ไล่ตู่จบแค่อนุสาวรีย์ชัยฯ รังสิมันต์โผล่อุ้มปิยบุตร!

เริ่มเข้าอีหรอบเดิม ม็อบไล่บิ๊กตู่จัดอีเวนต์รายสัปดาห์ คาร์ม็อบไปบ้านประยุทธ์ แต่สุดท้ายจอดแค่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ “รังสิมันต์” โดดป้อง “ปิยบุตร” ไม่ควรโดนมาตรา 112 กลั่นแกล้ง โวยให้เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เมื่อวันอาทิตย์ กลุ่มประชาชนปฏิรูป นัดหมายชุมนุม "คาร์ม็อบไปบ้านประยุทธ์" จากหลักกิโลเมตรที่ 0 อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปยังกรมทหารราบที่ 1 (ร.1 ทม.รอ.) ถนนวิภาวิดีรังสิต ตั้งแต่เวลา 16.00 น. โดยที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวในเรื่องนี้ว่า เจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อมในการปฏิบัติ และฝากไปยังผู้จัดการชุมุนม การที่มาชุมนุมแบบนี้กระทบกับคนที่ใช้รถใช้ถนน การเรียกร้องสิทธิไม่ควรกระทบสิทธิคนอื่น ในส่วนของพื้นที่ที่จะจัดให้มีการชุมนุม ที่ทางนายชัชชาติ สัทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) บอกไว้ จะได้ประสานร่วมมือกันอีกที

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. กล่าวว่า ฝากไปยังประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน แม้เป็นวันอาทิตย์ก็ตาม การชุมนุมที่เป็นลักษณ์คาร์ม็อบ จุดที่หลีกเลี่ยงคืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยในจุดของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หลีกเลี่ยงถนนราชดำเนินการ ถนนดินสอ ส่วนเส้นทางของการเคลื่อน คาดว่าจะใช้เส้นทางถนนนครสวรรค์ ถนนพิษณุโลก ถนนเพชรบุรี ตลอดจนถึงแยกราชเทวี เลี้ยวซ้ายถนนพญาไท จนถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป อีกจุดที่ได้รับผลกระทบคืออนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนที่จะได้รับผลกระทบคือถนนราชวิถี ถนนอโศกดินแดง ถนนพหลโยธินซอย 2 ตลอดไปจนถึงใต้ด่วนดินแดง และมีการก่อเหตุบริเวณแยกดินแดง ควรหลีกเลี่ยงอุโมงค์ใต้ด่วนดินแดง ลงด่วนดินแดง ถนนวิภาวดีขาเข้า-ออก สามารถสอบถามการจราจรได้ที่ 1179 ตลอด 24 ชม.

“ขอประชาสัมพันธ์ เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมอาจมีการเคลื่อนที่ไปอีกจุดที่ไม่ได้แจ้งไว้ก่อน อาจส่งผลกระทบได้เช่นเดียวกันกับวันศุกร์ที่ 17 มิ.ย. จากกระทรวงพลังงานใหม่ถนนวิภาวดีฯ มาที่กระทรวงพลังงานเก่าที่ถนนพระราม 1 ก่อนถึงการชุมนุมประมาณ 2 ทางแยกขอให้พิจารณาเลี่ยงเส้นทาง จะได้รับผลกระทบน้อยที่สุด”

ในเวลา 14.45 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ประมาณ 2 กองร้อย พร้อมเสื้อเกราะและอาวุธ ยืนตั้งแถวรับคำสั่งปฏิบัติงานหน้าร้านแมคโดนัลด์ สาขาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยผู้บังคับบัญชาได้ชี้แจงจุดที่จะต้องไปประจำการ และหน้าที่ ขณะที่มวลชนทยอยเดินทางมารวมตัวอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มที่มาก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้ามาจอดรถยนต์และจักรยานยนต์ที่จะใช้ร่วมขบวนไว้ที่ริมฟุตปาธ ก่อนเจ้าหน้าที่นำรถเคลื่อนที่เร็วจำนวนมากมาจอดเรียงตามแนวฟุตปาธหน้าร้านแมคฯ ส่งผลให้ผู้ชุมนุมไม่สามารถเข้ามาจอรอขบวนได้ ทั้งนี้ มีรายงานว่า พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะเดินทางไปสังเกตุการณ์การชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิไตยด้วย

ต่อมาเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ขึ้นประจำรถกระบะเคลื่อนที่เร็ว และกระจายตัวไปประจำยังจุดที่ได้รับมอบหมาย ขณะที่บรรยากาศอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝั่งร้านเมธาวลัย ศรแดง และถนนดินสอ มีรถเคลื่อนที่เร็วจำนวนมากจอดเตรียมการอยู่ตลอดแนว ผู้ชุมนุมจึงตกลงกันว่าจะย้ายไปชุมนุมยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแทน

ต่อมาเวลา 15.45 น. กลุ่มประชาชนปฏิรูปได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่าประกาศย้ายจุดรวมพล เจอกันอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งเกาะพญาไท นอกจากนี้มีผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งได้ทวีตข้อความว่า หากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการสลายการชุมนุม เราจะโต้ตอบกลับทันที!

เวลา 16.45 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินเท้าจากอนุสารีย์ชัยสมรภูมิไปที่แยกดินแดง มวลชนส่วนมากเป็นผู้สูงอายุทั้งชายหญิงประมาณ 50 คน ถือป้ายแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ยกเลิกมาตรา 112 และเรียกร้องให้ปล่อยมวลชนที่ถูกจับกุม พร้อมตะโกนปล่อยเพื่อนเรา ทำให้การจราจรเริ่มติดขัด ขณะที่การรักษาความสงบเจ้าหน้าที่ได้ตั้งแนวและปิดการจราจรที่หน้าบริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ฯ ก่อนถึงแยกดินแดง ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมข้ามถนนไปเดินขบวนฝั่งถนนดินแดงขาเข้า มุ่งหน้าที่แยกดินแดง แต่กำลังควบคุมฝูงชนประมาณ 2 กองร้อยเข้าบล็อกพื้นทันที พร้อมประกาศแจ้งเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมว่าการกระทำดังกล่าวผิดต่อกฎหมายพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และพระราชบัญญัติสาธารณสุข ให้ยุติการชุมนุม ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจต่างตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่ด้วยคำหยาบคาย แต่ยังไม่มีเหตุความรุนแรงแต่อย่างใด 

ส่วนบรรยากาศอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายโชคดี ร่มพฤกษ์ หรืออาเล็ก กลุ่มศิลปินเพลงเพื่อราษฎร ขับกล่อมบทเพลงที่มีเนื้อหาประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ และเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักกิจกรรมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยมวลชนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยทยอยมาสมทบบริเวณหลังป้ายรถประจำทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เกาะพญาไท ต่อมาในเวลา 18.30 น. ที่บาทวิถี บริเวณแยกดินแดง กลุ่มผู้ชุมนุมได้รวมตัวยืนชู 3 นิ้ว พร้อมร่วมกันเปล่งเสียงตะโกน ปล่อยเพื่อนเรา ปล่อยผู้บริสุทธิ์ คืนสิทธิการประกันตัว ยกเลิก 112 รวมทั้งหมด 3 ครั้ง ก่อนตัวแทนจะประกาศยุติการชุมนุมในทันที โดยไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงหรือเผชิญหน้าปะทะกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด

วันเดียวกัน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงข่าวถึงกรณีการแจ้งดำเนินคดีอาญาตาม มาตรา 112 ต่อบุคคลสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ กรณีที่มีการโฆษณาสินค้าในแอปพลิเคชันลาซาด้า รวมกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ว่าการตีความประกอบคดี โดยเฉพาะคดีตามมาตรา 112 จำเป็นต้องตีความอย่างเคร่งครัด และต้องชี้ให้ชัดว่ากรณีแบบไหนมีความผิด เพราะสิ่งที่บุคคลเหล่านี้แสดงออกหรือสะท้อนความคิดเห็นผ่านสื่อต่างๆ ไม่มีทางเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 ได้เลย

นายรังสิมันต์กล่าวเพิ่มเติมว่า นายปิยบุตรเป็นนักวิชาการกฎหมายมาหลายสิบปี ไม่เคยถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 แต่เมื่อเข้าสู่การเมือง กลับมีคดีติดตัว จึงเป็นข้อสังเกตว่า สรุปแล้วการดำเนินคดีตามมาตรา 112 เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองใช่หรือไม่ จึงอยากใช้โอกาสนี้ในการเตือนสติผู้มีอำนาจว่า หากปล่อยให้ใช้ มาตรา 112 แบบนี้ต่อไป จะยิ่งไม่ส่งผลดีต่อพระมหากษัตริย์ ขอวิงวอนให้หยุดใช้ มาตรา 112 เป็นเครื่องมือในการจัดการผู้เห็นต่าง

นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า ขณะนี้ประเทศไทยใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วยเหตุผลเพื่อควบคุมการระบาดโควิด-19 มานานกว่า 2 ปีแล้ว แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้เพิ่งมีการประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ให้ยกเลิกการบังคับใส่หน้ากากอนามัยในที่โล่งแจ้งได้ นี่คือตัวชี้วัดว่าสถานการณ์โควิดผ่อนคลายลงมากแล้ว แต่การประชุมครั้งล่าสุดกลับไม่มีการพูดถึงการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงอยากฝากไปยังนายกฯ ว่าท่านจะเก็บ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ทำไม เพราะสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับโรคระบาดผ่อนคลายแล้ว สามารถใช้ พ.ร.บ.ควบคุมโรคก็เพียงพอ จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องใช้กฎหมายพิเศษ การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยืดเยื้อเช่นนี้ จึงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเพื่อนำมาปกป้องอำนาจของตัวเอง และใช้เป็นเครื่องมือดำเนินคดีทางการเมืองกับประชาชนที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องในประเด็นต่างๆ

“ถึงเวลาแล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และใช้กฎหมายปกติ ขณะนี้มีประชาชนที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องหลายปัญหา รวมถึงเรื่องปากท้อง น้ำมันขึ้นราคา ซึ่งเป็นการออกมาเรียกร้องและเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชน ในฐานะที่เป็นนายกฯ ต้องรับฟัง อย่าใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อรังแกประชาชน แต่หากยังดึงดันใช้กฎหมายพิเศษแบบนี้ต่อไป ก็ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินสามารถบรรเทาสถานการณ์โควิดหรือแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนได้อย่างไร” นายรังสิมันต์ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์