กอ.รมน.แจงตั้งส.ต.ท.หญิง แฉฝากช่องทางพิเศษอื้อ!

ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ส่งตัวแทนเข้าแจง กมธ.การทหาร ปม "ส.ต.ท.หญิงโหด" คนสนิท ส.ว.ทำทารุณทหาร “เต้” คุยลั่นแค่เคสตัวอย่าง เผยมีโผนายพลฝากลูกหลาน-สาวคนสนิท เข้ารับราชการช่องทางพิเศษอีกเพียบ ไม่เชิญ "ธานี อ่อนละเอียด" ชี้แจง เพราะคณะ กมธ.ป.ป.ช.เชิญแล้ว ส่วน "บิ๊กป้อม" ไม่มีปัญหา สภาฯ เรียกสอบ 2 น้องชาย

เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) เตรียมเรียกสอบน้องชายทั้ง 2 คน คือ พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ปมการแต่งตั้ง ส.ต.ท.หญิงเข้าทำงาน โยง "บัญชีทหารผี" ว่า ก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลก็ว่าไป ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไปเต็มที่

เมื่อถามถึงมีการแอบอ้างว่ารู้จักกับคนสนิทของ พล.อ.ประวิตร รองนายกฯ กล่าวว่า "ก็ว่าไป" เมื่อถามย้ำว่ากังวลหรือไม่ที่มีการแอบอ้างชื่อตนเอง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "เขามีคณะกรรมการอยู่แล้ว เขาก็ดำเนินการไปได้เต็มที่ ไม่มีปัญหาอะไร"

ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยก่อนการประชุมคณะ กมธ.ฯ กรณี ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ บัวแย้ม ตำแหน่งผู้บังคับหมู่กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ปัจจุบันช่วยราชการ กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า) ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำทารุณกรรมทหารหญิง ว่า การประชุมคณะ กมธ.ฯ วันนี้ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) มอบหมายให้ พล.อ.อ.สุวรรณ ขำทอง รองเสนาธิการทหาร และ พล.ท.สุรสีห์ ดรุณสาสน์ เจ้ากรมกำลังพลทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นตัวแทนชี้แจง ขณะที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) มอบหมายให้ พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพน้อยที่ 4 ในฐานะรอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเข้าชี้แจง

อย่างไรก็ตาม วันที่ 31 ส.ค. ส.ว.คนดังกล่าวยอมรับแล้วว่าเคยสนิทสนมกับ ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ ซึ่งต้องพิจารณาต่อว่ามีการใช้เส้นสายในการแต่งตั้งเข้ารับราชการหรือไม่ หากไม่มีการใช้เส้นสายก็ไม่ผิด แต่หากมีก็สามารถเอาผิดตามประมวลจริยธรรม และความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ซึ่งกรณีการใช้เส้นฝากลูกหลาน หรือคนสนิทเข้ารับราชการยังมีอีกหลายกรณี สำหรับกรณีที่คณะ กมธ.การทหารกำลังดำเนินการตรวจสอบ ถือเป็นกรณีตัวอย่าง ซึ่งต้องขยายผลต่อไป

 “ผมมีชื่อนายพลอีกหลายคนที่ฝากลูกฝากหลานเข้ารับราชการด้วยวิธีพิเศษ ลูกหลานจริงๆ บ้าง สาวคนสนิทบ้าง ถ้าเปิดรายชื่อก็พังทั้งระบบ และแม้ว่าประธานคณะ กมธ.การทหารจะอยู่พรรคพลังประชารัฐ ก็ต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา” นายมงคลกิตติ์กล่าว

เมื่อถามว่า จะมีการเชิญนายธานี อ่อนละเอียด ส.ว. มาชี้แจงต่อ กมธ.หรือไม่ นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า กมธ.สามารถเชิญได้ แต่เชื่อว่าท่านคงไม่มา ทั้งนี้ คณะ กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ ได้เชิญนายธานีเข้าชี้แจงแล้ว ซึ่งมีความน่าเชื่อถือได้ โดย กมธ.ป.ป.ช.มุ่งไปทางเรื่องการทุจริต ส่วน กมธ.การทหารจะมุ่งเน้นไปที่การปฏิรูประบบราชการ อย่างไรก็ตาม เมื่อ กมธ.ได้ข้อสรุป สามารถชี้แจงและเสนอแนะไปยังรัฐบาลเกี่ยวกับการบรรจุแต่งตั้งข้าราชการ ส่วนจะเอาผิดบุคคลใดได้หรือไม่นั้น ต้องดูรายละเอียด ซึ่งเชื่อว่ามีคนผิดอยู่แล้ว

ต่อมานายมงคลกิตติ์แถลงหลังประชุมว่า จากการชี้แจงของ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า มี 2 ประเด็นคือ กรณีของ ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ และกรณี ส.ท.หญิงปัทมา ศิริรัตน์ อดีตทหารกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งการบรรจุเข้ารับราชการตำรวจของ ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ เกิดขึ้นในปี 2560 คงต้องไปคำนวณกันเองว่าในปีนั้นใครเป็น ผบ.ตร. โดยเท่าที่ทราบจะมีคณะกรรมการสอบสัมภาษณ์ ดังนั้น กมธ.คงต้องขอเรียกดูเอกสารการสอบสัมภาษณ์ดังกล่าวเพิ่มเติม และหลังจากบรรจุแล้ว เดือน ก.พ.2565 ได้ย้ายไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าด้วยความสมัครใจ แต่ปรากฏว่าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข ทางหน่วยจึงได้เรียกเงินคืนสิทธิประโยชน์ในส่วนของเบี้ยเสี่ยงภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประมาณ 1.1 แสนบาท แสดงว่าเจ้าตัวไม่ได้มีการปฏิบัติหน้าที่จริง โดยต้นสังกัดคือตำรวจสันติบาลต้องมีหนังสือชี้แจงเรื่องการไปช่วยราชการ เพราะถือว่ามีการรับเงินเดือนซ้ำซ้อน

ส่วนกรณีของ ส.ท.หญิงปัทมาบรรจุเข้ารับราชการที่โรงเรียนฝีมือช่างทหาร เป็นพนักงานธุรการ จากนั้นในปี 62 คณะกรรมาธิการวุฒิสภาได้เรียกให้ไปช่วยราชการทันที โดยทำหนังสือ 2 ครั้ง ทั้งในปี 2562 และปี 2563 ระบุจนกว่าการช่วยราชการจะสิ้นสุด ซึ่งยังต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยกรรมาธิการฯ ได้ขอหนังสือเพิ่มเติมไปว่า หนังสือดังกล่าวที่ขอช่วยราชการมีลักษณะเป็นแบบใด จึงสอบถามไปยังกองบัญชาการกองทัพไทยว่า การบรรจุแต่งตั้งคัดเลือก ส.ท.หญิงปัทมา ที่โรงเรียนช่างฝีมือทหารก็สามารถตรวจสอบได้ เพราะอยู่ภายใต้สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย โดยปี 2561 พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ เป็น ผบ.ทสส.

โดยกรรมาธิการฯ ขอข้อมูลเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการที่สอบสัมภาษณ์ครั้งนั้นมีกี่คน และเปิดรับสมัครจำนวนเท่าใด มีเงื่อนไขใด รวมทั้งข้อคิดเห็นเหตุผลว่าทำไมถึงรับ ส.ท.หญิงปัทมา อีกทั้งต้องตรวจสอบว่าคณะกรรมาธิการวุฒิสภามีการออกเงินเดือนในระหว่างปฏิบัติช่วยราชการหรือไม่ เพราะปกติการขอตัวช่วยราชการ ทางต้นสังกัดต้องมีหนังสืออนุมัติ เพราะต้นสังกัดเดิมยังต้องจ่ายเงินเดือน จึงต้องดูการเกษียณหนังสือเป็นอย่างไร และกรรมาธิการฯ ได้ถามถึงสาเหตุที่ลาออกจากราชการ โดยเจ้ากรมกำลังพล กองบัญชาการกองทัพไทยชี้แจงว่า มีการยื่นลาออกตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค.65 และอนุมัติวันที่ 11 ส.ค.2565 ตนจึงถามว่าเอกสารดังกล่าวมีการทำย้อนหลังหรือไม่ โดยทางกรรมาธิการได้ขอภาพวงจรปิดและขอตรวจสอบเอกสารลายเซ็นจริงว่ามีการเซ็นมาแล้วกี่วัน มีการเซ็นย้อนหลังหรือไม่ ซึ่งทางเจ้ากรมฯ มีอาการอึกอัก ตอบไม่ชัดเจนเท่าไหร่ และขอส่งข้อมูลให้กรรมาธิการฯ ในสัปดาห์ถัดไป

นายมงคลกิตติ์กล่าวอีกว่า ทางกรรมาธิการฯ ได้ให้ข้อเสนอแนะไปยังกองบัญชาการกองทัพไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า การบรรจุแต่งตั้งข้าราชการที่จบปริญญาตรี หากเป็นไปได้ขอให้ยกเลิกการสอบสัมภาษณ์ทั้งหมด โดยขอให้เป็นการสอบข้อเขียนล้วนๆ เหมือนการสอบเข้าชั้นมัธยมปีที่ 1 และมัธยมปีที่ 4  เพื่อไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติ เพราะการสอบคัดเลือก ปกติจะมีการสอบคุณวุฒิและการสอบสัมภาษณ์ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กนายทั้งหมด จึงเป็นการสกัดการคอร์รัปชันในการฝากได้ระดับหนึ่ง นอกจากนี้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมีอัตรากำลังจร ซึ่งเป็นการช่วยราชการจากส่วนต่างๆ 54,100 นาย โดยแยกเป็นทหาร 29,000 นาย ตำรวจ 15,000 นาย และพลเรือนประมาณ 9,000 นาย โดยตนขอให้ตรวจสอบว่าอัตราดังกล่าวมีการปฏิบัติราชการจริงจำนวนเท่าใด และมีกี่เปอร์เซ็นที่ไม่สามารถปฏิบัติงานได้จริง เอาชื่อมาไว้เฉยๆ เพื่อกินเงินเดือน โดยทางตัวแทน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจ้งว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบ เพราะมีเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ กรรมาธิการฯ ได้เสนอแนะข้อเสนอแก้ปัญหาระยะยาวคือ การเปิดให้สอบข้อเขียน 100% แต่การสอบทุจริตต้องมีการสอบเพิ่มเติมทั้งการสอบบรรจุแต่งตั้งของทั้งคู่ โดยตรวจสอบจากคณะกรรมการลับที่สอบสัมภาษณ์และอดีต ผบ.หน่วยต้นสังกัดของทั้ง 2 คนว่า ณ วันนั้นมีการโทรศัพท์มาฝากกันหรือไม่ หรือมีการเข้าไปโดยระเบียบปกติ โดยเฉพาะอดีต ผบ.ทสส.สมัยนั้น ได้รับโทรศัพท์จากใครหรือไม่ เพราะท่านก็เป็น สนช.ด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง