ลั่นไม่เลือกข้างใคร โปรยยาหอมมะกัน

“ประยุทธ์” ยันเยือนสหรัฐไม่ใช่เลือกข้าง หลักการคือไม่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ช่วงเช้าลุยอาคารรัฐสภาก่อนพบภาคเอกชนมะกัน ช่วงเย็นหารือรัฐมนตรีกลาโหมก่อนดินเนอร์กับ “ไบเดน” ยาหอมสัมพันธ์ยาวนาน พร้อมเชิญชวนมาลงทุนในไทยและอาเซียนเพื่อยุคเน็กซ์นอร์มอล

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 พ.ค. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา ที่ห้อง George Washington โรงแรม St. Regis พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พบปะชุมชนไทยในสหรัฐอเมริกา โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เดินทางมาประชุมอาเซียน- สหรัฐ (สมัยพิเศษ) หลายคนก็จับตาว่านายกฯ จะมาพูดอะไร จะไปอยู่ข้างไหน จะไปอยู่อะไรกับใคร เราจะไปอยู่ข้างใคร ก็ต้องทำให้ดีที่สุด ทำอย่างไรประเทศของเราจะไม่เสียหาย แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพกติกาของเขาด้วย นั่นคือหลักการของเรา ไม่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ต้องว่าไปตามหลักการ  

ต่อมาในเวลา 12.00 น. ตามเวลาในสหรัฐ ที่อาคารรัฐสภา กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พล.อ.ประยุทธ์เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้นำอาเซียน โดยประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเป็นเจ้าภาพ พร้อมกล่าวถ้อยแถลงในงานเลี้ยง โดยนายกฯ กล่าวยินดีที่ได้พบผู้นําจากฝ่ายรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐที่ครบ 45 ปีในปีนี้ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างกันในทุกด้าน ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการพลิกฟื้นให้โลกกลับมาเข้มแข็ง มีสันติสุข และประชาชนมีความมั่นคงในการดำรงชีวิตในยุค Next Normal

 “การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกันถือเป็นจุดแข็งหลักของอาเซียน-สหรัฐ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนกว่า 1  พันล้านคนของอาเซียนและสหรัฐ โดยสหรัฐเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของอาเซียน เป็นคู่ค้าอันดับ 2 และนักลงทุนอันดับ 1 ของภูมิภาค ความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การผลักดันการค้าเสรี และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทาน จึงเป็นวาระสำคัญที่ทุกประเทศต้องดำเนินการอย่างจริงจังมากขึ้น”

นายกฯ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันอาเซียนมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 5 ของโลก และคาดว่าจะเติบโตเป็นอันดับ 4 ภายในปี ค.ศ.2030 อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับภาคธุรกิจ และสร้างงานให้กับชาวอเมริกันได้อีกมาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสาขาใหม่ๆ อาทิ พลังงานสะอาด อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมดิจิทัล และนวัตกรรมการแพทย์ ซึ่งสำหรับไทย ความสัมพันธ์ทวิภาคีกับสหรัฐเป็นความสัมพันธ์ทางการทูตซึ่งดำรงมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1833 และปัจจุบันสหรัฐมีการลงทุนในไทย 17 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ภาคเอกชนไทยมาลงทุนใน 26 รัฐของสหรัฐ คิดเป็นจำนวนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์

ในตอนท้าย นายกฯ ย้ำว่า ความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งระหว่างอาเซียนกับสหรัฐ ความสำคัญต่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของสองฝ่ายและของภูมิภาค และหวังว่า รัฐสภาสหรัฐจะให้การสนับสนุนและผลักดันความร่วมมือต่างๆ ในทางบวกให้ก้าวหน้าต่อไป เพื่อประโยชน์อันยั่งยืนและสมดุลของประชาชนของอาเซียนและสหรัฐ

ในเวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่โรงแรม Willard InterContinental กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมผู้นำและผู้แทนชาติสมาชิกอาเซียนพบปะผู้นำภาคเอกชนสหรัฐอเมริกา โดยมีนางจีนา เรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกา และนางแคทเธอรีน ไท่ ผู้แทนการค้าสหรัฐ เข้าร่วมด้วย

โดยนายกฯ กล่าวยินดีที่ได้มาพบหารือ ที่ผ่านมามีโอกาสพบปะและพูดคุยกับสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน (USABC) ในหลายโอกาส พร้อมชื่นชมภาคเอกชนสหรัฐที่สนับสนุน และมีส่วนร่วมที่แข็งขันในการการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียน โดยไทยให้ความสำคัญกับการสร้างพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต เพื่อให้ภูมิภาคมีการเติบโตที่เข้มแข็งและยั่งยืนในยุค Next Normal ต่อไป ซึ่งประเด็นหลักที่อาเซียนกับสหรัฐ สามารถร่วมกันผลักดันมี 3 เรื่อง หรือ 3R ได้แก่ Reconnect ส่งเสริมความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งภาคเอกชนสหรัฐสามารถมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเชื่อมโยงนี้ ผ่านการลงทุนขยายฐานการผลิตในภูมิภาค โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมใหม่ๆ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า R ที่สอง คือ Rebuild ในยุค 4IR ควรมุ่งพัฒนาและประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค ซึ่งมีศักยภาพในการขยายตัวได้ถึงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี ค.ศ.2030 พร้อมกล่าวเชิญชวนภาคเอกชนสหรัฐ ร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในอาเซียน เช่น โครงข่ายอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีคลาวด์ในอุตสาหกรรมการผลิต ดาต้าเซ็นเตอร์ และการให้บริการคอนเทนต์ และสุดท้าย Rebalance เป้าหมายของทุกภาคส่วนในเวลานี้คือการเร่งฟื้นฟูวิถีชีวิตของผู้คนและสังคม

“หัวใจสำคัญคือการรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งภาคเอกชนสหรัฐมีศักยภาพในการเข้ามาขยายการลงทุน และถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีในสาขาอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำและพลังงานสะอาดในอาเซียนได้”นายกฯ กล่าว และว่า ไทยและอาเซียนพร้อมสนับสนุนการขยายโอกาสทางธุรกิจ และขจัดอุปสรรคด้านการค้าและการลงทุนในภูมิภาคเพื่อให้ภาคเอกชนสหรัฐได้รับความสะดวกและประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเศรษฐกิจของอาเซียนและสหรัฐจะได้ก้าวหน้าไปด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

และในเวลา 16.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ได้พบหารือกับ นายลอยด์ เจ. ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกญ กล่าวหลังการหารือว่า นายกฯ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ และยินดีที่ได้มาเยือนกระทรวงกลาโหมสหรัฐ หลังจากเคยมีโอกาสได้หารือผ่านระบบโทรศัพท์ทางไกลเมื่อ 23 ก.พ.2564 โดยได้ย้ำถึงความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐที่ดำเนินมายาวนานกว่า 189 ปี และขอบคุณรัฐบาลสหรัฐที่สนับสนุนความช่วยเหลือแก่ไทยในช่วงวิกฤตโควิด-19 ซึ่งถือได้ว่าโรคระบาดถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่

นายธนกรกล่าวว่า นายออสตินได้ชื่นชมบทบาทของนายกฯ ในการนำพาประเทศไทยต่อสู้กับความท้าทายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงทั่วโลก ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงแนวทางเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีในด้านต่างๆ อาทิ การพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพและกำลังพล การฝึก/ศึกษาทางทหาร การฝึกร่วม/ผสม ความร่วมมือด้านไซเบอร์และอวกาศ และความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ตลอดจนได้หารือถึงการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมายและการปราบปรามการค้ามนุษย์

นายธนกรกล่าวว่า ส่วนของความร่วมมือในระดับภูมิภาค ไทยยินดีที่สหรัฐให้ความสำคัญกับการเพิ่มปฏิสัมพันธ์และการดำเนินบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในภูมิภาค บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ การเคารพซึ่งกันและกัน รวมทั้งยินดีที่สหรัฐสนับสนุนความเป็นแกนกลางของอาเซียน (ASEAN Centrality) ซึ่งสอดคล้องกับเอกสารมุมมองของอาเซียนต่อแนวคิดอินโด-แปซิฟิก (ASEAN Outlook on the Indo - Pacific: AOIP) ที่มุ่งเน้นความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย โดยฝ่ายสหรัฐได้ย้ำความพร้อมดำเนินบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียนต่อไป และทั้งสองฝ่ายหวังจะได้สานต่อความร่วมมือระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง

นายธนกรกล่าวว่า เมื่อเสร็จสิ้นการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐแล้ว นายกฯ ได้เดินทางไปยังทำเนียบประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ เพื่อร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำโดยประธานาธิบดีสหรัฐเป็นเจ้าภาพเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำอาเซียน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' เสียใจเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าเสียชีวิตอีกราย

นายกฯ เสียใจเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าเสียชีวิต มอบหมายผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ดูแลจัดการงานศพให้สมเกียรติ และดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตให้ดีที่สุด

รัฐบาลตีปี๊บผลงาน 'เศรษฐา' ดันส่งออกทุเรียนไทยโต!

รัฐบาลพร้อมส่งเสริมการส่งออกทุเรียนไทยไปจีนต่อเนื่อง หลังราคาทุเรียนเกรดส่งออกสูงถึง 160 บาท/กิโลกรัม ผลักดันการขนส่งผลไม้ทางบก 16 ด่าน รองรับฤดูผลไม้