10 ส.ค.ชี้ชะตาสูตรหารปาร์ตี้ลิสต์ ปักธงกำหนดเกมเลือกตั้ง

ปรากฏการณ์ กลับไปกลับมา ในการกำหนดกติกาเลือกตั้ง โดยเฉพาะสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อระหว่างหาร 100 กับหาร 500 รวมถึงการลังเลว่าจะใช้บัตรใบเดียวหรือบัตรสองใบ ทำให้เกิดการวิเคราะห์ไปหลายทิศทาง ทั้งมองว่า 3 ป.มีเป้าหมายในการกำหนดกติกาให้ได้เปรียบที่สุด เพื่อรวบรวมเสียง ส.ส.เพียงพอที่จะกลับมาจัดตั้งรัฐบาลใหม่อีกครั้ง

 และอีกบทวิเคราะห์ก็มองว่า เป็นเพียงการงัดตำราการรบของทหารด้วยวิธีสร้างสภาวะแวดล้อมให้การเมืองดูวุ่นวาย กลายเป็นความขัดแย้งจนถึงทางตัน ยากที่จะเดินไปสู่การเลือกตั้ง

ต้องยอมรับว่าภายใต้โจทย์ความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ลดลงต่อเนื่อง ท่ามกลางการปลุกกระแส “แลนด์สไลด์” ของพรรคเพื่อไทยที่หวังดึง ส.ส.ให้กลับมาบ้านเดิม เลยไปถึงความนิยมของพรรคก้าวไกลในกลุ่มโหวตเตอร์ใหม่ที่จะได้สิทธิ์ในการลงคะแนนในปีหน้า รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของอุดมการณ์แห่งยุคสมัย กลายเป็นตัวแปรที่เหล่าบรรดากุนซือ ฝ่ายเสธ. ต้องจำลองฉากทัศน์ร่วมกับนักการเมืองอาชีพ เพื่อหากติกาที่เอื้ออำนวยในการรวบรวมเสียงให้มากที่สุด

จึงทำให้เนื้อหาการบรรยายพิเศษหัวข้อ การเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม กับการพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ของหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 12 (พตส.12) ของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย น่าสนใจ

“การเลือกตั้งที่พึงปรารถนาที่สุดคือการเลือกตั้งที่ดี แต่วันนี้การเลือกตั้งที่ดีต้องสุจริตและเที่ยงธรรม ตรงไปตรงมา ไม่มีกลอุบายแอบแฝง ไม่มีวิชามาร เที่ยงตรง มีคุณธรรม ไม่ลำเอียง ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่สองมาตรฐาน ทั้งนี้วิธีจัดการเลือกตั้งในโลกมีหลายวิธี แต่ละประเทศแตกต่างไม่เหมือนกัน อังกฤษเลือกแบบ 1 คน 1 เขต สหรัฐอเมริกา เยอรมนี จะพิสดารออกไป และประเทศไทยเคยพิสดารและกำลังจะพิสดารยิ่งขึ้นในไม่ช้า และกำลังจะย้อนกลับไปอย่างเก่าอีกหรือไม่นั้น ไม่รู้ แต่ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ เรียกว่าพัฒนาการของการเลือกตั้ง”

ทำให้ทุกฝ่ายต่างจับตามองการประชุมร่วมของรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ตาไม่กะพริบ ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่าผลการประชุมจะออกมาได้เพียง 3 แนวทางเท่านั้นคือ  

เห็นชอบในวาระ 2-3 จะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 132 (2) ประธานรัฐสภาส่งร่างกฎหมายไปองค์กรอิสระ หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ความเห็นชอบว่าขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือไม่ให้ความเห็นชอบ ถือว่าร่างกฎหมายนี้ตกไป หากจะมีการหยิบยกขึ้นใหม่ต้องเริ่มกระบวนการกันใหม่  

หรือถ้าที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายใน 180 วัน ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 132 (1) นำร่างที่เสนอในวาระ 1 มาพิจารณาเพื่อให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบ คือร่างของ กกต.ให้ใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 100 และส่งให้นายกฯ ต่อไป 

ณ ขณะนี้แนวโน้มว่าคำตอบน่าจะออกไปแนวทางที่สาม หลังจากมีสัญญาณมาตั้งแต่การล้มสูตรหาร 500 ที่เสนอโดย นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ เลยไปถึงการเกิดเหตุสภาล่มเนื่องจากไม่ครบองค์ประชุม เมื่อวันที่ 3 ส.ค. จากกรณีที่ ส.ส.พลังประชารัฐ ส.ส.เพื่อไทย ไม่อยู่เป็นองค์ประชุม

สอดรับกับแผนการถ่วงเวลาให้กฎหมายลูกฉบับนี้พิจารณาไม่แล้วเสร็จใน 180 วัน ซึ่งครบกำหนดเวลาในวันที่ 15 ส.ค.2565 เพื่อจะได้กลับไปใช้ร่างกฎหมายฉบับเดิมที่ ครม.เสนอการใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 100  

แม้นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล จะพยายามอธิบายว่า ส.ส.ส่วนใหญ่ติดประชุมกรรมาธิการงบประมาณ ไม่ได้มีการจับมือฮั้วกับพรรคเพื่อไทยเพื่อทำให้องค์ประชุมล่ม เพื่อเดินไปสู่กติกาหาร 100 อย่างที่มองกัน  

แต่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กลับมองว่ามีนัยทางการเมือง พร้อมกับโยนระเบิดกลับมาทางฝั่งรัฐบาล หากซีกรัฐบาลไม่เอาด้วย องค์ประชุมคงไม่ล่ม 

ที่น่าสนใจคือ นพ.ระวีออกมาแฉว่า มีพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งออกคำสั่งให้ ส.ส.ในพรรคเซ็นชื่อเสร็จแล้วกลับบ้านได้เลย โดยระบุว่านายสั่งให้กลับ จึงทำให้ ส.ส.หายไปจำนวนมาก จนในที่สุดรัฐสภาก็ล่ม พร้อมกับชี้ปมปัญหาว่าเกิดจากพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่ยอมแสดงตน แต่เรื่องก็คงไม่จบง่ายๆ

“เชื่อว่าฝั่งที่สนับสนุนสูตรหารด้วย 100 คนนั้นเตรียมฉลอง แต่ผมขอบอกไว้ว่าสงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร เพราะวิธีการที่เขาทำเรียกว่าต้อนให้หมาจนตรอก และยังมีด่านสำคัญ คือด่าน กกต.และด่านศาลรัฐธรรมนูญ”

แต่เมื่อคำนวณกรอบเวลาแล้วคงไม่กระทบต่อการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ โดยระหว่างนี้ พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องใช้เวลาในการจัดทัพปรับย้ายข้าราชการ ทหาร ตำรวจ วางกลไกอำนาจรัฐให้เข้าที่เข้าทาง และควรให้แล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.ถึงต้นเดือน ก.ย.เพื่อความอุ่นใจ

ภายใต้การประเมินว่าผลจากการยื่นตีความวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญในช่วงกลางเดือน ส.ค.อาจไม่ส่งผลต่อเก้าอี้นายกรัฐมนตรี โดยมีการอ้างอิงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่เคยตีความให้ พล.อ.ประยุทธ์มีความผิดแม้แต่ครั้งเดียว

เมื่อหันมาดูการเปิดตัวของพรรคพันธมิตรของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเก็บตกคะแนนแถวสองก็ยังคงคึกคักอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดตัวของพรรคร่วมแผ่นดินที่มี พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา น้องรักของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค รวมไปถึงการเปิดตัวพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรค และมีแกนนำจากประชาธิปัตย์เก่าและ กปปส.มาร่วมงาน

เป็นไปตามสมมุติฐานว่าเป็นสาขาของพรรคพลังประชารัฐที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเก็บคะแนนฐานเสียงเดิม ทั้ง ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ ยังไม่นับพรรคการเมืองเล็ก จิ๋ว ที่เริ่มทยอยเปิดตัวกันเป็นดอกเห็ด

และหากไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองที่เกินคาดหมาย หรือมี “ฟ้าผ่า” ลงกลางทำเนียบฯ จากปมวาระ 8 ปีของนายกฯ ก็เชื่อว่าการเดินหน้านำกติกาสูตรหาร 100 จะไปได้ตลอดรอดฝั่ง ฝ่ากระแสโจมตีเรื่องความพิลึกพิลั่นจากการทำคลอด “พรรคเล็ก-พรรคจิ๋ว” สร้างประดิษฐกรรมทางการเมืองหนุนนั่งร้าน “ระบอบลุง” ให้เสียงที่เคยปริ่มน้ำตอนตั้งรัฐบาลใหม่ๆ กลายเป็นเสียงที่มากพอ ผสมผสานกับ “งูเห่าฝากเลี้ยง” ที่กระจายอยู่ในพรรคฝ่ายตรงข้าม ก็ยิ่งทำให้รัฐบาลอยู่รอดปลอดภัยครบวาระ ฝ่าการประณามทำการเมืองแบบ “แจกกล้วย” เพื่อต่อชีวิตเป็นรายครั้ง

ปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นชัดเจนว่า 3 ป.ยังอยู่ในสถานะของผู้กำหนดเกมและกติกา แม้ว่าจะมีมรสุมจากความไม่ลงรอยกันบ้าง แต่เป้าหมายหลักยังคงเหมือนเดิมคือ การเดินหน้าสู้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ได้คิดจะกลับไปเลี้ยงหลานอยู่บ้านอย่างที่หลายคนคาดหวัง

ระยะเวลาหลายปีในการครองอำนาจ 3 ป.ได้รับรู้และเข้าถึงธรรมชาติของนักการเมืองมากขึ้น จึงทำให้รู้เหลี่ยมมุมในการรับมือ การต่อสู้ได้แยบยลขึ้น จึงทำให้เกิดหมากกลพิสดารกลายเป็นเรื่องปกติวิสัย ยกระดับให้เกมอยู่เหนือคุณค่าและหลักการพัฒนาประชาธิปไตยไปอย่างสิ้นเชิง 

บทพิสูจน์ของรัฐสภาในการตัดสินใจสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า 3 ทหารเสือบูรพาพยัคฆ์ยังทรงพลังในการคุมสภาพการเมืองได้อยู่หมัดจากที่ได้อยู่ในอำนาจมาอย่างยาวนานหรือไม่. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนันต์' การันตี 'ลุงป้อม' ส่งชื่อนั่ง รมต. โควตากำแพงเพชร

'อนันต์' การันตี 'ลุงป้อม' ส่งชื่อนั่ง รมต. มั่นใจคุณสมบัติไร้มลทิน ลั่นเก้าอี้ตัวนี้โควตากำแพงเพชร ไม่ท้อหากชวดตำแหน่ง เชื่อพรรคไม่แตกแม้ผลออกมาเป็นอย่างไร

ดิจิทัลวอลเล็ตสะดุด'พรบ.ธ.ก.ส.' แจกเงินหมื่น‘ลูกผีลูกคน’อีกแล้ว

ภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง นำทีมหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี มาแถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบหลักการ โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

คณะก้าวหน้า-ธนาธรปักธง "สว.สีส้ม" แชร์เก้าอี้สภาสูง

การเมืองช่วงเดือนพฤษภาคม วาระสำคัญเรื่องหนึ่งที่ต้องติดตามก็คือ การได้มาซึ่ง วุฒิสภา-สภาสูง ชุดใหม่ ที่จะมาแทนสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดปัจจุบัน ที่จะหมดวาระลงในวันที่ 10 พ.ค. แต่ต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า สว.ชุดใหม่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่

ศึก“วางคน-วางเกม”รับมือ สะท้อนผ่านวอรูม“เมียนมา”

ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางหลังจาก นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา