‘ษิทรา’จี้สอบพล.ต.ต.จุ้นคดีหื่น

ตำรวจจ่อเรียก “ปริญญ์”   รับทราบข้อกล่าวหา หลังหญิงสาวเข้าแจ้งความแล้ว 15 ราย “ผบช.น.” ยันไม่มี “พล.ต.ต.” แทรกแซงคดี “ษิทรา” เตรียมบุก “นครบาล” 22 เม.ย. “ปชป.” โชว์หลักฐาน “ปริญญ์” พ้นสมาชิกพรรคตั้งแต่ 14 เม.ย. “สามารถ” จี้ “ผบ.ตร.” ปกป้องลูกน้องโดนไฮโซลูกนัทดูหมิ่น “วิษณุ” ไม่ทนเอาผิดมือมืดปล่อยเฟกนิวส์คำสัมภาษณ์คดีข่มขืน ลั่นเป็นสิ่งชั่วร้ายมาก

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) วันที่ 21 เมษายน  พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. กล่าวถึงคดีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ถูกแจ้งความกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาวหลายรายว่า  เบื้องต้นตรวจสอบในส่วนของคดีพบมี 15 คดี ในส่วนของนครบาลที่ สน.ลุมพินีรับไว้ 8 คดี นอกนั้นเป็นที่ต่างจังหวัดและนอกราชอาณาจักร ซึ่งจะได้เรียกมาแจ้งข้อหาเพิ่มเติม โดยได้กำชับพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ  พิสูจน์การกระทำผิดของผู้ต้องหาให้ได้โดยเร็วที่สุด รวมทั้งให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

พล.ต.ท.สำราญยืนยันว่า ในส่วนของรูปคดีไม่มีตำรวจยศ พล.ต.ต.รายใด หรือใครเข้ามาแทรกแซงคดีตามที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ระบุทั้งสิ้น ถ้ามีการมาข่มขู่พยานหรือทำให้เสียรูปคดี ก็จะดำเนินการเด็ดขาด

“จากการดูการทำสำนวนของพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ค่อนข้างละเอียดรอบคอบ ประเด็นการแทรกแซงที่พูดกันในสำนวนการสอบสวนหรือเนื้อหาของคดี หรือสาระสำคัญของคดีหรือเกี่ยวข้องกับตำรวจยังไม่พบ แต่ในส่วนของการพูดคุยกันกับผู้เสียหายไม่ทราบ” พล.ต.ท.สำราญกล่าว

ถามว่า ถ้าในอนาคตผู้เสียหายยอมความจะเกี่ยวข้องกับประเด็นที่มีการพูดถึงคือนายพลเข้ามาแทรกแซงหรือไม่  ผบช.น.กล่าวว่า ถ้าเป็นความผิดที่ยอมความได้ เราไม่ก้าวล่วงผู้เสียหาย แต่ถ้าเป็นความผิดที่ยอมความไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด

“ทุกคดีพนักงานสอบสวนต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานให้สิ้นกระแสความข้อสงสัย เพื่อพิสูจน์การทำผิดของผู้ต้องหา ขอให้ทุกคนสบายใจได้ ผู้เสียหายที่มาเราดูคำให้การ พฤติการณ์สอบสวนอย่างละเอียดทุกคน ขณะนี้พบการกระทำความผิดในนครบาล 2 พื้นที่คือ สน.ลุมพินีและ สน.ห้วยขวาง เช่นเดียวกับกับมีผู้เสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อปี 63 ก็อยู่ระหว่างการตัดสินใจจะดำเนินคดีหรือไม่ เพราะเป็นความผิดยอมความได้ แต่ขณะนี้ผู้เสียหายทุกคนยืนยันดำเนินคดี” ผบช.น.กล่าว

ซักถึงกรณีไฮโซลูกนัทพร้อมภรรยาไปโวยวายที่เกิดเหตุจะดำเนินการอย่างไร พล.ต.ท.สำราญกล่าวว่า ต้องแยกเป็น 2 ประเด็น ประเด็นที่ 1 ชื่นชมความอดทนของ ผกก.สน.ลุมพินี ประเด็นที่ 2 จะเป็นความผิดหรือไม่ หรือจะดำเนินคดีหรือไม่นั้น ได้สอบถาม ผกก.สน.ลุมพินีแล้ว ขอทำคดีที่เกิดขึ้นให้เสร็จเสียก่อน ไม่อยากเป็นคู่ขัดแย้งกับใคร แต่หลังจากคดีเสร็จสิ้นก็แล้วแต่ ผกก.สน.ลุมพินีจะดำเนินการอย่างไร แต่อายุความมี 5 ปี

ขณะที่นายษิทรากล่าวว่า ช่วงเช้าวันที่ 22 เม.ย.นี้ ตนจะเดินทางไปที่ บช.น. เพื่อนำเรื่องการเข้าแทรกแซงคดีของนายตำรวจยศ "พล.ต.ต." เข้าไปร้องเรียนกับ ผบช.น. ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ยืนยันยังไม่มีผู้เสียหายรายใดถอนแจ้งความ

พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. กล่าวถึงกรณีนายษิทราระบุมีตำรวจยศ พล.ต.ต. เข้าไปเจรจากับทางมารดาของผู้เสียหายอายุ 18 ปีว่า ทุกคดียังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ผู้เสียหายทุกคดียังยืนยันที่จะดำเนินคดีกับตัวผู้ต้องหา ที่ผ่านมาไม่เคยมีตำรวจยศไหนเข้ามาแทรกแซงหรือทำให้สำนวนอ่อนลง ไม่มีการยุ่งเหยิงในพยานหลักฐาน เพราะหากเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องของจินตนาการ พนักงานสอบสวนต้องดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง

“ในส่วนของการสอบสวนต้องขอเวลาให้ทางพนักงานสอบสวนได้พิจารณาการให้ปากคำของผู้เสียหายเสียก่อน เนื่องจากทุกคดีที่รับเพิ่มขึ้นมาใหม่ เป็นคดีที่เกิดขึ้นนานแล้ว จำเป็นต้องมีการตรวจสอบคำให้การของผู้กล่าวหาด้วย เพื่อความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ก่อนที่จะแจ้งข้อหากับตัวผู้ต้องหาต่อไป” รองผบช.น.กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายษิทราได้โพสต์เฟซบุ๊กกรณีมีหญิงสาวผู้เสียหายคนไทยที่ประเทศอังกฤษขณะเกิดเหตุอายุ 25 ปี ได้โทร.มาเล่าถูกนักการเมืองเข้ามาทำร้ายร่างกาย ลวนลาม และข่มขืน หลังไปแจ้งความมีผู้หญิงไทยผู้กว้างขวางคนหนึ่งในอังกฤษโทร.ข่มขู่ให้ยุติการดำเนินคดี จึงปรึกษากับทางบ้านกลัวแม่ที่อยู่เมืองไทยจะไม่ได้รับความปลอดภัย ในที่สุดก็ยุติการดำเนินคดีไว้ก่อน

“ตามกฎหมายอังกฤษสามารถกลับมาดำเนินคดีได้ ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย และจิตใจที่ย่ำแย่ แต่วันนี้น้องเห็นคนไทยหลายคนที่ร่วมชะตากรรมกล้าออกมาสู้ น้องจะไปตรวจสอบว่ากล้อง CCTV กับเสื้อผ้าในวันเกิดเหตุยังอยู่ไหม ถ้าอยู่น้องพร้อมเริ่มนับหนึ่งดำเนินคดีข่มขืนที่ประเทศอังกฤษอีกครั้ง” นายษิทราระบุ

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค ปชป. กล่าวถึงสถานะนายปริญญ์ในพรรค ปชป.ว่า นายปริญญ์ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคต่อนายทะเบียนพรรคเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่ 14 เม.ย. ซึ่งการลาออกจากสมาชิกพรรคจึงมีผลผูกพันกับทุกตำแหน่งในพรรค แต่อย่างไรก็ตาม แม้นายปริญญ์จะลาออกแล้ว แต่กรณีที่นายปริญญ์ถูกแจ้งข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ พรรคยังคงรู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และยืนยันจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคได้แถลงไป

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรค ปชป. ยอมรับกรณีนี้จะทำให้พรรคเสียความนิยมไปบ้าง แต่พรรคจะไม่ยอมให้ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์และหลักความยุติธรรม ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในระบอบประชาธิปไตยต้องสูญเสียไปเป็นอันขาด จึงอยากให้ผู้เป็นสมาชิกพรรค รวมทั้งประชาชนทั่วไป ได้ตั้งสติว่ากรณีที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะมีบางฝ่ายพยายามจะโยงไปให้ถึงตรงนั้น แต่เป็นเรื่องของส่วนบุคคลที่จะต้องมีหน้าที่พิสูจน์ว่าไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหา ซึ่งขณะนี้ผู้กล่าวหาได้ใช้สิทธิทางกฎหมายในการประกันตัว และพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

ด้าน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก กรรมการบริหารพรรค ปชป. ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพรรค เปิดเผยถึงการประชุมนัดแรกว่า เป็นการวางกรอบคุณสมบัติบุคคลที่จะมาทำงานกับพรรค  ซึ่งนอกจากจะมีความรู้ความสามารถแล้ว จะต้องมีความประพฤติที่ดี  เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรค จึงต้องหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่ต้องยอมรับว่าเรื่องความพฤติกรรม บางเรื่องตรวจสอบลำบาก ต่างจากประวัติอาชญากรรม  ขณะเดียวกันจะหาแนวทางช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากกรณีของนายปริญญ์ พานิชภักดิ์  อดีตรองหัวหน้าพรรค เพื่อแสดงน้ำใจและความรับผิดชอบเท่าที่จะช่วยได้

"ขอให้ความมั่นใจ คณะกรรมการชุดที่ตั้งขึ้นจะไม่มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพราะกรรมการชุดนี้มีบุคคลภายนอกร่วมเป็นกรรมการ 4 คน ซึ่งเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ต่อต้านการคุกคามทางเพศ  ส่งเสริมบทบาทสตรีมาอย่างยาวนาน และหลายคนก็ทำงานเชิงรุกในกรณีนี้ ซึ่งพรรคพร้อมเปิดให้กรรมการภายนอกเสนอข้อคิดเห็นอย่างเต็มที่" น.ส.รัชดา กล่าว

วันเดียวกัน นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวกรณีไฮไซลูกนัทโวยวายด่าทอดูหมิ่นตำรวจว่า ขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ออกมาให้กำลังใจลูกน้อง และออกมาปกป้องการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับตำรวจรายดังกล่าว เพราะคู่กรณีเป็นลูกคนรวย  อีกทั้งเร่งให้มีการแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว

ทีทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีอินโฟกราฟฟิกระบุข้อความ “จะข่มขืนใครก็ไม่ถือเป็นความผิด เพราะเขาเป็นคนดี เขารักชาติ” โดยโซเชียลอ้างเป็นคำกล่าวของนายวิษณุ พร้อมติดโลโก้สำนักข่าววอยซ์ทีวีว่า มีคนส่งภาพดังกล่าวมาให้ตน และอ้างว่าตนได้พูดข้อความนั้น ขอเรียนให้ทราบว่า เกิดมาตนไม่เคยพูดเลย ไม่ว่าจะพูดคำนี้ คล้ายๆ อย่างนี้ ตนไม่เคยพูดถึงเรื่องคดีนี้ ไม่ทราบเรื่องนี้มาจากไหน ที่เราเรียกว่าเฟกนิวส์ ข่าวเท็จ ข่าวปลอม ข่าวบิดเบือน ซึ่งมีลักษณะอย่างที่เห็น 

“ถือเป็นความชั่วร้าย เพราะความบิดเบือนบางครั้งก็บิดเบือนโดยที่ไม่ปรากฏอะไรชัดเจน การกระทำเช่นนี้ทำให้คนเข้าใจผิด และผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นความผิดของวอยซ์ทีวีหรือไม่ โดยขณะนี้ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องไปดำเนินการตรวจสอบ และหากพบต้นตอหรือแหล่งที่จะดำเนินคดีได้ ก็จะดำเนินคดี เพราะถือเป็นเรื่องเลวร้ายมากในสังคม” นายวิษณุ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง