความเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร หรือความถูก-ความผิด ที่ผู้คนในแต่ละกลุ่ม แต่ละเหล่า ต่างคิดต่าง-เห็นต่าง ไปตามจุดยืน-ทัศนคติ-ตามมุมมองของตัวเอง การยกโทษ หรือการให้อภัยในแต่ละเรื่อง-แต่ละกรณี มันเลยออกจะติดๆ-ขัดๆ ไม่ได้ไหลลื่นเหมือนอย่าง นักโทษ ที่กลายสภาพเป็น เทวดาชั้น 14 ได้อย่างน่าทึ่ง น่าประทับใจเอามากๆ ซึ่งก็คงต้องขอ อนุโมทนา เอาไว้ ณ ที่นี้ เพราะการหลุดพ้นไปจากความเจ็บปวด รวดร้าว ทรมาน ไม่ว่าจะของใครต่อใครก็เถอะ ย่อมต้องถือเป็นสิ่งที่น่าอำนวย อวยพร แทนที่จะต้องไปอิจฉา-ตาร้อน เปรี้ยวมือ-เปรี้ยวตีน ให้ต้องกระทบกระเทือนอารมณ์-ความรู้สึกของตัวเองโดยใช่เหตุ...

แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยเหตุเพราะ ความถูก-ความผิด ในทัศนะของผู้คนแต่ละกลุ่ม-แต่ละเหล่า มันยังไม่ ตกผลึก ความเจ็บปวด รวดร้าว ทรมาน ทรกรรม ของใครต่อใครอีกเป็นจำนวนไม่น้อย จึงยังคงแผ่ซ่าน แทรกซึม อยู่ภายในบรรยากาศความเป็นไปของบ้านเมือง จนทำให้อดที่จะรู้สึกหม่นหมอง ห่อเหี่ยว ซึมเศร้า ขึ้นมามิได้ และอาจด้วยความรู้สึกทำนองนี้นี่เอง เลยทำให้คิดเตลิดเปิดเปิงไปไกลถึง พระเยซูคริสต์ ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์เขา ที่บรรดาชาวคริสต์ทั้งหลายเขาเชื่อของเขาเอาจริงๆ ว่า เหตุที่ศาสดาท่านนี้ท่านยอมตายคาไม้กางเขน ก็เพื่อ ไถ่บาป ให้บรรดามวลมนุษยชาติอย่างเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นคริสต์-ไม่คริสต์ ไม่ว่าจะเป็นคนบาป-ไม่บาป หรือกระทั่งไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนชั่วก็ตามที...

จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็แล้วแต่จะว่าไปตาม รสนิยม ของใคร-ของมันเอาเองก็แล้วกัน เพราะถึงแม้ พระเยซูคริสต์ ท่านพร้อมยอม ไถ่บาป ให้กับมวลมนุษย์ทั้งหลายมานานแล้ว แต่บรรดามนุษย์มนานับจากนั้น...ก็ยังคงเดินหน้าสร้างบาป สร้างเวร สร้างกรรม อย่างไม่คิดจะรู้เบื่อ แม้แต่บรรดาผู้ที่เรียกตัวเองว่า ชาวคริสต์ ก็เถอะ!!! ยิ่งถ้าหากเอาเรื่อง ความถูก-ความผิด เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแล้ว การ ไถ่บาป ของ พระเยซูคริสต์ ก็ดูจะไม่ก่อให้เกิดมรรคผลมากมายซักเท่าไหร่นัก แต่นั่นก็ดูจะไม่ได้ทำให้ ความเชื่อ ต่อ พระเยซูคริสต์ หรือต่อศาสนาคริสต์ลดน้อยถอยลงแต่ประการใด เผลอๆ...อาจมากขึ้นยิ่งเข้าไปด้วยซ้ำ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ เข้าถึง-เข้าใจ ต่อ แก่นสาระ แห่งความเชื่อเช่นนี้...

นั่นก็คือ...มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับบรรดาผู้ที่ได้รับการ ไถ่บาป ว่าคิดจะบาป-ไม่บาปอีกต่อไป แต่อยู่ที่จิตสำนึก จิตใจ หรืออยู่ที่อารมณ์-ความรู้สึก ของ ผู้ไถ่ นั่นเอง ว่าสะท้อนให้เห็นถึง ความรัก-ความเมตตา กันถึงขั้นไหน? ระดับไหน? การไม่ได้หยิบเอาเรื่องความบาป-ไม่บาป ความดี-ความชั่ว ความถูก-ความผิด ฯลฯ มาคิดมาก หรือคิดเล็ก-คิดน้อยให้ต้องเสียเวลา หรือให้ต้องปวดประสาทโดยใช่เหตุ อันนี้...ถ้าว่ากันตาม แก่นสาระ แห่งศาสนาพุทธของหมู่เฮาทั้งหลาย ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากความรู้สึกที่เหนือขึ้นไปกว่าความดี-ความชั่ว ความถูก-ความผิด ความมืด-ความสว่าง ฯลฯ หรือบรรดาสิ่งที่เป็น ของคู่ ทั้งหลาย ที่อภิมหาพระอย่าง ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านพยายามชี้ให้เห็นว่าคือหนทางที่จะนำไปสู่ นิพพาน นั่นเอง...

เป็นความรู้สึกในระดับ โลกุตระ ไม่ใช่ โลกียะ หรือความรู้สึกที่ไม่หลงเหลือการ ปรุงแต่ง ใดๆ ต่อไปอีกแล้ว อย่างที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของหมู่เฮา ท่านทรงยืนยัน นั่งยัน นอนยันไว้ชัดเจนนั่นแหละว่า... “ธรรมชาติที่ไม่เกิด-ไม่เป็น-ไม่ตาย-ไม่มีอะไรปรุงแต่งนั้น...มีอยู่” ไม่งั้นโอกาสที่จะหลุดพ้นไปจาก “ธรรมชาติที่เกิด-ที่เป็น-ที่ตาย-ที่ต้องมีอะไรปรุงแต่ง” ย่อมเป็นไปไม่ได้ การยินยอมพร้อมใจที่จะ ไถ่บาป ให้กับบรรดามวลมนุษย์ทั้งหลายของ พระเยซูคริสต์ จึงทำให้คุณค่าของสิ่งที่เรียกว่า ความรัก-ความเมตตา ในศาสนาคริสต์ จึงเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ สูงส่ง ไม่ต่างไปจาก แสงสว่าง ที่สาดส่องไปยังผู้คนโดยถ้วนทั่ว ไม่ว่าจะดี-จะชั่ว จะบาป-ไม่บาป เรียกว่า...ยิ่งกว่าการทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ฯลฯ ตามแบบฉบับเราๆ-ทั่นๆ ไม่รู้จะกี่เท่าต่อกี่เท่า

แต่ก็นั่นแหละ...โอกาสที่ปุถุชนคนธรรมดา หรือบรรดามนุษย์อุจจาระเหม็นทั้งหลาย จะ เข้าถึง-เข้าใจ ไปได้ถึงขั้นนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ง่ายๆ การเถียงกันไป-เถียงกันมา ถึงความเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร ความถูก-ความผิด ความดี-ความชั่ว ฯลฯ ในเรื่องการ นิรโทษกรรม ทั้งหลาย มันจึงยังคงไม่ ตกผลึก ซะที สิ่งที่เรียกว่า ความรัก-ความเมตตา เลยอาจต้องหนักไปทางทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ทำบุญ ทำกุศล ฯลฯ ไปตามเรื่อง ตามราว เผื่อว่า...ชาติโน้น ชาติหน้า อาจมีโอกาสได้เกิดมาเป็น เทวดาชั้น 14 อะไรประมาณนั้น...

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อยากช่วย...อยากเชียร์...แต่เพลียแล้วนะ

ในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เราตกใจเมื่อเห็นผลของการเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งมาเป็นที่ 1 ได้ สส. 151 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยมาเป็นที่ 2 ได้ สส. 141 ที่นั่ง ส่วนพรรคที่เขาเรียกขานกันว่าเป็นพรรคอนุรักษ์หรือพรรคหนุนเผด็จการนั้น ได้จำนวน สส.ห่างไกลจาก 2 พรรคนี้มาก ภูมิใจไทยที่ได้จำนวน สส.มาเป็นที่ 3

ยุคพระอาทิตย์ 7 ดวง

ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่...แต่เผอิญไปป่วย หรือ อาพาธ อยู่ประมาณ 3 เดือน คือระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ปีพุทธศักราช 2535 หรือประมาณ 35 ปีมาแล้ว

หึ่ง! เชือด 'นายพล' อีก

ดูเหมือนจะเป็นหน่วยงานแห่งความหวัง หน่วยงานที่พึ่งสำคัญ ในการจะกลับเข้ารับราชการตำรวจอีกครั้งของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. หลังจาก บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์

จะมาจากแหล่งไหน....ก็ไม่สบายใจทั้งนั้น

ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อมีการหยั่งเสียงคะแนนนิยมว่าก้าวไกลมีคะแนนชนะเพื่อไทย ความร้อนรนกลัวแพ้ บนเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยก็มีการประกาศทันทีว่าจะแจกเงินดิจิทัล

ความแตกต่างระหว่าง'มนุษย์'กับ'สัตว์เดียรัจฉาน'

คำพูด บทสนทนา ในบทละครเรื่องพระเจ้า Richard ที่ 3 ของคุณปู่ William Shakespeare ที่กลายมาเป็นคำคม เป็นวาทะ อันถูกนำไปเอ่ยอ้างคราวแล้ว คราวเล่า คือคำพูดประโยคที่ว่า

ประวัติศาสตร์สีกากี

ต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าของ "กรมปทุมวัน" ที่มีการเซ็นคำสั่งให้ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ "รอง ผบ.ตร." ออกจากราชการไว้ก่อน ผลพวงจากการต้องคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์