ถึงเวลาเลิกพรก.ฉุกเฉินยุบศบค.

ศปก.ศบค.เตรียมส่งไม้ต่อกรมควบคุมโรครับผิดชอบโควิด-19 จ่อชง ศบค.ชุดใหญ่ 23 ก.ย.นี้ ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-ยุบ ศบค. ส่งผลให้หน่วยงานและคำสั่งที่ออกโดย ศบค.ต้องยกเลิกทั้งหมด  ก่อนกลับไปใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พร้อมจัดทำจดหมายเหตุโควิดในไทย ส่วนถอดหน้ากากต้องค่อยเป็นค่อยไป  

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 22 กันยายน     พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ว่า ที่ประชุมวันนี้ การหารือเรื่องสำคัญได้แก่การรับทราบสถานการณ์ปัจจุบันที่ดีขึ้นตามลำดับ ผู้ป่วยลดลง ผู้เสียชีวิตลดลง กระทรวงสาธารณสุขจะต้องเป็นผู้ดำเนินการต่อ เพื่อให้ตัวเลขน้อยที่สุดหรือไม่มีเลย เรื่องที่สองคือแผนการเปลี่ยนผ่านสู่โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังนั้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้รับความเห็นชอบจาก ศบค.ไปแล้ว และมีการประกาศเป็นโรคติดต่อที่ไม่ร้ายแรงเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่ง ศปก.ศบค.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาแผนรองรับ เพื่อเตรียมกลไกต่างๆ ให้กลับไปสู่กลไกปกติของประเทศ

"คือให้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบ   มีคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพฯ เป็นกลไกบริหารจัดการ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขทำแผนเพื่อใช้กลไกเหล่านี้ เพื่อให้ประชาชนทราบแนวทางปฏิบัติหลังการเปลี่ยนผ่านว่าต้องทำอย่างไร รวมทั้งองค์กรต่างๆ จะได้รับคำแนะนำการปฏิบัติ รวมถึงต้องมีแผนเผชิญเหตุรองรับ  โดยย้ำว่ากระทรวงสาธารณสุขมีแผนรองรับช่วงการเปลี่ยนผ่านเพื่อไม่ให้กลับไปสู่ความเสียหายขนาดใหญ่"

พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค.เห็นชอบเตรียมเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ ที่จะมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รักษาราชการแทนนายกฯ เป็นประธาน เพื่อพิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในวันที่ 23 ก.ย. หากที่ประชุมเห็นชอบยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ต้องยุบ ศบค.อย่างแน่นอน รวมทั้งยุบหน่วยงานภายใต้ศบค. และคำสั่งต่างๆ ที่ออกโดย ศบค. ก็ต้องยกเลิกทั้งหมด และจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. แล้วจะมีกลไกรองรับคือคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ซึ่งเราเตรียมการมาเป็นลำดับไว้แล้ว โดยจะให้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่เดิมมีอยู่แล้ว แต่อาจต้องปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม การประชุมวันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของศปก.ศบค. ยกเว้น ศบค.ชุดใหญ่ จะมีข้อสั่งการอะไรพิเศษที่ต้องดำเนินการต่อ

เมื่อถามว่า การเสนอให้มีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินในช่วงนี้ สืบเนื่องจากประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปกใช่หรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ไม่เกี่ยว แต่เราดูภาพรวมของประเทศ ซึ่งหัวใจสำคัญคืออยากให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศกลับมาสู่ภาวะปกติ และอยากให้ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ซึ่งที่ผ่านมาตัวเลขด้านการท่องเที่ยวดีมาก ชดเชยกับภาวะวิกฤตเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศหรือสถานการณ์ของโลก

ถามว่า มีข้อกังวลในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้หรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า สิ่งที่กังวลเป็นพิเศษคือเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน ถ้ายกเลิกแล้วไม่ใช่ถอดหน้ากากหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการเลย ยังต้องมีมาตรการป้องกันส่วนบุคคล เพราะจะเห็นว่าทุกวันนี้ยังมีคลัสเตอร์ย่อยๆ ในกลุ่มสังคมที่มีการรวมตัวกัน แต่ภาพรวมภูมิคุ้มกัน ประชาชนในประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีมาก มียาเพียงพอ โรงพยาบาลและหมอเพียงพอ

เมื่อถามว่า จะสามารถเปิดให้ทุกคนใช้ชีวิตปกติ ถอดหน้ากากได้ในชีวิตประจำวันเหมือนที่สหรัฐหรือประเทศอื่นๆที่มีการประกาศไปแล้วช่วงเวลาใด พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ช่วงนี้เราก็ปกติ ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลทำมาจะเห็นว่าทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อไม่ให้เสียหายทีเดียว โดยเราต้องคำนึงความเสียหายของประชาชนเป็นหลัก จึงต้องค่อยๆ ปรับตัว

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า สำหรับวาระการประชุม ศบค.ครั้งที่ 12/2565 ในวันที่ 23 กันยายน เวลา 10.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม โดยจะเริ่มต้นด้วยวาระประธานแจ้งที่ประชุมทราบ และรับรองรายงานการประชุมศบค.ครั้งที่ 11/2565 ที่ประชุมไปเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา จากนั้นจะเป็นวาระเรื่องเพื่อทราบ ซึ่ง ศปก.สธ.จะรายงานสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ, แผนปฏิบัติการควบคุมโรคโควิด-19 รองรับการเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง

กรมประชาสัมพันธ์จะรายงานแผนประชาสัมพันธ์โควิด-19 สู่ Post-Pandemic, กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จะรายงานความก้าวหน้าการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศจากแหล่งงบประมาณต่างๆ, กระทรวงวัฒนธรรมรายงานการจัดทำจดหมายเหตุการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย,  ศปก.สมช.รายงานการประมวลผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของศูนย์ปฏิบัติการด้านต่างๆ, ศปก.ท่องเที่ยวและกีฬา จะรายงานการฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและการสร้างความเชื่อมั่นในระยะต่อไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับวาระเพื่อพิจารณานั้น ที่ประชุมจะมีการพิจารณาแผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 เดือนตุลาคม 2565 ที่เสนอโดย ศปก.สธ. และจะมีการพิจารณาความเหมาะสมของการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ที่เสนอโดย ศปก.สมช.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์