หมดท่า!สอท.จ่อคัมแบ็กพปชร.

"บิ๊กตู่" งดจ้อสื่อ ทักทายสวัสดีขอทำงานต่อ "รัฐบาล" พร้อมรับมือศึกอภิปราย 15-16 ก.พ. "อนุชา" มั่นใจนายกฯ ชี้แจงได้ทุกประเด็น "พีระพันธุ์" ปัดตอบเรื่องยุบสภา บอกเป็นอำนาจนายกฯ ตอบแทนไม่ได้ เวทีชุมพรคึก! จับตา" ส.ส.ตาร์ท" เด็ก ปชป.จ่อโผล่ร่วมงานรวมไทยสร้างชาติ "อานนท์" นำหมู่บ้านเสื้อแดง 4 ภาคเข้า รทสช. หนุนลุงตู่นายกฯ อีกสมัย "ชัยวุฒิ" มั่นใจ "ป้อมจะมาปราบ" พา พปชร.ผงาดเมืองกรุง "บิ๊กน้อย" คัมแบ็กนั่งที่ปรึกษา "บิ๊กป้อม" โชว์ตัวประชุมใหญ่พรรค 27 ม.ค.นี้

ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 26 ม.ค. ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ครั้งที่ 1/2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยกล่าวเพียงว่า "สวัสดีนะจ๊ะ ทำงานต่อนะจ๊ะ"  ก่อนเดินขึ้นไปยังห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้าทันที

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ในวันที่ 15-16 ก.พ.2566 ว่า นายกฯ พร้อมรับฟังและชี้แจงทุกประเด็นต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการทำงานเกี่ยวกับประเด็นนโยบายเร่งด่วน 12 ประการ ที่ถือว่าโอกาสนี้เป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ชี้แจงความคืบหน้าและผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของรัฐบาลให้ประชาชนได้รับทราบด้วย

 “นายกฯ ทำงานโดยยึดถือความโปร่งใส ซื่อตรง ตรวจสอบได้ ยึดถือตามหลักธรรมาภิบาล ยึดถือประโยชน์ของประเทศ และประชาชนเป็นที่ตั้ง เป็นแนวทางในการทำงานมาเสมอ จึงเชื่อมั่นและพร้อมที่จะชี้แจงต่อทุกประเด็นที่จะมีการหยิบยกขึ้นสอบถาม” โฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าว

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า นายกฯ มีทีมที่ทำงานด้านข้อมูลอยู่แล้ว ตนไม่คิดว่ามีปัญหาอะไรมาก เพราะนายกฯ รู้ข้อมูลทุกอย่างในตัวท่านเองอยู่แล้ว นายกฯ เป็นคนทำงาน ก็มีข้อมูลอยู่ในตัว ไม่ต้องทำข้อมูลอะไรมากมายพล.อ.ประยุทธ์ก็มีความรู้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว

ถามว่า คาดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะทำงานจนครบวาระรัฐบาลถึงวันที่ 23 มี.ค.หรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ปกติก็ต้องครบอยู่แล้ว

ซักว่าจะไม่มีการยุบสภาก่อนใช่หรือไม่ เลขาฯ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนไม่ทราบ ไม่ได้เป็นคนมีอำนาจยุบ ตอบแทนไม่ได้

ส่วนนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า เราอยากให้มีการอภิปรายเกิดขึ้น เพราะจะได้รับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจาก ส.ส. ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมชี้แจงอยู่แล้วว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง และมีแนวทางอย่างไรที่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชน  อีกทั้งขณะนี้การประชุมได้ถูกบรรจุในระเบียบวาระแล้ว ซึ่งตนก็อยากจะฟังเพราะฝ่ายค้านก็มีข้อมูลดีๆ แต่ข้อมูลไม่ถูกต้องก็เยอะ เราจะได้ชี้แจงด้วย อะไรที่เป็นปัญหาของประชาชนที่ตกหล่นไป เราก็จะได้ฟังด้วย เพื่อนำไปแก้ไขต่อไป

"ใครเป็นรัฐบาลก็ทำไม่ได้ทุกเรื่อง ซึ่งมันต้องค่อยๆ ทำไป แต่เราก็ได้ฟังเพื่อนำปัญหาไปแก้ไขให้ดีที่สุด ส่วนตัวมองว่ารัฐบาลก็ทำหน้าที่ได้ดี ไม่มีอะไรที่ตกหล่นหรือบกพร่อง ซึ่งคิดว่าการอภิปรายตามมาตรา 152 อย่าไปกลัวเลย ทุกวันนี้คนก็พูดผ่านสื่อหรือสื่อโซเชียล คนก็รู้ทั่วไปอยู่แล้ว การอภิปรายดังกล่าวเป็นเรื่องดีเพราะเป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญที่เปิดโอกาสให้ ส.ส.ทำหน้าที่ และต้องเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา อย่าไปกลัว" นายชัยวุฒิกล่าว

รบ.พร้อมรับมือซักฟอก

ถามว่า ส.ส.พรรค พปชร.จะปกป้องพล.อ.ประยุทธ์อยู่หรือไม่ หลังย้ายไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)แล้ว รองหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวว่า อย่าบอกว่าพลังประชารัฐเลย ตนคิดว่าทุกพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องช่วยกัน เพราะเป็นเรื่องของรัฐบาล ที่ผ่านมาก็ช่วยกันทำงานในสภาอยู่แล้ว รวมทั้งตอบโต้แก้ปัญหาในสภา เพราะเรามีวิปรัฐบาลทำงานร่วมกันอยู่

เช่นเดียวกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า พร้อมชี้แจงในการอภิปรายดังกล่าว ซึ่งทุกคนใน ครม.ได้รับแจ้งให้ไปเตรียมความพร้อมในการชี้แจงต่อสภา  โดยเวลา 3 ชั่วโมงที่ได้รับการจัดสรรให้ชี้แจง ก็เป็นการตกลงกันระหว่างวิปทั้ง 2 ฝ่าย จึงต้องยอมรับ จะได้ไม่มีปัญหา

ถามว่า เวทีดังกล่าวเป็นการเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ชี้แจงผลการดำเนินงาน และจะถือโอกาสยุบสภาหลังจากนี้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า คิดว่ารัฐมนตรีที่ถูกพาดพิงคงต้องชี้แจง ไม่ใช่เป็นเรื่องถือโอกาส เพราะได้ชี้แจงในส่วนที่ถูกกล่าวหาให้เกิดความชัดเจนว่าไม่ได้เป็นไปตามนั้น

"เรื่องยุบสภาหรือไม่ ต้องถามนายกรัฐมนตรี เพราะคนที่ยุบสภาได้มีอยู่คนเดียว ซึ่งหากถามเรื่องยุบสภากับพรรคร่วมรัฐบาล เชื่อว่าพรรคร่วมทุกพรรคพร้อมต่อการเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว เพราะเวลางวดเข้ามาแล้ว ต่อให้ยุบสภาหรือไม่ สภาก็จะหมดวาระในเดือน มี.ค.อยู่ดี ดังนั้นถ้ายุบพรุ่งนี้ ก็เหลือเวลาไม่ถึง 2 เดือน ไม่ได้มีความหมายไม่มีนัยอะไร ครม.ยังปฏิบัติไปตามหน้าที่ได้อยู่ โดยรักษาการไปตามข้อบัญญัติของรัฐธรรมนูญ จนกว่าครม.ชุดใหม่จะเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่" นายอนุทินกล่าว

ถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) ยื่นให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรขอให้ส่งคำร้องไปยังประธานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีและสมาชิกภาพความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม สิ้นสุดลง เป็นการดิสเครดิตก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ หัวหน้าพรรค ภท.กล่าวว่า นายศักดิ์สยามได้ชี้แจงไปแล้วในประเด็นนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว และนายศักดิ์สยามได้ชี้แจงข้อกล่าวหาในสภาไปแล้ว และสิ่งที่พิสูจน์ได้คือนายศักดิ์สยามได้รับคะแนนไว้วางใจในประเด็นที่ถูกกล่าวหา คะแนนห่างกับคะแนนไม่ไว้วางใจเป็นร้อยคะแนน จึงน่าจะโอเค

"เรื่องที่จะไปยื่นอะไรเป็นสิทธิ์ตามกฎหมาย หากอยู่ภายใต้กฎหมายสามารถยื่นได้ รวมทั้งเป็นการดิสเครดิตหรือไม่ก็อยู่ที่ประชาชนจะพิจารณาว่าวัตถุประสงค์เป็นอย่างไร ผมมั่นใจว่านายศักดิ์สยามมีความพร้อมอยู่แล้ว เท่าที่คุยกัน ท่านไม่ได้มีความวิตกกังวลใดๆ" หัวหน้าพรรค ภท.กล่าว

ที่รัฐสภา นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรค ภท. แถลงเรื่องการยื่นเรื่องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้เสนอเรื่องไปยังประธานศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนนายศักดิ์สยามว่า วันที่ 26 ม.ค. นายศักดิ์สยามได้ทำหนังสือถึงประธานสภาฯ เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยในหนังสือมีการชี้แจงว่าการที่ผู้ร้องได้กล่าวหานายศักดิ์สยามเป็นการอ้างเพียงเหตุข้อสงสัยมูลเหตุเดียวกันกับที่ ป.ป.ช.กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ จนถึงวันนี้ ป.ป.ช.ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ การยื่นเรื่องของพรรคฝ่ายค้านจึงเป็นการกล่าวหานายศักดิ์สยาม มุ่งประสงค์ทำลายกันทางการเมืองต่อนายศักดิ์สยาม

หมู่บ้านเสื้อแดงเข้า รทสช.

 “แม้ตามรัฐธรรมนูญจะกำหนดให้ประธานสภาฯ ต้องดำเนินการในการส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แต่ท่านต้องพิจารณาว่าเรื่องที่เสนอเข้ามาเป็นเรื่องที่ควรจะส่งต่อหรือไม่ ประธานสภาฯ ไม่ควรเป็นเพียงบุรุษไปรษณีย์ แต่หากประธานสภาฯ เห็นว่าควรเสนอไปยังศาลรัฐธรรมนูญ นายศักดิ์สยามก็เห็นว่าควรนำเรื่องที่นายศักดิ์สยามคัดค้านเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญด้วย" นายศุภชัยกล่าว

วันเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุว่าต้องมีเวลาจัดการเลือกตั้ง 45 วัน หลังกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งประกาศใช้ถึงจะยุบสภาได้ว่า ได้มีการติดต่อกันอยู่และเตือนกันอยู่

"กกต.ได้ส่งคำเตือนควบคู่กับขอร้อง หากจะตัดสินใจอย่างไรต้องแจ้งให้ กกต. ทราบล่วงหน้า เพื่อจะได้เร่งรัดอะไรบางเรื่องได้ ซึ่งเราก็ได้ประสานกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งก็ยังไม่ลงมา และรัฐบาลก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะยุบสภาหรืออยู่จนครบวาระ ซึ่งจะยุบสภาเมื่อไหร่ก็ยังไม่ทราบด้วย" นายวิษณุกล่าว

ถามว่า กกต.ออกมาพูดอย่างนี้ ถือเป็นการดักคอไม่ให้ยุบสภาหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า อย่าเรียกว่าดักคอเลย แต่เป็นการประสานแจ้ง เพราะถ้า กกต.ไม่พูดเราก็ไม่รู้ เดี๋ยวจะเกิดความลักลั่นอะไรขึ้นมา เขาอุตส่าห์บอกมาก็เช่นเดียวกับที่เราอุตส่าห์บอกไปในหลายเรื่องเช่นกัน ฉะนั้นเมื่อมีการพูดคุยกันการเลือกตั้งก็จะมีปัญหา เพราะเราได้นัดกันแล้ว เมื่อกฎหมายลูกลงมาเมื่อไหร่ ทาง กกต.และตนก็จะพูดคุยกัน

ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีรายงานความพร้อมการลงพื้นที่ จ.ชุมพร ในนามพรรค รทสช.ครั้งแรก ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่ 28 ม.ค.ว่า ขณะนี้มีความพร้อมในทุกด้านแล้ว พร้อมทั้งมีประชาชนแจ้งความจำนงมาร่วมฟังปราศรัยจำนวนมาก

"มีความเคลื่อนไหวจาก ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในพื้นที่ภาคใต้หลายคน ที่ติดต่อมาขอเข้าสังกัดพรรค รทสช. จะมาร่วมเวทีปราศรัยด้วย เพื่อแสดงตัวย้ายมาร่วมงานกับพรรค โดยให้จับตานายอิสรพงษ์ มากอำไพ หรือตาร์ท ส.ส.ชุมพร เขต 1 พรรค ปชป. ซึ่งในการเลือกตั้งซ่อมเมื่อช่วงต้นปี 2565 ได้รับการสนับสนุนจากนายชุมพล จุลใส ทำให้ชนะการเลือกตั้ง" แหล่งข่าวจากพรรค รทสช.ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ได้นำอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง 4 ภาค ประกอบด้วย นายสมชัย แสงทอง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคเหนือ, นางนิตยา นาโล หรือ “นักสู้ปอสี่” อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน, นายไวทิต ศิริสุวรรณ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคกลาง และนายทวี ประหยัด อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคใต้ พร้อมด้วยอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแต่ละจังหวัด เดินทางมายื่นเอกสารสมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช. กับนายชื่นชอบ คงอุดม กรรมการบริหารพรรค รทสช. ซึ่งเป็นตัวแทนของหัวหน้าพรรค มารอรับการสมัครเป็นสมาชิกในครั้งนี้
"พวกเราขอประกาศตรงนี้เลยว่า ทางสมาชิกอดีตหมู่บ้านเสื้อแดงทั้ง 28,850 หมู่บ้านทั่วประเทศไทยทั้ง 4 ภาค จะขอสมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช. และสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ในแต่ละจังหวัดที่ทางพรรคส่งลงสมัครเป็นตัวแทนของประชาชนให้ได้เป็น ส.ส.ที่จะมายกมือให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องอีกสมัยอย่างแน่นอน" อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงกล่าว

บิ๊กน้อยกลับช่วยบิ๊กป้อม
ส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงกำหนดการลงพื้นที่ปราศรัยครั้งแรกของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร. เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยในพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายว่า ตนยังไม่ทราบวันที่แน่ชัด เพราะไม่ได้อยู่ในทีมงานจัดคิว ซึ่งพล.อ.ประวิตรจะไปทุกพื้นที่อยู่แล้ว และในกรุงเทพฯ ก็ยังไม่ได้ทำกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งก็จะต้องไปทำอยู่แล้ว ซึ่งในกรุงเทพฯ เราหวังว่าจะสร้างกระแสหรือคะแนนนิยมของพรรคให้ได้ โดยทีมงานจะหาเสียงในพื้นที่กรุงเทพฯ เต็มที่อย่างแน่นอน

ถามว่าเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พรรคจะจัดเต็มที่เพื่อให้ชนะในเขตนี้หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า "ป้อมปราบ ชื่อมันบอกว่าชอบคำนี้ เข้าใจไหมว่า ป้อมจะมาปราบ"

ด้าน พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือบิ๊กน้อย หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน กล่าวว่า ได้เตรียมสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ตามคำเชิญของพล.อ.ประวิตร โดยจะเข้าร่วมการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 1/2566 ของพรรคในวันที่ 27 ม.ค. และอาจจะยื่นใบสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรค พปชร.ด้วย  

 “ผมต้องการเข้ามาช่วยงาน พล.อ.ประวิตรในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยจะกลับมาเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเท่านั้น จะไม่ขอรับตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคหรือลงสมัครรับเลือกตั้งระบบบัญชีรายชื่อ และเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะมีขึ้นมีความสำคัญ เนื่องจากจะเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนจะพิจารณาเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสม ทำประโยชน์ดูแลประชาชน มากกว่าที่จะดูเฉพาะพรรคหรือกระแสอย่างเดียว และเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง” พล.อ.วิชญ์กล่าว     

ถามว่ามองอย่างไรกับการแข่งขันบนสนามการเมือง ระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.วิชญ์กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่จะแข่งขันขับเคี่ยวกันในสนามการเมืองกันอย่างเข้มข้น แต่สุดท้ายความเป็นพี่น้องไม่มีวันจืดจาง ไม่ว่าจะเป็นพี่น้อง 2 ป. หรือพี่น้อง 3 ป. เพราะรู้จักมานาน ทำงานร่วมเป็นร่วมตายกันมาในชายแดน ไม่มีใครทิ้งใคร ความเป็นผู้นำ ความเป็นทหาร มีสายโลหิตเต็มตัว

"ส่วนความคิดเห็นต่างมีแน่นอน แต่อย่าได้มองเป็นความขัดแย้ง ความเป็นพี่น้องรักกัน 100% ขณะเดียวกันเป็นโอกาสที่ดีที่ประชาชนจะได้เลือกผู้นำประเทศ โดยเอาอดีตที่มีผลงานมาพิจารณา ก็จะเห็นความเหมาะสม" พล.อ.วิชญ์กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจาก พล.อ.วิชญ์ และนายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ที่ย้ายมาพรรค พปชร.แล้ว ยังมีนายชิงชัย ก่อประภากิจ หรือนายกเคี้ยง รองหัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน อดีต ส.ว.ตาก ที่ย้ายมาสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว และเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ตากแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกพรรครวมแผ่นดินกว่า 20 คนจะย้ายตามมา ขณะที่พรรครวมแผ่นดินยังคงเดินหน้าทำกิจกรรมการเมืองต่อไป

ในส่วนแหล่งข่าวใกล้ชิด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวถึงกระแสข่าว ร.อ.ธรรมนัสจะเปิดตัวกับพรรค พปชร.ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีวันที่ 27 ม.ค.ว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่เป็นความจริง โดยในการประชุมวันดังกล่าว ร.อ.ธรรมนัสรวมถึงส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยจะไม่มีการไปร่วมประชุมกับ พปชร.อย่างแน่นอน 

"คงต้องรอจนครบวาระของรัฐบาลหรือมีการประกาศยุบสภาก่อนจึงค่อยตัดสินใจต่อไป เพราะขณะนี้การเมืองยังไม่นิ่ง แต่ไม่ว่า ร.อ.ธรรมนัสจะอยู่พรรคใด สามารถช่วยงาน พล.อ.ประวิตรได้ตลอดอยู่แล้ว" แหล่งข่าวระบุ

ที่เคหะออเงิน ย่านสายไหม น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงข่าวลาออกจากพรรค พท. มีคณะทำงานที่เคยร่วมงานมารวมพูดคุยให้กำลังใจด้วย โดยคาดว่าหลังจากนี้ น.อ.อนุดิษฐ์จะเดินทางไปสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย ที่มีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นหัวหน้าพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการเจรจาควบรวมพรรคระหว่างพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กับพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ว่าความเคลื่อนไหวล่าสุด แกนนำทั้งสองพรรคไม่สามารถตกลงรายละเอียดและเงื่อนไขกันได้ และขณะเดียวกันมีรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 ม.ค. แกนนำ สอท.ได้เปิดโต๊ะเจรจากับแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยการพูดคุยมีความคืบหน้าไปในระดับหนึ่งแล้ว เบื้องต้น สอท.จะเข้ามาช่วยดูในเรื่องของนโยบายเศรษฐกิจ และจะมีการพูดคุยกันอีกครั้งในเวลา 14.00 น. วันที่ 27 ม.ค. ที่สโมสรราชพฤกษ์ ซึ่งการพูดคุยครั้งนี้เกิดขึ้นจากการดีลของทีมยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ทั้งนี้ ผู้ก่อตั้งพรรค สอท.ปัจจุบัน ส่วนใหญ่เดิมเป็นอดีตผู้บริหารและสมาชิกพรรค พปชร.อยู่แล้ว และได้แยกตัวออกไป หลังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ ยกทีมลาออกจาก ครม.

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงการลาออกจาก ส.ส. และการสังกัดพรรคการเมืองของ ส.ส. จำนวน 7 คน ได้แก่ นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย, นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย, นายอภิชา เลิศพชรกมล ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย, นายศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์, นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์, นายนิยม วิวรรธนดิฐกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจไทย และนางเบญญา นันทขว้าง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลัง ทำให้มี ส.ส.ปฏิบัติหน้าที่ได้ 429 คน โดยต้องใช้องค์ประชุม 215 คน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง