รำลึกถึงครูเพลง พ่อเพลง

ไปซะแล้ว!!!...อีกราย ครูเพลง พ่อเพลง หรืออะไรที่สุดๆ ในเรื่องบทเพลง บทกลอน

อย่างคุณน้า ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ที่ได้จังหวะเวลา ลา-ละ-สละ ไปจากโลกใบนี้อีกราย

แม้ว่าจะไม่เคยเจอะหน้า เจอะตา เห็นแต่ทางทีวี วิดีโอ เหมือนอย่างบรรดา แฟนเพลง โดยทั่วไป แต่เมื่อได้รับทราบ รับฟัง ข่าวคราว ก็อดรู้สึก เสียดาย ขึ้นมามิได้...

คือบรรดาครูเพลง พ่อเพลง นักประพันธ์เพลง นักแหล่ นักร้อง ฯลฯ ในยุคก่อนๆ...เมื่อซัก 40-50 ปีที่แล้ว หรือแค่ชั่วรุ่นของผู้คนประมาณ 1 รุ่นเท่านั้นเอง คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า ในเรื่องคารม-คมกลอน ไหวพริบ ปฏิภาณ ในการนำเอาถ้อยคำต่างๆ มาผูก มาโยง ให้ลงร่อง ลงตัว กลายเป็นบทกลอน บทเพลง เต็มไปด้วยสิ่งที่เรียกว่า ฉันทลักษณ์ มีทั้งสัมผัสนอก-สัมผัสใน ชนิดเปรี้ยงๆ ปร้างๆ เข้าด้าย-เข้าไคล อย่างชนิดแทบไม่น่าเชื่อ แต่คงต้องเชื่อจนได้ ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ หวังเต๊ะ คุณแม่ ขวัญจิต ศรีประจันต์ หรือคุณน้า ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ฯลฯ ที่ไม่ว่าจะ พูด จะ เอื้อนเอ่ย อะไรออกมา แทบกลายเป็นบทกลอน บทเพลง ไปด้วยกันทั้งนั้น.. 

อย่างประเภทบทเพลง แตงเถาตาย ของคุณน้า ไวพจน์ นั่นแหละ...แค่เริ่มต้นด้วยคำพูดที่ว่า “ตั้งแต่รังสิตยันไปติดบางปะอิน-พหลโยธินมีของกินไม่น้อย-แม่ค้าตาหวานตั้งร้านแผงลอย-ปากนิดจมูกหน่อยแม่นั่งร้อยพวงมาลัยเรียกว่า...เห็นภาพ เห็นบรรยากาศขึ้นมาโดยฉับพลัน-ทันที ด้วยเพียงถ้อยคำสั้นๆ-ง่ายๆ แต่สอดคล้อง ลงตัว ลงร่อง ปล่องชิ้น นิ่มและเนียน สัมผัสอารมณ์-ความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ยิ่งเพิ่มคำอธิบายต่อไปด้วยประโยคที่ว่า “สะพานรังสิตเชื่อมติดใต้เหนือ-มีก๊วยเตี๋ยวเรือตั้งแต่เหนือจรดใต้-วันเสาร์ วันอาทิตย์ แฟนเขาติดมากมาย-แต่เดี๋ยวนี้เขาย้ายเลิกขายริมคลอง” ยิ่งเป็นอะไรที่เป๊ะๆ โป๊ะเชะยิ่งขึ้นไปใหญ่ คล้ายๆ พูดจาปราศรัยไปเรื่อยๆ แต่ดันกลายเป็น กลอน เป็น ฉันทลักษณ์ ที่ลงร่อง ลงตัวเอามากๆ...

ยิ่งถ้าหากถอยหลังไปถึงยุค ครูกลอนสุนทรภู่ ยิ่งเป็นอะไรที่น่าจะตื่นตะลึง พรึงเพริด ยิ่งขึ้นไปใหญ่ อย่างที่เห็นๆ ในเรื่อง ขุนช้าง-ขุนแผน นั่นแหละ แค่เดินไป-เดินมา ชมนก-ชมไม้ ไปตามเรื่อง-ตามราว แต่ครั้นเมื่อ... “แลเห็นเขาเงาเงื้อมชะง่อนชะโงก-เป็นกรวยโกรกน้ำสาดกระเซ็นซ่าน-โครมครึกกึกก้องท้องพนาต์-พลุ่งพล่านมาแต่ยอดศิขิรินทร์” ไปจน “เป็นชะวากวุ้งเวิ้งตะเพิงพัก-แง่ชะงักเงื้อมชะง่อนล้วนก้อนหิน-บ้างใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนิล-บ้างหอมกลิ่นพู่ย้อยห้อยเรียงราย” แถม “ตรงตะพักเพิงผาศิลาเผิน-ชะงักเงิ่นเงื้อมงอกชะแง้หงาย” ซะอีกต่างหาก ไปจน “ที่หุบห้วยเหวหินบิ่นทลาย-เป็นวุ้งโว้งโพรงพรายดูลายพร้อย-บ้างเป็นยอดกอดก่ายตะเกะตะกะ-ตะขรุตะขระเหี้ยนหักเป็นหินห้อย-ขยุกขยิกหยดหยอดเป็นยอดย้อย-บ้างแหลมรอยเลื่อมสลับระยับยิบ ฯลฯ”

คือกว่าจะไปสรรหา คำ อะไรต่อมิอะไร มาเรียบเรียงเพื่อให้เกิด ภาพ ดังกล่าว...แม้แต่ประเภทกวีซีไรต์ ซีฟู้ด ทั้งหลายในทุกวันนี้ ยังอาจต้องนั่งคิด นอนคิด กันเป็นคืนๆ ไม่ก็เป็นเดือนๆ ปีๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!! ยิ่งประเภท สามวันเว้นฝึกซ้อมดนตรี-อักขระห้าวันหนีเนิ่นช้า หรือพวกที่ปล่อยให้ตัวเอง ขึ้นสนิม ไปซะก่อน อาจต้องนั่งคิด นอนคิด เป็นชาติๆ เอาเลยก็ว่าได้ ถึงจะสามารถเรียบเรียง ไล่เรียง ถ้อยคำต่างๆ ให้เกิดเป็นภาพแต่ละภาพได้อย่างไหลลื่น ลงร่อง ลงตัว เหมือนอย่างบรรดาครูกลอน ครูเพลง พ่อเพลง แม่เพลง เมื่อครั้งอดีต...

อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้การ หายไป หรือ จากไป ของบรรดาครูกลอน ครูเพลง พ่อเพลง แม่เพลง ทั้งหลาย อาจหนักไปทาง ไปแล้ว-ไปเลย คือยากซ์ซ์ซ์ที่จะหาใครมาแทนที่ มาส่งมอบ ส่งต่อ คบเพลิงหรือคบไฟประเภทนี้ ให้ยังลุกโพลง ยังคงสว่างไสวได้เหมือนเดิม โดยเฉพาะเมื่อ สภาวะแวดล้อมของสังคม มันได้เปลี่ยนแปรไปแบบชนิด หน้ามือเป็นหลังตีน จะไปหวังให้บรรดา คนรุ่นใหม่ ที่ก้มหน้า-ก้มตาอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ประดิษฐ์ คิดค้น ภาษาที่แทบไม่เป็นภาษา ถ้อยคำแต่ละคำที่ฟังแทบไม่รู้เรื่อง มาเป็นผู้สืบทอด สืบต่อ อาจยากพอๆ กับการตามหาหนวดเต่า-เขากระต่าย เอาเลยก็ไม่แน่...

ด้วยเหตุนี้...การจากไป หายไป ของคนรุ่นก่อนๆ มันจึงก่อให้เกิดบรรยากาศคล้ายๆ เดอะ เดย์ เดอะ มิวสิก ดาย อะไรทำนองนั้น คือเพลงตายแล้ว ดนตรีตายแล้ว วรรณกรรมตายแล้ว ศิลปะตายแล้ว!!! ตายไปพร้อมสภาวะแวดล้อมยุคใหม่ สมัยใหม่ ที่มันจะเป็นตัวผลิตอะไร สร้างอะไรขึ้นมาใหม่ ก็ออกจะน่าหวาดเสียว น่าสยดสยอง อยู่พอสมควร ด้วยเหตุเพราะแนวโน้มมันอาจหนักไปทาง อย่างที่คุณ ถนอม อัครเศรณี ท่านได้รจนาเอาไว้นั่นแหละว่า... “เมืองใดไม่มีทหารหาญ-เมืองนั้นไม่นานเป็นข้า-เมืองใดไร้จอมพารา-เมืองนั้นไม่ช้าอับจน” ไปจนต้องลงท้ายประมาณว่า “เมืองใดไม่มีดนตรีเลิศ-เมืองนั้นไม่เพริศพิสมัย-เมืองใดไร้ธรรมอำไพ-เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน”...

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยโสโอหังไม่ฟังใคร ไม่สนใจกระแส...คิดว่าแจงได้

อ่อนอกอ่อนใจจริงๆ กับสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ ตั้งแต่ถ้อยคำ วาจา ท่าที ลีลาการหาเสียงของคนที่ถูกวางตัวว่าวันหนึ่งจะได้เป็นผู้นำประเทศ ตะโกนด้วยสุ้มเสียงมั่นอกมั่นใจในสิ่งที่พูด ท

สูตรแต่งตั้งตำรวจ

กว่าจะเคาะ กว่าจะคลอด ก็นั่งนับนิ้วกันแทบหงิก เพราะ 180 วัน ตามเงื่อนไขการบังคับใช้กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2567

ฤาประเทศไทยจะไร้สีสวย มีแต่สีแสบ

ประเทศไทยอยู่ในสภาพความขัดแย้งระหว่างสีเสื้อมาเกือบ 2 ทศวรรษแล้ว แม้เวลานี้เราจะมีรัฐบาลผสมแบบข้ามขั้ว แต่เราก็ยังไม่เห็นบรรยากาศของความปรองดองเกิดขึ้นอย่างแท้จริง

โลกที่'อันตราย'กับภารกิจของ'คนรุ่นใหม่'

เห็นข่าวเรื่อง ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม อาจารย์ภาควิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ท่านออกมาโพสต์