7เม.ย.ลุ้นศาลชี้ชะตาแบ่งเขต สะเทือนไทม์ไลน์เลือกตั้ง?

อีกประมาณเดือนเศษก็จะถึงวันเลือกตั้งทั่วไปที่คนไทยทั่วประเทศต่างตั้งตารอมากว่า 4 ปี สำหรับการเตรียมความพร้อม ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ตั้งแต่การเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง วันที่ 3-7 เม.ย.2566 รับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 4-7 เม.ย. และพรรคการเมืองแจ้งรายชื่อบุคคลที่จะแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และวันกาบัตรเลือกตั้ง 14 พ.ค.

พอเห็นไทม์ไลน์แล้ว หลายคนอาจจะมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความราบรื่น แต่การเลือกตั้งครั้งนี้มีความวุ่นวายมาตลอด โดยเฉพาะการแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่นับราษฎรต่างด้าวรวมเข้ากับการแบ่งเขต จนเรื่องต้องถึงศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยทำให้เกิดการแบ่งเขตใหม่อีกครั้ง และแม้ กกต.จะแบ่งเขตใหม่แล้วก็มิวายจะเกิดปัญหาเพิ่มขึ้น

ล่าสุดมีการยื่นร้องต่อศาลปกครอง ที่มีผู้ยื่นฟ้องขอเพิกถอนประกาศ กกต.เรื่องแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้งลงวันที่ 16 มี.ค.2566

โดยคดีแรก เป็นคดีที่ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ยื่นฟ้องว่าประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งดังกล่าว โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับกรุงเทพมหานคร มีการรวมเฉพาะแขวงโดยไม่มีเขต หรืออำเภอหลัก มาเป็นเขตเลือกตั้งใหม่ ทั้งที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สบ.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 27 (1) กำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งเขตให้รวมอำเภอต่างๆ เป็นเขตเลือกตั้ง ประกาศแบ่งเขตของ กกต.จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คดีที่ 2 เป็นคดีที่ นายพัฒ ตั้งเบญจผล ผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สุโขทัย ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ฟ้องว่า ประกาศแบ่งเขตดังกล่าวของ กกต.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากการแบ่งเขตการเลือกตั้ง รูปแบบที่ 1 เป็นการรวมตำบลเพื่อกำหนดเป็นเขตเลือกตั้ง โดยไม่ได้ยึดหลักเกณฑ์รวมอำเภอต่างๆ เป็นเขตการเลือกตั้ง ตามหลักเกณฑ์ที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 27 กำหนดไว้ ส่งผลให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง และกระทบสิทธิของประชาชน สร้างความสับสนในการใช้สิทธิเลือกตั้ง และกระทบต่อจำนวนราษฎรผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง

คดีที่ 3 เป็นคดีที่ นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและมีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ฟ้องว่าประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งดังกล่าวโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ จ.สุโขทัย ไม่ได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนโดยทั่วไป รวมถึงความคิดเห็นของผู้ฟ้องคดี ซึ่งเหมาะสมกว่า รูปแบบดังกล่าวส่อไปในทางที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ยึดถือตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เป็นการใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นธรรมต่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สุโขทัย อย่างชัดแจ้ง ประกาศดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

และคดีที่ 4 เป็นคดีที่ นายพัฒนา สัพโส ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ฟ้องว่า ประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งดังกล่าว เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ จ.สกลนคร ไม่รับฟังความคิดเห็นของประชาชนโดยทั่วไป รวมถึงความคิดเห็นของผู้ฟ้องคดีซึ่งเหมาะสมกว่า รูปแบบที่ กกต.มีมติ ส่อไปในทางที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ยึดถือตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เป็นการใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประกาศดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ซึ่งศาลปกครองสูงสุดจะนัดตัดสินคดีนี้ในวันที่ 7 เม.ย.นี้ และจะนัดพิจารณาครั้งแรกในวันที่ 4 เม.ย. ซึ่งเป็นวันแรกของการรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ส่งผลให้ไทม์ไลน์กิจกรรมการเลือกตั้งจะได้รับผลกระทบแน่นอน

จากปากของ นายอรรถวิชช์ ระบุต่อศาลว่า การเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การคิดคำนวณ ส.ส.แบ่งเขตเลือกตั้ง ใน กทม. 33 เขตเลือกตั้ง ที่ไม่เหมือนเดิม 29 เขตเลือกตั้ง เป็นความตั้งใจของ กกต.ถือเป็นการทำลายระบบตัวแทน ทำให้ความผูกพันระหว่างผู้แทนราษฎรกับประชาชนในพื้นที่ห่างออกไป เป็นกลจักรสำคัญของระบอบประชาธิปไตย แต่ กกต.ยืนหลักเอาผลต่างของจำนวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้ง ไม่ควรเกินร้อยละ 10 ของจำนวนเฉลี่ย ต่อจำนวน ส.ส. 1 คน เป็นตัวตั้ง 

"ซึ่งเกณฑ์ 10 เปอร์เซ็นต์มีมานานแล้ว ใช้กับต่างจังหวัด แต่เพิ่งใช้เป็นครั้งแรกกับ กทม. และที่น่าแปลกใจคือ ในการชี้แจงของ กกต.วันนี้ พบว่า กกต.ไม่ได้ใช้เกณฑ์ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ใช้เกณฑ์ 5 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ ซึ่งผมเห็นว่าการกระทำดังกล่าว กกต.มีเป้าหมายทำให้เขตเลือกตั้งเดิมทั้งหมดถูกสลายไป"

นายอรรถวิชช์ กล่าวด้วยว่า "จากนี้ต้องวัดใจว่า ศาลปกครองจะมีคำวินิจฉัยตาม กกต.หรือไม่ เป็นอำนาจของ กกต.หรือไม่ แต่สำหรับพรรคการเมืองมองว่า นี่ไม่ใช่วิถีทางที่จะทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็ง เพราะเป็นการทำลายระบบตัวแทน"

ทั้งนี้ เรื่องการแบ่งเขตจะเห็นได้ว่ากลุ่มที่มักจะยื่นร้องในเรื่องนี้คือพรรคการเมืองที่เป็นผู้เสียประโยชน์โดยตรง ที่มองว่าการเลือกตั้ง การกำหนดว่าเขตเลือกตั้งหนึ่งจะตั้งอยู่ที่ไหนอาจจะมีความสำคัญมาก ไม่ต่างกับการออกไปใช้สิทธิหย่อนบัตร หากมีผู้จงใจออกแบบเขตเลือกตั้งให้เป็นแบบใดแบบหนึ่งโดยไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงของพื้นที่ ก็อาจจะทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการเลือกตั้ง เพื่อสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง

ซึ่งคนธรรมดาทั่วไปอาจจะมองไม่ออกว่าพรรคการเมืองเสียเปรียบอย่างไรในเรื่องนี้ ผลของการแบ่งเขตที่ไม่เป็นธรรมในรูปแบบเขตเลือกตั้ง คือเขตเลือกตั้งก็อาจจะออกมามีรูปร่างแปลกประหลาด เช่น เป็นเส้นยาวคดเคี้ยวไปมา หรือผ่าตัดบางพื้นที่ที่ควรเป็นเนื้อเดียวกัน แทนที่เขตเลือกตั้งจะเป็นภาพแทนของกลุ่มคนที่มีความใกล้เคียงกันทางภูมิศาสตร์ มีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศาสนา หรือภาษาคล้ายกัน ก็จะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ในการเลือกตั้ง

หากผู้ที่ออกแบบตีเส้นแบ่งเขตเลือกตั้งทราบว่าพื้นที่ใดมีแนวโน้มจะลงคะแนนเสียงให้กับพรรคใด ก็สามารถลากเส้นตัดเพื่อหวังผลสูงสุดได้ นี่คือความเห็นของพรรคการเมืองที่มองว่าตัวเองเสียผลประโยชน์

ก็ต้องรอลุ้นกันว่า วันที่ 7 เม.ย.นี้ ศาลจะพิจารณาไปในทิศทางไหน ถ้ามองว่าการแบ่งเขตของ กกต.ไม่ชอบ กิจกรรมไทม์ไลน์ทุกอย่างจะเลื่อน และมีความเป็นไปได้สูงที่วันเลือกตั้งมีสิทธิที่จะได้รับผลกระทบตาม แต่ถ้าพิจารณาว่าชอบด้วยกฎหมาย กิจกรรมเลือกตั้งทุกอย่างก็จะดำเนินไปตามปกติ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จับตา กกต.ยื้อฟันว่าที่ ส.ส. ผวาบทเรียนแพ้คดี 'สุรพล'

อีกไม่นานก็จะครบ 30 วัน นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า พรรคก้าวไกล (ก.ก.) มี ส.ส.มากเป็นอันดับ 1 และเตรียมที่จะจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ที่ประกอบไปด้วย พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย

ก้าวไกลมองข้ามช็อตเตรียม ช่วย"พิธา"สู้คดีชั้นศาลรธน.

เข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 หลังการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ตอนนี้เริ่มพบว่าเสียงเรียกร้องทางการเมืองให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เร่งประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ เริ่มดังมากขึ้นเรื่อยๆ หลังผ่านมา 3 สัปดาห์ ยังไม่มีวี่แววว่า กกต.จะเริ่มรับรองผลการเลือกตั้งเมื่อใด

‘ดีลลับ-รัฐบาลแห่งชาติ’สกัด‘ก้าวไกล’ วิกฤตรอบใหม่รอปะทุ!

การจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคร่วม 312 เสียง นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ดูหน้าฉากเหมือนจะมีความคืบหน้า ท่ามกลาง ดีลลับ การจัดตั้งรัฐบาลสลับขั้ว

ปลุกผี “รัฐบาลแห่งชาติ" เจอแรงต้าน ผิดที่ ผิดเวลา

คอการเมืองพยากรณ์ “การจัดตั้งรัฐบาล” กันยกใหญ่ หลายคนเชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะไม่มีรัฐบาลที่จัดตั้งโดย “พรรคก้าวไกล”!!!

คำวินิจฉัยศาล รธน.ไหน? ทำ "นายกฯ ป้ายส้ม" ตกเก้าอี้

ฉากโชว์หวานของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล ที่พยายามจะผลักให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้เป็นนายกฯ ป้ายส้มได้สำเร็จ จะเป็นจริงหรือแค่ความฝันหรือไม่

“อุกกาบาต” เขย่ากรมปทุมวัน แฉ “ส่วยสติกเกอร์” หมื่นล้าน

ชนะการเลือกตั้งว่ายากแล้ว การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกฯ คนที่ 30 ยิ่งยากกว่า ถึงแม้จะชิงลงมือบันทึกความเข้าใจ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่ด้วยนโยบายสุดโต่งแตะสถาบันเบื้องสูงศูนย์รวมจิตใจของคนไทย ทำให้พรรคแนวร่วมไม่เอาด้วย