'เผ่าภูมิ' สวนแบงก์ชาติยันดิจิทัลวอลเล็ตดันเศรษฐกิจ จีดีพีโต 1.2-1.8% ยันเดินหน้าตามเงื่อนไขเดิม

‘เผ่าภูมิ’ สวนแบงก์ชาติ ยัน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ เป็นการจั๊มพ์สปาร์คเศรษฐกิจต่อยอดปรับโครงสร้างระยะยาว ปักธงโต 1.2-1.8% ในช่วง 1-2 ปี แจงยิบกำลังซื้อปัจจุบันไม่สะท้อนภาวะเศรษฐกิจจริง ห่วง MPI ดิ่งนานสุดในประวัติศาสตร์ ทุบการผลิต-ลงทุนเอกชนแผ่ว พร้อมยืนยันรัฐบาลเดินหน้าโครงการตามเงื่อนไขเดิม ระบุเรื่องผ่าน ครม. ไปไกลแล้ว

24 เม.ย. 2567 – นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.การคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้มีการทบทวนหลักเกณฑ์โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ยอมรับว่าความเห็นของ ธปท. ก็เป็นความเห็นส่วนหนึ่งที่รัฐบาลรับฟังและได้มีการนำมาปรับใช้ เช่น ข้อเสนอที่ให้ดำเนินการเฉพาะกลุ่มเปราะบาง แต่การจะให้ตัดสิทธิ์คนหลายสิบล้านคน จากนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่จะแจกทุกคน แต่เมื่อพิจารณาความเห็นของ ธปท. ซึ่งมีเหตุผลอยู่ สุดท้ายรัฐบาลก็ยอมตัดจนเหลือ 50 ล้านคนที่จะได้รับสิทธิ์ ส่วนจะให้ดำเนินการแค่เฉพาะกลุ่มเปราะบาง 10 กว่าล้านคนนั้น รัฐบาลมองว่าคงไม่ตอบโจทย์และไม่ถูกวัตถุประสงค์ของโครงการ

โดยรัฐบาลมองว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ไม่ใช่แค่การเยียวยาที่จะให้ความสำคัญแค่เฉพาะกลุ่มเปราะบางเท่านั้น แต่โจทย์ของรัฐบาล คือ โจทย์เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเม็ดเงินจะต้องใหญ่เพียงพอ คนที่เข้าร่วมโครงการจะต้องมากเพียงพอ เพื่อทำให้เกิดการสปาร์คในระบบเศรษฐกิจได้ เพราะฉะนั้นมันคือคนละโจทย์ และเวลาทำโครงการก็ต้องมาดูกันก่อนว่า วัตถุประสงค์คืออะไร และทำให้วิธีการสอดคล้องกับวัตถุประสงค์นั้น

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้มีการประเมินประสิทธิภาพของโครงการดิจิทัล วอลเล็ต เพื่อให้เห็นภาพใกล้เคียงที่สุดเท่าที่ข้อมูลจะพึงมี เพราะโครงการนี้เป็นโครงการที่มีเงื่อนไขใหม่ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่เคยทำมาก่อน ดังนั้นการจะใช้ตัวประมาณการเศรษฐกิจแบบเดิม ๆ ก็อาจจะไม่สามารถอ้างอิงได้ โดยพบว่า โครงการจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ (จีดีพี) ได้ราว 1.2-1.8% ในช่วง 1-2 ปีแรกที่ดำเนินโครงการ

“เวลาทำโครงการจะมองแค่เรื่องกระตุ้นการบริโภคอย่างเดียวคงไม่ได้ แต่ต้องมองไปถึงเรื่องการลงทุน ซึ่งตอนนี้การลงทุนของประเทศกำลังมีปัญหา ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ของประเทศไทย ติดลบมาแล้ว 16 เดือน หากติดลบเพิ่มอีก 1 เดือน จะถือเป็นการติดลบนานที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ซึ่งอันตรายมาก และตรงนี้สะท้อนว่าการผลิตและการลงทุนของภาคเอกชนกำลังมีปัญหา เนื่องจากกำลังซื้อปัจจุบันไม่ใช่กำลังซื้อที่สะท้อนภาวะเศรษฐกิจจริง ดังนั้น การจะบอกว่ากำลังซื้อปัจจุบันแข็งแรงคงไม่ได้ เพราะกำลังซื้อที่แข็งแรงต้องตามมาด้วยการผลิตที่แข็งแรง หากเป็นอย่างนั้นจริง รัฐบาลก็จะยอมรับ แต่กำลังซื้อที่ภาคการผลิตไม่ดี นั่นก็หมายความว่าเป็นกำลังซื้อที่ไม่ได้สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่แท้จริง หากการบริโภคดี เศรษฐกิจดี จะสะท้อนไปที่ภาคการลงทุนที่เริ่มผงกหัวขึ้น แต่ตอนนี้เรายังไม่เห็น ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นผลมาจากภาคส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ด้วย” นายเผ่าภูมิ กล่าว

นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า ในส่วนข้อคิดเห็นเรื่องการสร้างภาระทางการคลังในระยะยาวนั้น ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้มองเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นจากโครงการดิจิทัล วอลเล็ตเพียงอย่างเดียว แต่เวลามองเรื่องสถานะทางการคลัง เมื่อมีการใส่เม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ โดยหากมีการกู้ยืม หนี้สาธารณะจะเพิ่ม แต่ก็ต้องมาดูที่ตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ด้วยว่ามันใหญ่ขึ้น ส่วนความกังวลเรื่องการถูกปรับลดเครดิตประเทศนั้น เชื่อว่าบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือคงไม่ได้มองแค่การก่อหนี้เพียงอย่างเดียว แต่จะมองไปถึงตัวโครงการว่ามีประสิทธิภาพมากพอหรือไม่ สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ เนื้อหาโครงการเป็นอย่างไร ซึ่งตรงนี้รัฐบาลขัดเกลามาเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้มองว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ตจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแค่ระยะสั้นเท่านั้น แต่มองไปถึงว่าจะเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อเพื่อเชื่อมโยงไปยังการลงทุน เกิดการใช้จ่ายใหม่ ๆ เกิดการจ้างงาน เกิดการผลิตเพิ่มขึ้น ไม่ใช่แค่การกระตุ้นแล้วหายไป แต่มั่นใจว่าจุดนี้จะเป็นการกระตุกเศรษฐกิจให้โตขึ้น รัฐบาลคงไม่ไปพูดว่าจะมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจโดยที่เศรษฐกิจในปัจจุบันแทบจะยังไม่ฟื้น ดังนั้นการที่ ธปท. จะมาบอกให้มีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นการเติบโตในระยะยาว โดยไม่มีการจั๊มพ์สตาร์ทเศรษฐกิจก่อน ดังนั้นจะปรับโครงสร้างได้อย่างไร

อย่างไรก็ดี รัฐบาลยังยืนยันว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ตจะยังเดินหน้าตามเงื่อนไขและวงเงินดำเนินการที่ 5 แสนล้านบาทตามเดิม และเรื่องนี้ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปไกลแล้ว ขณะที่ในส่วนของประชาชนนั้น ไม่อยากจะให้ต้องกังวลเรื่องการแจกเงิน เพราะรัฐบาลมีแหล่งเงิน 3 แหล่งที่จะสามารถใช้ดำเนินการได้ หากประชาชนผ่านคุณสมบัติตามเงื่อนไขของโครงการก็ถือว่าได้เงิน โดยทุกคนไม่จำเป็นต้องมีบัญชีธนาคาร เพราะจะดำเนินการผ่านวอลเล็ตกลาง ซึ่งจะมีระบบรองรับสำหรับทุกคนที่เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี และธนาคาร โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ และยืนยันว่ามีการใช้วงเงินในการพัฒนาระบบไม่เยอะ ไม่ถึงหลักพันล้านบาทตามที่หลายฝ่ายกังวล ส่วนร้านค้าขนาดเล็กนั้น ก็มั่นใจว่าจะให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการเป็นอย่างมาก เพราะมีการตัดห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ออกไป และเม็ดเงินในโครงการเยอะ เชื่อว่าตรงนี้จะเป็นแรงจูงใจที่เพียงพอให้ร้านค้าขนาดเล็ก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'กรณ์' กังวลรัฐบาลแจกดิจิทัลด้วยการกู้งบกลาง หนี้เพิ่ม ดุลบัญชีเดินสะพัดยังอ่อนแอ

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า มีรายงานว่า ครม.เปลี่ยนแนวทางการหาเงินโครงการ #แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท คือยกเลิกแผนการเจียดจากงบปี 67 ที่คาดว่าจะใช้ไม่หมด โดยที่รัฐบาลจะเปลี่ยนมา “กู้เพิ่ม”