27 ต.ค.2564 - เวลา 14.00 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 24 ผ่านระบบการประชุมทางไกล พร้อมผู้นำจากสมาชิกอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญว่า ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลียินดีที่อาเซียนบวกสามมีความร่วมมือในการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างใกล้ชิด ซึ่งสาธารณรัฐเกาหลีได้บริจาคเงินในกองทุนอาเซียนอีก 5 ล้านเหรียญสหรัฐ และสนับสนุนการกระจายวัคซีนอย่างเท่าเทียมและครอบคลุม ด้านนายกรัฐมนตรีจีนยินดีที่อาเซียนบวกสามมีความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยได้ลงนาม RCEP สะท้อนความมุ่งมั่นของทุกฝ่ายที่ต้องการส่งเสริมให้มีการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพ รักษาพลวัตความร่วมมือทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออก
นายธนกร กล่าวว่า สำหรับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยินดีที่ได้ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสามเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นกลไกที่สร้างความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ทั้งความร่วมมือในการป้องกันโรคโควิด-19 การเสริมสร้างความมั่นคงมนุษย์ และความร่วมมือทางเศรษฐกิจจากการลงนาม RCEP นอกจากนี้ ญี่ปุ่นหวังว่าสมาชิกอาเซียนบวกสามจะร่วมกันแก้ปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลี เพื่อให้เกิดความมั่นคงและสันติภาพในภูมิภาค
นายธนกร กล่าวว่า ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบของต่อชีวิตวิถีเดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ทุกคนต้องปรับตัวให้เข้ากับ “ชีวิตวิถีใหม่” และร่วมกันรับมือกับความท้าทายอย่างต่อเนื่องด้วยความจำเป็น อย่างไรก็ตาม อาเซียนบวกสามมีจุดแข็งที่การตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาวผ่านบททดสอบมาแล้วหลายครั้ง และไทยเชื่อมั่นว่าประเทศสมาชิกจะสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้อีกครั้ง โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอ 4 แนวทาง ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับประชาคมเอเชียตะวันออกที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ประการแรก สานต่อให้กรอบอาเซียนบวกสามเป็นกรอบความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของภูมิภาคในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ ผ่านกลไกความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการรับมือกับประเด็นท้าทายในทุกมิติ ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งไทยพร้อมร่วมจัดทำแผนงานความร่วมมืออาเซียนบวกสามฉบับใหม่ สำหรับปี ค.ศ. 2023-2027 และพิจารณาจัดตั้งกลุ่มวิสัยทัศน์เอเชียตะวันออกรุ่นใหม่ ที่ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากประเทศอาเซียนบวกสาม เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เป็นประโยชน์ในการพิจารณาแนวทางในการก้าวสู่ Next Normal ร่วมกันต่อไป
นายธนกร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าประการที่สอง ความร่วมมือจากประเทศบวกสามในการรับมือกับโควิด-19 ที่มีอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกรอบอาเซียนและทวิภาคี เป็นแรงผลักดันสำคัญในการรับมือกับความท้าทายนี้ โดยเฉพาะการสนับสนุนกองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับโควิด-19 ซึ่งจะนำไปใช้จัดสรรวัคซีนและเวชภัณฑ์ให้แก่ประชาชนในภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ ผลกระทบของโควิด-19 ย้ำเตือนให้รอบคอบ จึงต้องเตรียมพร้อมสำหรับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในอนาคตอย่างรอบด้าน ซึ่งประเทศบวกสามสามารถช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในเรื่องนี้แก่ภูมิภาคได้ โดยเฉพาะด้านวัคซีน ยา การวิจัยและพัฒนา การสำรองเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ตลอดจนการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพจิตของประชาชนเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งที่ประชุมฯ จะรับรองแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนบวกสามว่าด้วยความร่วมมือด้านสุขภาพจิตของวัยรุ่นและเด็กร่วมกันในวันนี้ และไทยพร้อมที่จะดำเนินการตามแถลงการณ์ โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพจิตของวัยรุ่นและเด็กซึ่งเป็นอนาคตของทุกประเทศ
ประการที่สาม ความร่วมมือจากกลุ่มประเทศบวกสามจะเป็นการฟื้นฟูที่ครอบคลุมของอาเซียน บูรณาการทางเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะการผลักดันให้ความตกลง RCEP มีผลบังคับใช้โดยเร็ว และการใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจและเทคโนโลยีดิจิทัล โดยมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพให้แก่ MSMEs, start-ups และผู้ประกอบการท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ตลอดจนการสานต่อข้อริเริ่มการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ความเชื่อมโยงให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เป็นต้น ซึ่งนายกรัฐมนตรียังเสนอให้ต่อยอดการพัฒนาความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation : CMIM) ด้วยนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินการคลัง และพัฒนาโครงการสำรองข้าวอาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three Emergency Rice Reserves - APTERR) เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร ในขณะเดียวกัน ควรพัฒนากลไกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน แสวงหาแนวทางใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ อาทิ การสอดประสานนโยบายเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมประเทศบวกสามกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ไทยกำลังก้าวสู่ Next Normal ด้วยการพลิกโฉมประเทศไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ขณะเดียวกันก็มุ่งเสริมสร้างสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศที่เอื้อต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคมที่ยั่งยืนจากผลกระทบของโควิด-19 ตลอดจนขับเคลื่อนความพยายามในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นภัยคุกคามร่วมกัน
นายธนกร กล่าวว่า นายกฯระบุประการสุดท้าย สันติภาพที่ยั่งยืนเป็นพื้นฐานของความแข็งแกร่งระยะยาว โดยไทยส่งเสริมให้ทุกฝ่ายมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างสร้างสรรค์ และยึดมั่นในความเป็นแกนกลางของอาเซียน นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำเจตนารมณ์และความพร้อมของไทยในการสนับสนุนกระบวนการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี และหวังที่จะเห็นพัฒนาการเชิงบวกและความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อนำไปสู่การทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งนี้ในช่วงท้าย ในโอกาสที่จะครบรอบ 25 ปี อาเซียนบวกสามในปีหน้า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าความร่วมมือระหว่างประเทศบวกสามที่เข้มแข็งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างประชาคมเอเชียตะวันออกที่แข็งแกร่ง ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนและความไพบูลย์ร่วมกันของภูมิภาค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นิดเน้นปรับเก้าอี้ศก. คาด1-2วันสะเด็ดน้ำ/‘ธรรมนัส’กินรวบกระทรวงเกษตรฯ
โผ ครม.ใกล้สะเด็ดน้ำ นักการเมืองมีชื่อเข้า-ออก ดอดขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าพบ “เศรษฐา”
'หมอชัย' โนคอมเมนต์ นายกฯ ทาบ 'จักรพล' นั่งโฆษกรัฐบาล
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีทาบทามนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
เตือนระวังคุก! 'ทักษิณ' ขยับทีไร คนเรือนจำหวาดผวา
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นายทักษิณขยับเรือนจำผวา
'ไผ่' ไม่น้อยใจชวด รมต. รอนายกฯ ส่งกฤษฎีกาตีความ ลุ้นรอบหน้า
'ไผ่' ไม่น้อยใจ ชวด รมต. เผยนายกฯ จ่อส่งกฤษฎีกาตีความคุณสมบัติ ยังหวังคัมแบ็กปรับรอบหน้า ปัดบอกคดีความเรื่องอะไร
นายกฯ ร่วมผู้นำ 17 ประเทศ แถลงเรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "วันนี้ ผมร่วมกับผู้นำ 17 ประเทศที่มีตัวประกันที่ยังอยู่ในกาซา ออกถ้อยแถลงร่วมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันทั้งหมด
รัฐบาลตีปี๊บ ประกวด 'ข้าวหอมมะลิไทย' ช่วยยกคุณภาพชีวิตเกษตรกร
รัฐบาลหนุนเกษตรกรและโรงสี จัดประกวดข้าวหอมมะลิไทยปี 2566 เฟ้นหาและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวไทยคุณภาพชั้นเลิศ พร้อมขยายช่องทางการจำหน่าย