ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน-ด่านแรก ผลเลือกตั้ง กทม. 22 พ.ค.

ภาพรวมที่ต้องพูดถึงสำหรับทิศทางการเมืองของ "พรรคก้าวไกล" ที่เรียกกันว่า พรรคส้ม ที่ได้จัดประชุมใหญ่สามัญใหญ่ประจำปี 2565 ภายใต้ชื่องาน

 “เปลี่ยนประเทศไทย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน

ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ไปเมื่อวันเสาร์ที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา ไฮไลต์สำคัญที่ถูกพูดถึงมีอาทิ การประกาศของ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล” ที่เรียกเสียงฮือฮาไม่น้อย หลังบอกว่าการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้น พรรคก้าวไกลมั่นใจว่าน่าจะได้ ส.ส.เกิน 100  คน เพราะมีเวลาเตรียมตัวในพรรคและระดับพื้นที่มากกว่าสมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่

นอกจากนี้ ก็ยังมีการปรับทัพบางตำแหน่งทั้ง สํานักงานเลขาธิการพรรค และทีมงานโฆษกพรรค ที่มีการให้หัวหมู่ทะลวงฟันสายฮาร์ดคอร์ของพรรคก้าวไกล ตั้งแต่ยุคพรรคอนาคตใหม่ คือ “รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ  ลูกศิษย์คนโปรดของ ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่” มาเป็นโฆษกพรรค

แน่นอนว่าด้วยบทบาทลีลาของ รังสิมันต์ โรม ที่เป็นนักเคลื่อนไหวทำกิจกรรมการเมืองมาตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา และปัจจุบันก็ยังเป็นตัวประสานหลักระหว่างเครือข่ายแกนนำม็อบสามนิ้ว กับพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้าของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จึงทำให้การเดินหน้าชนกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของพรรคก้าวไกล ทั้ง "รัฐบาล-กองทัพ-ชนชั้นสูง-กลุ่มทุนใหญ่" ผ่านโฆษกพรรค มองดูแล้วคงจะยังเป็นไปอย่างหนักหน่วง ชนิดแฟนคลับพรรคส้มและกองเชียร์ม็อบสามนิ้วได้กดไลก์กันรัวๆ แน่นอน 

เพราะแค่รับตำแหน่งโฆษกพรรคก้าวไกลคนใหม่ ก็เล่นประกาศ ขณะนี้เข้าสู่การนับถอยหลังระบอบปรสิตและระบอบประยุทธ์ พร้อมกับปลุกเร้ามวลชนพรรคส้มว่า

"ถ้าไม่ทลายทุนผูกขาด ปฏิรูปกองทัพ จัดวางตำแหน่งแห่งที่ของสถาบันฯ ให้เหมาะสม คนอย่าง  พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ก็ไม่มีวันได้กลับบ้านเกิด  ทุกคนพร้อมสู้ถวายหัว เราจะไม่ยอมให้ล้มเหลวเด็ดขาด เลือกก้าวไกลทั้งแผ่นดิน"

ขณะที่การพูดในงานประชุมใหญ่พรรคก้าวไกลดังกล่าวของแกนนำพรรค เช่น พิธา หัวหน้าพรรค, ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค หรือวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรค ประมวลสรุปออกมาได้ว่า จะเน้น ปลุกใจแฟนคลับและมวลชนพรรคก้าวไกล ให้ช่วยกันสนับสนุนพรรคให้ได้เสียง ส.ส.เยอะๆ เพื่อให้ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน โดยประกาศว่าหากทำได้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับสังคมไทย ถึงขั้นจะทำให้ประเทศไทยไม่หวนกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก!

อย่างไรก็ดี การปลุกเร้ากองเชียร์พรรคก้าวไกลด้วยสโลแกน “เปลี่ยนประเทศไทย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” สุดท้ายแล้วตัวชี้วัดว่า พรรคก้าวไกลจะทำได้จริงหรือไม่?

จริงๆ แล้วไม่ต้องรอดูถึงวันเลือกตั้งใหญ่ก็ได้  เพราะผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม คือตัวชี้วัดระยะใกล้ที่ดีที่สุด ว่าเป้าหมายก้าวไกลทั้งแผ่นดิน  สุดท้ายแล้วจะทำได้จริง หรือแค่วาทกรรมสร้างเป้าหมายทางการเมืองอันเลื่อนลอย

หลังพรรคก้าวไกลส่ง วิโรจน์ อดีตโฆษกพรรคก้าวไกล ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. รวมถึงส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง  ส.ก.ครบทั้ง 50 เขต

ผลเลือกตั้งและคะแนนที่ออกมา ทั้งในส่วนของผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก. วิโรจน์จะได้คะแนนเท่าใด และก้าวไกลจะได้ ส.ก.กี่คน จากที่ส่งไป 50 คน

สิ่งนี้ต่างหากคือการวัดฐานเสียง คะแนนนิยมของก้าวไกลใน กทม.ได้ดีที่สุด

เพราะอย่างตอนเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2562 ที่ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว ซึ่งในส่วนของกรุงเทพมหานครที่เลือกกัน 30 เขต พบว่าคะแนนรวมทั้งหมดคือ  3,102,280 คะแนน ตอนนั้นพรรคอนาคตใหม่ที่ก็คือพรรคก้าวไกลในปัจจุบันได้ ส.ส.เขตมา 9 ที่นั่ง รองจากพลังประชารัฐที่ได้ 12 เก้าอี้ โดยพรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนรวม 804,272 คะแนน ที่ถือว่าแจ้งเกิดสำเร็จใน กทม. เพราะขนาดประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นแชมป์เก่า กทม.หลายสมัยยังไม่ได้แม้แต่เก้าอี้เดียว 

อย่างไรก็ตาม กว่าแปดแสนคะแนนดังกล่าว นอกเหนือจากกระแส ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แล้ว ต้องยอมรับว่า ที่อนาคตใหม่ปักธงใน กทม.ได้ สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งก็เพราะตอนนั้น เพื่อไทย และทักษิณ ชินวัตร ใช้กลยุทธ์แตกแบงก์พัน ไปตั้งพรรคไทยรักษาชาติ และพรรคเพื่อไทยใช้วิธีไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส.กทม. 8 เขต เพื่อให้พรรคไทยรักษาชาติส่งคนลงในแปดเขตที่่เพื่อไทยเว้นไว้ แต่ปรากฏว่าไทยรักษาชาติโดนยุบพรรคก่อนวันเลือกตั้ง ทำให้แปดเขตดังกล่าวไม่มีผู้สมัครของเพื่อไทย ทำให้พรรคอนาคตใหม่เลยส้มหล่น เพราะคนที่อยากเลือกเพื่อไทยรวมถึง แฟนคลับฝ่ายไม่เอาพลังประชารัฐและประชาธิปัตย์ ต่างเทเสียงไปเลือกพรรคอนาคตใหม่ ทำให้อนาคตใหม่ได้มาแปดแสนกว่าคะแนนดังกล่าว ซึ่งไม่ใช่คะแนนที่แท้จริงของอนาคตใหม่

ดังนั้น ที่พรรคก้าวไกลส่งคนลงผู้ว่าฯ กทม. โดยรู้ดีว่า กระแสนิยมของวิโรจน์เป็นรอง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ถือเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ฝั่งเดียวกันอยู่หลายช่วงตัว โอกาสจะพลิกแซงยาก แต่ก็ยังส่งลงสมัคร เพราะจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อต้องการ

"เช็กกระแส วัดคะแนนนิยม ของคนกรุงเทพมหานครที่มีต่อพรรคก้าวไกล"

เพราะแกนนำพรรคเชื่อว่า จากบทบาททางการเมืองของก้าวไกลในการเป็นพรรคฝ่ายค้านมาร่วม 3 ปีเศษ รวมถึงกระแสคนรุ่นใหม่ที่มีต่อพรรคก้าวไกล น่าจะทำให้พรรคมีคะแนนนิยมใน กทม.ระดับหนึ่ง ยิ่งกรุงเทพมหานครถือเป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญของพรรคก้าวไกลด้วยแล้ว  เพราะเลือกตั้งรอบหน้ากรุงเทพฯ จะมี ส.ส.เขตเพิ่มจาก  30 คนเป็น 33 คน ดังนั้น พรรคก้าวไกลจึงต้องการอยากรู้ว่าคน กทม.คิดอย่างไรกับพรรคก้าวไกล และพรรคมีหน้าตัก มีคะแนนนิยม ฐานเสียงใน กทม.เท่าไหร่กันแน่  ซึ่งตัวชี้วัดที่ดีที่สุดก็คือ การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. รวมถึง ส.ก.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 พ.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้เห็นคะแนนแท้ๆ ของพรรคก้าวไกลใน กทม.

การชูธงก้าวไกลทั้งแผ่นดิน สุดท้ายแล้วพรรคก้าวไกล จะทำได้จริง หรือเป็นแค่โหมโรงสร้างกระแส ปลุกเร้ามวลชนแฟนคลับ 

บทพิสูจน์ด่านแรกที่สำคัญ ย้ำอีกครั้งก็คือผลการเลือกตั้งสนาม กทม. ซึ่งคนกรุงเทพฯ จะให้คำตอบพรรคก้าวไกล 22 พฤษภาคมนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

7 เดือน ‘รัฐบาลเศรษฐา’ เผชิญแรงบีบรอบด้าน!

แม้จะยังไม่ผ่านโค้งแรกในการบริหารประเทศของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เริ่มต้นทำงานได้เพียง 7 เดือน แต่ก็เหมือนถูกบีบจากสถานการณ์รอบด้าน ที่เข้ามาท้าทายความสามารถของผู้นำประเทศ อีกทั้งยังมีภาพนายกฯ ทับซ้อนที่ทำให้นายกฯ นิดดูดร็อปลงไป

'ทักษิณ' เอฟเฟกต์! ส่อทำการเมืองไทยวนลูปเดิม

ช่วงที่ผ่านมาแม้จะมีประเด็นข่าวร้อนแรงมากมายแค่ไหน แต่มีบุคคลหนึ่งที่ถ้าอยู่ในหน้าข่าวเมื่อไหร่ มักจะสร้างประเด็นดรามาที่ต้องพูดถึงไม่หยุดกับพ่อใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทย ทักษิณ ชินวัตร

สว.2567 เสี่ยงได้ วุฒิสภา สายพรรคการเมือง เชื่อมโยงผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

เข้าสู่ช่วงเตรียมนับถอยหลังใกล้โบกมือลา สิ้นสุดการทำหน้าที่ของ สมาชิกวุฒิสภา ชุดปัจจุบันจำนวน 250 คน ที่จะหมดวาระลงในวันที่ 10 พ.ค. แต่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าจะมี สว.ชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่

หาก ‘ไผ่’ วืด ‘เบนซ์’ เต็งหนึ่งรมต. เสียบแทน ‘โควตากลาง’ พปชร.

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ มั่นใจว่าคุณสมบัติของ นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ยังนั่งเป็นรัฐมนตรีได้ แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติไม่รับคำร้อง กรณีนายไผ่ขอร้องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ถูก 4 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และผู้ตรวจการแผ่นดิน ละเมิดจนไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ กรณีระบุว่า ขาดคุณสมบัติ

ครม.เศรษฐา 2 ทักษิณเคาะโผ ฉากทัศน์กองทัพยุค "บิ๊กนิด"

ชัดเจนแล้วว่า ครม.เศรษฐา 2 ที่จะเป็นการปรับ ครม.ครั้งแรกของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน จะเกิดขึ้นแน่นอน โดยคาดว่า อาจจะเกิดขึ้นภายในปลายเมษายนนี้ หรือช้าสุดไม่เกินกลางเดือน พ.ค. เว้นแต่มีสถานการณ์แทรกซ้อนทำให้การปรับ ครม.อาจขยับออกไปได้