ปลื้มเปิดประเทศ 15วันประเมินผล สถานบันเทิงมีลุ้น

"บิ๊กตู่" ปลื้มเสียงตอบรับเปิดประเทศ เชื่อช่วยทำ ศก.ฟื้นตัว “เลขาฯ สมช.” ถกภาคเอกชนแจงแผนเปิด ปท. ลั่นดื่มแอลกอฮอล์แค่ 3 ทุ่ม ต้องทำได้จริง ไม่มีอะลุ่มอล่วย ขอ ปชช.ร่วมมือ 15 วันประเมินผลคลายล็อกเพิ่ม “ปธ.หอการค้าฯ” ตั้งเป้าปีหน้านักท่องเที่ยว 10 ล้านคน ศบค.เผยติดเชื้อโควิดเพิ่ม 7,574 ราย เสียชีวิต​ 78 ราย​ ปัตตานีน่าห่วงป่วย​ 631​ ราย "อนุทิน" ชง ครม. ซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ 2 ล้านเม็ด

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจร่วมประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26) ที่สกอตแลนด์ กล่าวถึงกรณีผู้นำต่างประเทศชื่นชมการเปิดประเทศของไทยว่า ฝากไปถึงคนไทยและขอบคุณชาวต่างประเทศด้วย ได้ข่าวว่าเข้ามาเยอะพอสมควร หลาย 10 เที่ยวบิน ต้องขอบคุณ ซึ่งเขาก็ยินดีกับการต้อนรับ และตนได้ไล่เช็กไปว่าการอำนวยความสะดวกเป็นอย่างไร ก็รวดเร็วขึ้น ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้รายงานความรวดเร็วในการดำเนินขั้นตอนต่างๆ อย่างเวลาที่กะไว้ 30 นาทีเกินไป 15 วินาที ตนเช็กอย่างนี้เลย ก็คิดว่าจะต้องดีขึ้น

"สิ่งสำคัญที่สุดคนไทยทุกคนต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดี รับแขกให้ดี และตัวเองต้องระวัง ไม่อย่างนั้นก็จะหยุดอีก อันนี้เป็นสิ่งที่นายกฯ คุมไม่ได้ ฉะนั้นทุกคนต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อจะได้เดินหน้าประเทศได้ การท่องเที่ยวจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ เศรษฐกิจดีขึ้น ค้าขาย บริการ ท่องเที่ยวมันดีไปหมดตลอดห่วงโซ่ ไม่ใช่ให้เฉพาะคนรวย เหล่านี้เอาวัตถุดิบมาจากไหน โรงแรม อาหารเครื่องดื่ม มาจากไหน เจ้าหน้าที่ บริการ บริกรเท่าไหร่ รถขนส่ง แท็กซี่ นี่เรียกว่าเป็นก้อน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ถามว่าเห็นอย่างนี้แล้วนายกฯ มีกำลังใจที่จะกลับไปทำงานใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า มีๆ ไม่ว่าจะอะไรมาทั้งสิ้นนายกฯ มีหมด เขาเรียกว่าเพื่อประชาชน อุปสรรคมีไว้ให้แก้ไข และเป็นกำลังใจให้ก้าวข้าม

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เสริมว่า นายกฯ ชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ประชาชน ผู้ประกอบกิจการกิจกรรมต่างๆ ที่มีส่วนร่วมกันทำให้ภาพรวมการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยววันแรกจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ 63 ประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เช่นเดียวกับภาพรวมการเปิดเรียนวันแรกทั่วประเทศ ก็ที่น่าพอใจ โดยครู ผู้ปกครองและนักเรียน ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการ sandbox safety zone in school ซึ่งคาดว่าจะสามารถทยอยเปิดโรงเรียนที่มีความพร้อมเพิ่มเติมได้อีกในระยะต่อไป

ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาฯ สมช. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เป็นประธานประชุมร่วมกับภาคเอกชน เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับแผนการเปิดประเทศและสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนนโยบายเปิดประเทศ โดยมีภาคเอกชนและตัวแทนหน่วยงานรัฐเข้าร่วม อาทิ สมาคมภัตตาคารไทย, สมาคมผู้ค้าปลีก, สมาคมสปาไทย, สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ, สมาคมศูนย์การค้าไทย, สมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์, สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์, กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงมหาดไทย, กรุงเทพมหานคร และกรมการขนส่งทางบก เป็นต้น

15 วันประเมินผลเปิด ปท.

พล.อ.สุพจน์กล่าวหลังการประชุมว่า ผลการประชุมสำเร็จได้ด้วยดี ได้ประโยชน์จากทุกภาคส่วนที่ได้ให้ข้อมูลและข้อเสนอแนะมา ทั้งนี้ เราได้ประกาศเตือนก่อนเปิดประเทศจริงตั้งแต่กลางเดือน ต.ค. และเปิดอย่างเป็นทางการวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งในขั้นเตรียมการ เราได้เห็นปัญหาบางประการ วันนี้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ให้ข้อคิดและข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไขปรับปรุงในส่วนที่จำเป็นต้องทำ เพื่อให้การเปิดประเทศเป็นไปอย่างเรียบร้อยและประชาชนปลอดภัย เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ ผู้ประกอบการสามารถประกอบการต่อไป ซึ่งจะพาให้เศรษฐกิจโดยรวมสามารถเดินหน้าต่อไปได้

"ปัญหาที่พบเมื่อวันที่ 1 พ.ย. เป็นในส่วนของขั้นตอนที่เล็กน้อย คือปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามา อะไรที่ขาดวันนี้ก็ได้สั่งการเพิ่มเติมไปแล้วเพื่อให้เกิดความสะดวกมากขึ้น อีกทั้งยังพบกลุ่มบุคคลเปิดเว็บไซต์เลียนแบบเว็บไซต์ของทางราชการ เราจะแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยจะเข้าไปตรวจสอบดำเนินการตามกฎหมาย ขณะเดียวกันภาครัฐจะพยายามสร้างเว็บไซต์เป็นช่องทางสื่อสารหลักของรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดความสะดวกและเป็นทางการ" พล.อ.สุพจน์กล่าว

เลขาฯ สมช.กล่าวว่า ในส่วนร้านอาหารต้องการทราบมาตรการผ่อนคลาย ตามมาตรฐานที่ทาง กทม., สธ.และจังหวัดกำหนด โดยที่ประชุมได้แก้ไขด้วยการจัดทีมเชิงรุกไปสร้างความเข้าใจให้ร้านอาหารและสถานประกอบการทั่วไปที่ยังไม่มีมาตรฐานสาธารณสุข หรือ sha ให้มีมาตรฐานดังกล่าว รวมถึงส่วนที่มีมาตฐาน sha อยู่แล้ว ก็ให้เพิ่มความเร่งด่วนในการสร้างมาตรฐานให้เป็น sha พลัส ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้งหมดในร้านจะต้องได้รับการฉีดวัคซีน

"พื้นที่ของ กทม.เป็นพื้นที่เป้าหมายเร่งด่วนสูงสุดในการทำให้กิจการได้มาตรฐาน sha ซึ่งยอมรับกิจการที่ได้รับมาตฐาน sha ในพื้นที่ กทม.ยังน้อยอยู่ เราจะเร่งพิจารณาในเรื่องนี้ต่อไป ส่วนร้านอาหารที่ยังไม่ได้รับมาตรฐาน sha เจ้าหน้าที่ก็จะเข้าไปแนะนำการพัฒนาเพื่อให้ได้รับมาตรฐาน" เลขาฯ สมช.กล่าว

ถามว่า ข้อจำกัดอนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึงเวลา 21.00 น. โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. จะสามารถปฏิบัติได้จริงหรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ต้องทำได้จริง แต่อาจจะยังมีความไม่เข้าใจ อาจจะมีความต้องการ แต่เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งหมดจะต้องเข้าไปขอความร่วมมือให้ช่วยกันทำให้ได้ เพราะถ้าทำไม่ได้ แล้วเราควบคุมไม่ได้ อาจทำให้เกิดปัญหา เกิดความเสียหายเช่นเดิมอีก ดังนั้นต้องพยายามทำให้ได้โดยอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจถึงความจำเป็น ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่จะไม่อะลุ่มอล่วย ถ้าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบตรวจพบครั้งแรกคงต้องเตือนก่อนในเบื้องต้น และถ้ายังไม่เชื่อฟังก็คงต้องใช้กฎหมายเข้าไปดำเนินการ”

พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการเปิดประเทศ ศปก.ศบค.ดูในสองประเด็นคือ ในส่วนของประชาชนปฏิบัติตามมาตรการของ สธ.ได้ดีแค่ไหน โดยจะต้องป้องกันตัวเองตามมาตรการ โดยเฉพาะการดำเนินกิจกรรมที่เราผ่อนคลายต้องทำด้วยความระมัดระวัง ในส่วนที่เป็นกิจการหรือกิจกรรมต้องใช้มาตรการของ สธ. ในเรื่องของโควิดฟรีเซตติง สถานที่ทุกอย่างต้องพร้อม พนักงานต้องได้รับวัคซีน เพื่อให้มีความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้บริการ

"ปกติ ศปก.ศบค.จะประเมินสถานการณ์ในทุก 2 วันอยู่แล้ว และมีการรายงานทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ แต่ในภาพใหญ่เรากำหนดระยะเวลา 15 วันในการประเมิน เพื่อพิจารณาดูว่าหลังเปิดในลักษณะนี้แล้วสถานการณ์ในแต่ละด้านเป็นอย่างไร ทีมของ สธ.และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ทั้งเรื่องของการท่องเที่ยว กระทรวงมหาดไทย จะช่วยกันพิจารณาดูว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ถ้าเป็นไปด้วยดีได้รับความร่วมมืออย่างดีมาตรการต่างๆก็จะค่อยๆผ่อนคลายลงตามระยะไปเรื่อยๆ วันนี้พูดได้ว่าภายใน 15 วัน ถ้ามาตรการต่างๆ ได้รับการสนองและร่วมมือเป็นอย่างดี เราก็อาจจมีข่าวดีว่ามาตรการที่หลายคนอยากให้ผ่อนคลายจะได้รับการตอบสนอง ยกเว้นในส่วนของผับบาร์เรายังไม่เปิด โดยเราใช้หลักเกณฑ์หลายปัจจัยในการพิจารณา ทั้งจำนวนคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อจำนวนผู้ได้รับวัคซีน ซึ่งขณะนี้ทำได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ รวมถึงอัตราการครองเตียงของผู้ติดเชื้อและขีดความสามารถด้านสาธารณสุขทั้งหมด”พล.อ.สุพจน์ระบุ

ชง ครม.ซื้อโมลนูพิราเวียร์

ซักว่าจะมีข่าวดีให้กับสถานบันเทิงผับบาร์ได้เมื่อไหร่ ผอ.ศปก.ศบค.กล่าวว่า กลางเดือน พ.ย.นี้จะมีการประเมินกันอีกครั้งว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวทั้งหมด ซึ่งมีความพร้อมเรื่องมาตรฐานสาธารณสุขเป็นความเร่งด่วนแรก ส่วนพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศเรามีการประเมินอยู่ตลอดอยู่แล้ว สรุปหากสถานการณ์ในพื้นที่ใดดี และมีความพร้อมเราก็จะทยอยเปิดเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว โดยระบบต่างๆ จะถูกประเมินตามขั้นตอนต่อไป

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานสภาหอการค้าไทย กล่าวถึงกรณีผู้ประกอบการเสนอให้ขยายระยะเวลาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านว่า ศบค.ต้องประเมินตามสถานการณ์ ซึ่งหากสถานการณ์ดีขึ้น ก็อาจมีการขยับจาก 21.00 น.เป็น 22.00 น. และอาจขยับไปอีกเป็น 23.00 น.

"หลังเปิดประเทศประเมินว่าเดือน พ.ย.จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 3 แสนคน และเดือน ธ.ค.อีกประมาณ 3 แสนคน ก็จะเป็น 6 แสนคน และถ้าประสบผลสำเร็จคิดว่าปีหน้าเราอาจจะได้หวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 10 ล้านคน" ประธานสภาหอการค้าไทยกล่าว

วันเดียวกัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,574 ราย จากในประเทศ 7,049 ราย ระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,793 ราย ค้นหาเชิงรุก 256 ราย เรือนจำ 515 ราย มาจากต่างประเทศ 10​ ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 1,927,763 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 8,279 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสม 1,809, 981 ราย อยู่ระหว่างรักษา 98,444 ราย อาการหนัก 2, 219 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 473 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 78 ราย เป็นชาย 47 ราย หญิง 31​ ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 56​ ราย มีโรคเรื้อรัง 13​ ราย พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ใน กทม. 11​ ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 19,338 ราย ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 1​ พ.ย.มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 515,839 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสม 76,226,116​ โดส​

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 2 พ.ย. ได้แก่ กทม. 789 ราย, ปัตตานี​ 631​ ราย,​ นครศรีธรรมราช 407 ราย, สงขลา 401 ราย, ตรัง​ 298 ราย, เชียงใหม่ 271 ราย, ชลบุรี​ 264 ราย, ​ นราธิวาส 211 ราย​, พัทลุง​ 200​ ราย, สมุทรปราการ 187 ราย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อจัดซื้อยาโมลนูพิราเวียร์จำนวน 50,000 คอร์สการรักษา หรือ 2 ล้านเม็ดเพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด อย่างไรก็ดี ไม่อยากให้ทุกคนกังวลเกี่ยวกับตัวเลขผู้ติดเชื้อ เพราะท้ายสุดนักวิชาการทั่วโลก เชื่อว่าโควิดจะค่อยๆ กลายเป็นโรคประจำถิ่นเมื่ออยู่ไปอีกนาน 5-10 ปี ตัวเลขผู้ป่วยต้องเพิ่มขึ้น ฉะนั้นอย่ากังวลเรื่องตัวเลข แต่ให้มองที่การรักษาพยาบาล

ส่วน นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงการขยายช่วงอายุในการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ว่า ขณะนี้ อย.ยังอนุญาตให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป ขนาด 30 ไมโครกรัมต่อโดส แต่ล่าสุดองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (US FDA) ได้อนุมัติให้ใช้ในกลุ่มอายุ 5-11 ขวบ ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ใช้ขนาด 1 ใน 3 ของโดส ที่ใช้ในอายุ 12 ปีขึ้นไป หรือ 10 ไมโครกรัม

"สัปดาห์นี้ศูนย์ควบคุมโรค (ซีดีซี) สหรัฐ จะหารือกันว่าจะออกข้อกำหนดการใช้อย่างไร ส่วนประเทศไทย อย.ก็เชิญให้บริษัท ไฟเซอร์ ไทยแลนด์ ติดตามการอนุมัติใช้ในยุโรปในหน่วย ENA ที่เหมือนกับหน่วยเอฟดีเอ สหรัฐ เพื่อให้ส่งมาที่ไทยด้วย พร้อมประสานกับกรมควบคุมโรคไทยแล้ว คาดว่าไทยก็จะอนุมัติใช้ในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยจะมีคณะกรรมการวิชาการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคจะหารือกันในส่วนนี้เพื่อจะใช้วัคซีนในเด็กต่อไป" เลขาฯ อย.กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' อวดคนอีสาน 10 เดือน ผลงานเพียบ ไตรมาส 4 ได้เงินหมื่นแน่

นายกฯ พบชาวหนองพอก อวดผลงาน 10 เดือน ราคาพืชผลการเกษตรดี ยันเร่งแก้ปัญหาน้ำประปา ปราบหนี้นอกระบบให้หมด ย้ำ 'ดิจิทัล วอลเล็ต' ไตรมาส 4 ได้แน่