ชี้ ‘จตุพร เอฟเฟกต์’ มีผลมาก ในทางการเมืองห้วงเวลานี้

แฟ้มภาพ

29 ม.ค.2566-ดร.นพดล กรรณิกา หัวหน้าโครงการวิจัย สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง นายกรัฐมนตรีที่ใช่ พรรคการเมืองที่ชอบ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 3,740 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15-28 ม.ค. 2566 พบว่าเมื่อถามถึงปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน ร้อยละ 36.0 ระบุดูที่ตัวผู้สมัครในเขตเลือกตั้ง ลงพื้นที่ตลอด ช่วยเหลือชาวบ้านตลอด ร้อยละ 28.1 ดูที่กระสุน เงิน ทรัพย์ ร้อยละ 26.1 ดูที่นโยบายพรรค และร้อยละ 18.9 ดูที่ กระแส ความนิยมต่อพรรค ตามลำดับ

ที่น่าสนใจคือ บุคคลที่ใช่เลยนายกรัฐมนตรีคนต่อไปจำแนกตามภูมิภาค พบว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ยังคงยึดครองสูงสุดที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ร้อยละ 43.6 รองลงมาคือ ภาคอีสานร้อยละ 25.7 ภาคใต้ร้อยละ 17.2 กรุงเทพมหานครร้อยละ 12.9 และภาคกลางน้อยสุดคือ ร้อยละ 8.6 ในขณะที่ นายอนุทิน  ชาญวีรกูล มีฐานสนับสนุนมาแรงในทุกภาค มากที่สุดในภาคกลาง ร้อยละ 44.6 และภาคเหนือร้อยละ 38.5 ภาคอีสานได้ร้อยละ 24.8 กรุงเทพมหานครได้ร้อยละ 25.8 และภาคใต้ได้ร้อยละ 21.5 ตามลำดับ

พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ได้มากสุดในกรุงเทพมหานครได้ร้อยละ 32.3 แต่ภาคอื่น ๆ ไม่โดดเด่น คือ ภาคกลางได้ร้อยละ 15.1 ภาคอีสานได้ร้อยละ 11.7 ภาคเหนือได้ร้อยละ 9.0 และภาคใต้ได้ร้อยละ 8.6 ในขณะที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้มากสุดคือ ภาคใต้ร้อยละ 34.4 รองลงมาคือภาคกลางร้อยละ 17.3 อีสานได้ร้อยละ 8.9 กรุงเทพมหานครได้ร้อยละ 6.5 และภาคเหนือได้ร้อยละ 2.6 นอกจากนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้ภาคใต้ร้อยละ 9.7 ภาคอีสานร้อยละ 8.9 กรุงเทพมหานครร้อยละ 6.5 ภาคกลางร้อยละ 5.0 และภาคเหนือร้อยละ 3.8 ตามลำดับ ที่เหลือเป็นอื่น ๆ และยังไม่ตัดสินใจ เฉลี่ยอยู่ประมาณร้อยละ 10 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ตั้งใจจะเลือก ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง จำแนกตามภูมิภาค พบว่า พรรคเพื่อไทย ยังครองสูงสุดที่ภาคอีสานคือร้อยละ 54.2 รองลงมาคือ กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 32.1 ภาคเหนือร้อยละ 25.4 ภาคกลางร้อยละ 15.2 และภาคใต้ ร้อยละ 14.8 ตามลำดับ ในขณะที่ พรรคภูมิใจไทยได้คะแนนสูงสุดในภาคอื่น ๆ หลายภาค เช่น ภาคกลางร้อยละ 28.8 ภาคเหนือร้อยละ 26.5 ภาคใต้ร้อยละ 26.0 กรุงเทพมหานครร้อยละ 20.9 และภาคอีสานร้อยละ 14.0 ตามลำดับ

ที่น่าสนใจคือ พรรคประชาธิปัตย์ ได้มากสุดคือร้อยละ 33.7 ในขณะที่ภาคอื่น ๆ มีสัดส่วนไม่มากนักคือ กรุงเทพมหานครร้อยละ 16.7 ภาคเหนือร้อยละ 14.9 ภาคกลางร้อยละ 6.1 และภาคอีสานร้อยละ 7.5 ตามลำดับ ส่วนของพรรคพลังประชารัฐที่อยู่ในช่วงเปราะบาง คือ ภาคกลางได้ร้อยละ 23.5 ภาคใต้ร้อยละ 9.5 ภาคเหนือร้อยละ 8.8 ภาคอีสานร้อยละ 8.4 และกรุงเทพมหานครร้อยละ 8.3 ตามลำดับ ในส่วนของพรรคก้าวไกล มีฐานในกรุงเทพมหานครร้อยละ 8.6 ภาคกลางร้อยละ 6.1 ภาคเหนือร้อยละ 5.0 อีสานร้อยละ 3.7 และภาคใต้ร้อยละ 0.6 ตามลำดับ ในขณะที่ พรรครวมไทยสร้างชาติ มีสัดส่วนแผ่วเบาหวิว ได้ในภาคกลางร้อยละ 4.5 ภาคใต้ร้อยละ 4.1 ภาคเหนือร้อยละ 3.3 กรุงเทพมหานครร้อยละ 1.2 และภาคอีสานร้อยละ 0.9 ตามลำดับ

ดร.นพดล กล่าวว่า ผลกระทบทางการเมืองจากนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง โจมตี อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร มีผลกระทบร้อยละ 67.7 ในขณะที่ไม่มีผลร้อยละ 32.3 จึงอาจเป็นไปได้ว่ามีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อคะแนนนิยมทั้งตัวบุคคลผู้เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีและพรรคการเมืองในแต่ละภูมิภาค เช่น ภาพลักษณ์ส่วนตัว ความเชื่อมโยงกับบุคคลอ้างอิงเครือญาติ พรรคพวกที่ส่งผลต่อความรู้สึกของประชาชน ผู้สมัครของพรรคในเขตเลือกตั้ง นโยบายพรรค กระแสและกระสุน ย่อมมีผลผสมผสานมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ทั้งสิ้น

“ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค กับ ฐานนิยมของประชาชนต่อพรรคการเมืองในแต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างกัน เช่น คะแนนนิยมของประชาชนต่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ แผ่วเบามากในแต่ละภาค แต่ คะแนนนิยมของประชาชนต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมีมากสุดในกรุงเทพมหานครประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด ในขณะที่คะแนนนิยมของประชาชนต่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่ได้รับมากในหลายภูมิภาคและสูงสุดในภาคกลาง และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ได้รับมากสุดในภาคเหนือ ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ได้มากสุดในภาคใต้ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามในภาคใต้ ที่น่าพิจารณาคือ จตุพร เอฟเฟกต์ ที่มีผลค่อนข้างมากในทางการเมืองในห้วงเวลานี้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ซูเปอร์โพล' การันตี 'ทักษิณ' เป็นผู้มีบารมี ปชช.วอนแก้ปากท้อง

สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง จับกระแสโพล ทักษิณ ชินวัตร กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ

มึน! 'อุ๊งอิ๊ง' ชวนคนทั้งโลกมาสาดน้ำช่วงสงกรานต์ แต่ตัวเองไปเที่ยวฮ่องกง

'ตู่' มึน 'อุ๊งอิ๊ง' ชวนคนทั้งโลกมาสาดน้ำ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 21 วัน แต่ตัวเองไปเที่ยวฮ่องกง งง ทำไปทำไม ติงควรมีดีเอ็นเอรับผิดชอบ อย่ายึดตัวตน

'ทักษิณ' เริงร่า เล่นน้ำยกดัมเบล เลี้ยงหลาน เย้ยดีลกลับบ้าน ไม่ตื่นเต้นคำขู่

'จตุพร' อ่านไต๋ 'ทักษิณ' เริ่งร่า เล่นน้ำยกดัมเบล เลี้ยงหลานสุดคึกคัก ส่งนัยเย้ยดีลกลับบ้าน ไม่ตื่นเต้นคำขู่ จับตา! 10 เม.ย. ตัดสินฟ้องหรือไม่ คดี 112 ระบุเป็นจุดเริ่มเปลี่ยนชะตาคน

'จตุพร' ชี้ข่าวปล่อย ปรับครม.ดึงปชป.ร่วมรบ. มั่นใจ 'ก้าวไกล' ทิ้งทวนซักฟอกก่อนถูกยุบ

'จตุพร' ชี้ปรับ ครม. ดึง ปชป.ร่วมรัฐบาลเป็นข่าวปล่อย มั่นใจ'ก้าวไกล' ทิ้งทวนซักฟอกให้เป็นนัดแห่งความทรงจำ ก่อนถูกยุบพรรคใน เม.ย.นี้