‘ชัยวัฒน์’ร่ายยิบเงินสินบน‘อธิบดี’

“กุศล” แจง ทส.ฉับไวแล้วเรื่องอธิบดีตบทรัพย์ รับเป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นครั้งแรกในกระทรวงการสอบสวน จึงต้องไปตามระเบียบ “ชัยวัฒน์” ขนพวกอีก 16 คนเข้าให้การ แจงยิบตัวเลขที่มาเงิน 98,000 บาท วอนกระทรวงเร่งสรุปผล หวั่น จนท.ถูกข่มขู่คุกคาม

เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้แถลงความคืบหน้าการติดตามคดีทุจริตที่เป็นข่าวดังและได้รับความสนใจจากประชาชน โดยเฉพาะคดีนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชถูกกล่าวหาเรียกรับผลประโยชน์ ว่าคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการและเชิญผู้ติดเกี่ยวข้องของกระทรวงมาให้ถ้อยคำ หากดูไทม์ไลน์ จะเห็นว่าดำเนินการทางวินัยอย่างรวดเร็ว

“คดีดังกล่าวแม้ว่าเป็นปัญหาประจักษ์ชัดเชิงวินัย แต่ก็ต้องดำเนินการให้เกิดความรอบคอบ ยืนยันว่าไม่มีใครล้วงลูก และมีการย้ายอธิบดีมายังสำนักเลขารัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอประชาชนสบายใจได้ ยอมรับว่าเหตุการณ์ระดับความรุนแรงนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของกระทรวง ในการสืบสวนสอบสวนจะต้องดำเนินการไปตามระเบียบที่มีอยู่”นายกุศลกล่าว

วันเดียวกัน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 พร้อมด้วยพยานอีก 16 คน ที่เป็นระดับผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ, หัวหน้าส่วนอุทยานฯ, หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และผู้อำนวยการส่วน เข้าให้ข้อมูลกับนายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ ในฐานะประธานกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง

นายชัยวัฒน์กล่าวภายหลังว่า ตนและเจ้าหน้าที่อีก 16 คนเข้าให้ข้อมูลให้ฐานะพยานและผู้เสียหายในกรณีนี้ โดยได้ชี้แจงระยะเวลา ที่มาที่ไปของการเข้าไปพูดคุยกับนายรัชฎา เนื่องจากมีปัญหาเรื่องงบประมาณ จำนวนเจ้าหน้าที่ที่ไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ต้องจ่ายค่ารักษาตำแหน่ง แต่ตนเองมาไม่ทันในช่วง ส.ค.และ ก.ย. ที่จ่ายไปก่อนแล้ว ประกอบกับช่วงนั้นทุกคนมีปัญหาทางด้านการเงิน จนเป็นที่มาของการพูดคุยกัน และเข้าไปเจรจากับอธิบดี ขอร้องและต่อรองเกี่ยวกับการเรียกเก็บต่างๆ สุดท้ายตนต้องเป็นผู้นำเงินไปจ่าย ซึ่งต่อมาตนได้เรียกคุยกับเจ้าหน้าที่ แจ้งไปว่าจ่ายตามความสมัครใจ จนได้ข้อสรุปจ่ายอุทยานละ 7,000 บาท, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าละ 1,000 บาท รวมจ่ายเดือนละ 43,000 บาท ซึ่งเป็นที่มาของเงินจำนวน 98,000 บาท บรรจุอยู่ใน 2 ซองใหญ่ 43,000 บาท และ 1 ซองเล็ก 12,000 บาท

“ผมได้ชี้แจงว่ามีทั้งถูกบังคับข่มขู่ให้จ่ายเงิน แต่กำชับต้องไม่ได้นำเงินในส่วนของราชการหรือเบียดบังมาจ่าย เพราะเราคุยกันแล้วว่าห้ามไปทุจริตและนำเงินมาจ่าย ซึ่งทุกคนชี้แจงว่าไปกู้เงินมาและไปกู้สหกรณ์ แต่ที่สำคัญขนาดนั้นเงินงบประมาณยังไม่ออก จึงเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ทุกคนได้ว่า ไม่มีใครทุจริตต่อหน้าที่” นายชัยวัฒน์กล่าว

นายชัยวัฒน์ระบุอีกว่า ทำงานปกป้องป่า งานลาดตระเวนถูกตัดงบ คนก็ถูกตัดลง มีการเรียกเก็บมาตั้งแต่สมัยอดีต ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 คนก่อน แต่ขณะนี้เกษียณไปแล้ว มารับหน้าที่ต่อเกิดผลกระทบโดยตรง ทั้งนี้ มั่นใจในหลักฐานทุกอย่างชัดเจน และต้องมีการคุ้มครอง ทั้งตำแหน่งหน้าที่การงาน ความปลอดภัยด้วย มิเช่นนั้นใครจะกล้าเป็นพยาน ส่วนที่อ้างว่าเงินเช่าพระ ก็ได้ชี้แจงชัดเจนว่าในชุดเราก็มี แยกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 คือ เงินที่ต้องจ่ายรายเดือน, ส่วนที่ 2 คือหัวหน้าบางคนได้เช่าพระพุทธรูป ร.5 ไว้, ส่วนที่ 3 คือการวิ่งเต้นจ่ายเงินค่าตำแหน่ง ซึ่งไม่ชอบธรรม เจ้าหน้าที่ต้องหาเงินมาเพื่ออยู่ให้ได้ ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่เหล่านี้รักป่า รักสัตว์ป่า เชื่อว่าคณะกรรมการฯ จะเร่งสรุปสำนวนการสอบสวนให้เร็วที่สุด พร้อมขอให้เร่งดำเนินการ เพราะเกรงเจ้าหน้าที่จะถูกข่มขู่กดดัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง