รวบเพิ่มอีก9คน ‘ป๊อก’โดนม.112 ฮึ่มหยุดผมไม่ได้

ออกหมายจับเพิ่มอีก 9 คน    แก๊งทะลุแก๊สเตรียมรับมือม็อบ 17 มิ.ย.ห้าแยกลาดพร้าว "ปิยบุตร" ครวญกลายเป็นผู้ต้องหาในความผิด 112​ ทั้งที่ 10 ปี ไม่เคยหมิ่นพระบรมเดชานุภาพสักครั้ง  ด้วยจิตสำนึกและเชื่อมั่นว่าจำเป็นต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ลั่น "หยุดผมไม่ได้หรอกครับ"

  เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2565 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. กล่าวถึงการรักษาความสงบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่นัดทำกิจกรรมไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลายจุดในวันที่ 17 มิ.ย.นี้  โดยเฉพาะที่ห้าแยกลาดพร้าว โดยการนำของนายธนเดช ศรีสงคราม หรือ "ม่อน อาชีวะ" แกนนำกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชน ว่าแผนการดำเนินการจะเสริมกำลังตามความเหมาะสม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำมา ทาง บช.น.เราจะดำเนินการตามกฎหมาย การใช้กำลังก็จะดำเนินการเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมตามสัดส่วน

ในส่วนของการดำเนินคดี เจ้าหน้าที่พยายามหลีกเลี่ยง แต่ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา มาตรา 339 เกิดขึ้นแล้ว 5 คดี มีผู้ต้องหาที่พิสูจน์ทราบขอหมายจับ  วันนี้ได้ขอหมายจับเพิ่มอีก 9 คน จับกุมไปแล้ว 2 คน มอบตัว 2 คน มีผู้กระทำความผิดประมาณ 20 คน เคสสุดท้ายคืนที่ผ่านมามีการเผายางรถยนต์ บช.น.มีการรับคำร้องทุกข์ดำเนินคดีไว้ และจะพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง ปรับเข้ากับข้อกฎหมาย ถ้ามีเหตุอันควรออกหมายเรียกหรือขอหมายจับได้เลยก็จะเร่งรัดดำเนินการ

ผบช.น.กล่าวต่อว่า ด้านการข่าวของกลุ่มผู้ชุมนุม บช.น.ได้เตรียมแผนไว้รองรับดำเนินการ ถามว่าห่วงไหม เราห่วงทั้งหมด โดยเฉพาะที่เป็นเยาวชน เป็นห่วงอนาคต ถ้าใช้ความรุนแรงเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย อยากให้ตระหนักรู้ตระหนักคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นภายหลัง ในส่วนของคดีความ การดำเนินคดีเป็นสิ่งสุดท้ายที่ต้องรักษากฎหมายไว้  ฝากไปยังผู้ปกครองให้ดูแลลูกหลาน อย่าให้ถูกชักจูงมาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในส่วนของการใช้ความรุนแรง แต่ส่วนอุดมการณ์ก็ว่ากันไป

ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ "Piyabutr Saengkanonkul" ของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า แจ้งว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสถานีตำรวจนครบาลดุสิต ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ลงวันที่ 1 มิ.ย.2565 ให้ผมไปพบ “คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน” เนื่องจากผมเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐาน “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์”

 กรณีนี้ ร้องทุกข์กล่าวโทษโดยนายเทพมนตรี ลิมปพยอม ลงนามออกหมายเรียกโดย พ.ต.ท.พิชัย มีอัฐมั่น รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สน.ดุสิต​ หมายเรียกให้ผมไปพบคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในวันอาทิตย์ที่ 12 มิ.ย. แต่เนื่องจากผมและทนายความติดภารกิจ จึงขอเลื่อนไปเป็นวันจันทร์ที่ 20 มิ.ย. เวลา 10.00 น.

ผมนำเสนอความเห็นทางวิชาการ เขียน อภิปราย เกี่ยวกับประเด็นการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ และเสนอให้มีการแก้ไขปรับปรุงกฎเกณฑ์ทางกฎหมายที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ทั้งในระดับรัฐธรรมนูญและระดับพระราชบัญญัติมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี ตั้งแต่สมัยยังเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนกระทั่งเข้าสู่แวดวงการเมือง 

 ตลอดเวลามากกว่า 10 ปี จนถึงปัจจุบัน ไม่มีการแสดงความเห็น การเขียน การพูดของผมครั้งใดที่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่างแน่นอน

 ผมแสดงความเห็นในเรื่องเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ก็ด้วยจิตสำนึกและเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ แก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย เพื่อรักษาประชาธิปไตย และรักษาสถาบันกษัตริย์ให้ดำรงอยู่รอดปลอดภัยภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป กำลังเผชิญกับความท้าทายของยุคสมัย​ ไม่มีความเห็นใดของผมที่ต้องการเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐ ไม่มีความเห็นใดของผมที่หมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์​ มีแต่ความเห็นที่ปรารถนาดีต่อสังคมไทย ต้องการให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่ทำให้ทุกคนทุกรุ่นทุกวัย ทุกความคิดเห็นที่แตกต่างกัน สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ โดยยังคงรักษาสถาบันกษัตริย์ไว้ได้ต่อไป

 ตลอดชีวิตของผม ไม่เคยเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา จนกระทั่งเข้าสู่แวดวงการเมือง ก่อตั้งพรรคการเมือง ผมจึงได้เป็นผู้ต้องหาครั้งแรกในคดีดูหมิ่นศาล และความผิดอาญาทางคอมพิวเตอร์ และเป็นจำเลยครั้งแรกในคดีความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะและความผิดฐาน “ยุยงปลุกปั่น” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

 ในส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นี่เป็นครั้งแรกที่ผมถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ กลายเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานนี้​ ไม่ต้องคิดอย่างสลับซับซ้อนก็คงตอบได้ว่า สถานะผู้ต้องหาและจำเลยในคดีเหล่านี้ ผมได้มาก็เพราะสัมพันธ์กับบทบาททางการเมือง​ บรรดา “นักร้อง” Hyper Royalist/Ultra Royalist ฟ้องผมในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพราะต้องการหยุดไม่ให้ผมพูด 

 แต่หยุดผมไม่ได้หรอกครับ ผมจะเดินหน้าแสดงความเห็นทางวิชาการ รณรงค์ข้อเสนอต่างๆ เกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ต่อไป เพื่อพิสูจน์ว่าความเห็นและข้อเสนอแบบผมต่างหากที่จะช่วยรักษาสถาบันกษัตริย์ให้อยู่รอดปลอดภัยในยุคปัจจุบัน พฤติกรรมของพวกเขาต่างหากที่จะผลักดันสังคมไทยไปถึงทางตัน และไม่เป็นคุณต่อสถาบันกษัตริย์ ผมจะไปพบคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนที่ สน. ดุสิต ในวันจันทร์ที่ 20 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. แล้วพบกันครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง