3พรรคเคลมผลงาน ขึ้นเงิน‘อสม.-อสส.’2พัน หนูหยอดกลับมาร่วมรบ.

ครม.ไฟเขียวเพิ่มค่าป่วยการ อสม.-อสส. จากเดือนละ 1 พันบาท ขยับเป็น 2 พันบาท  เริ่ม 1 ต.ค.66 คาดใช้เงินปีละ 1.3 หมื่นล้าน “อนุทิน” บอกในที่ประชุมใช้งบปี 67 เราจะกลับมาเป็นรัฐบาลร่วมกันอีก ขณะที่ 3 พรรคร่วม "ภท.-ปชป.-รทสช." แย่งเคลมเป็นผลงานตัวเอง

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 มีนาคม   นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี   แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการเพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) จากเดิมเดือนละ 1,000 บาทต่อคน เป็นเดือนละ 2,000 บาทต่อคน    โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 (1 ตุลาคม 2566) ปัจจุบันมี อสม. จำนวน 1,075,163 คน และ อสส. จำนวน 15,000 คน คาดว่าจะใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นในแต่ละปีงบประมาณ จำนวน 13,081 ล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า รัฐบาลต้องดูแลบุคลากร คนทำงานทุกภาคส่วน ซึ่งจะต้องพัฒนาทุกระบบให้เป็นประโยชน์ยิ่งขึ้นด้วย

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้กล่าวขอบคุณ ครม. ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของพี่น้อง อสม. และได้อนุมัติการเพิ่มเงินค่าป่วยการในครั้งนี้ให้สอดคล้องกับภารกิจของ อสม.และ อสส. ที่เพิ่มขึ้น มีทั้งภารกิจ 9 งานหลัก และภารกิจที่รัฐบาลมอบหมายเพิ่มเติมใน 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.การคัดกรองเพื่อประเมินสุขภาวะผู้สูงอายุ 9 ด้าน 2.สร้างความรอบรู้และให้บริการดูแลสุขภาพตามสภาพปัญหาในแต่ละด้าน 3.ประสานภาคีเครือข่ายดูแลผู้สูงอายุให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ปฏิบัติงานในระยะ Post-Pandemic ของโรคโควิด-19 และ 4.ติดตามผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติดในระบบสมัครใจบำบัด

นายอนุทินกล่าวว่า อสม.และ อสส. ได้รับค่าป่วยการในอัตราปัจจุบันที่ 1,000 บาทต่อเดือนมาตั้งแต่เดือน ธ.ค.2561 โดยผู้จะได้รับค่าป่วยการจะต้องเป็น อสม.และ อสส.ที่มีรายชื่อในฐานข้อมูลประวัติของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ  มีระยะเวลาปฏิบัติงานที่แน่นอน มีการรายงานผลปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์ ซึ่งปัจจุบันมี อสม.อยู่ 1,075,163 คน และ อสส. 15,000 คน รวม 1,090,163 คน ก่อนจะเสนอต่อ ครม.ในครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ศึกษาเปรียบเทียบอัตราค่าป่วยการกับค่าใช้จ่ายของ อสม.ในการปฏิบัติงานแล้วพบว่า ค่าป่วยการที่ได้นั้นต่ำกว่าค่าใช้จ่ายที่ อสม.ได้มาโดยตลอด

 “กระทรวงสาธารณสุขเห็นถึงความเสียสละของพี่น้อง อสม.และ อสส.กว่า 1.09 ล้านคน ที่นอกจากจะให้เวลาเพื่อส่วนรวมแล้ว หลายครั้งยังต้องแบกรับในค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามภารกิจ และปัจจุบันนี้ค่าครองชีพต่างๆ ก็สูงขึ้นด้วย จึงเห็นควรเสนอให้ปรับเพิ่มค่าป่วยการขึ้นเป็น 2,000 บาทต่อเดือน และให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานในการทำหน้าที่ดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนต่อไป” นายอนุทินระบุ

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut-Chan-o-cha" ระบุว่า "พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (7 มี.ค.66) ได้มีการเห็นชอบเพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครกรุงเทพมหานคร (อสส.) จาก 1,000 บาทต่อคน เป็น 2,000 บาทต่อคน โดยตั้งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับพี่น้อง อสม. อสส. ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการเอาชนะสงครามโควิดของประเทศไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่ได้ทำงานอย่างเสียสละทุ่มเท มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ อีกทั้งมีภาระงานด้านสุขภาพมากขึ้นในการดูแลประชาชนในชุมชน ท้องถิ่นของตน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยติดเตียง-ผู้สูงวัย-ผู้พิการ เป็นต้น

ซึ่งถือว่าเราควรส่งเสริมบทบาท อสม. อสส. ในการให้ความรู้เรื่องการรักษาสุขภาพ สุขอนามัย และเวชศาสตร์ป้องกัน เพื่อลดการป่วยไข้ของประชาชนโดยไม่จำเป็น เน้นการดูแลตัวเองเป็นพื้นฐานก่อนที่จะถึงมือหมอ โดยในวันข้างหน้าก็จะมีระบบสวัสดิการ เพื่อตอบแทนการทำงานของ อสม. อสส.เพิ่มขึ้น เช่น การเข้าสู่ระบบประกันสังคม ในลักษณะแรงงานนอกระบบ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้ติดตามเร่งรัดการพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของไทย (National Health Information Platform) เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสุขภาพ เพื่อประโยชน์ทางการรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการรับ-ส่งต่อ และการรายงานด้านสาธารณสุข เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยให้กับทุกชีวิต

 ตลอดจนอำนวยความสะดวกให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงระบบสาธารณสุขอย่างทั่วถึง ครอบคลุมการให้บริการผ่านโรงพยาบาลทุกระดับกว่า 15,000 แห่ง รองรับการให้บริการทางการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) โดยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่างๆ จะต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น ทั้งเรื่องสุขภาพและปากท้องในเวลาเดียวกันครับ"

มีรายงานข่าวจากที่ประชุม ครม.ว่า ระหว่างการพิจารณาเพิ่มค่าป่วยการ อสม.และ อสส. นายอนุทินได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า งบประมาณที่ใช้ในครั้งนี้เป็นงบประมาณของปี 67 ตอนนั้นพวกเราอาจจะกลับมาเป็นรัฐบาลพิจารณาร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง ไม่อยากให้มองเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น เพราะเขามีกองทุนที่ต้องหักเข้ากองทุน ซึ่งถือเป็นการสร้างความมั่นคงให้ชีวิตของเขา ขณะที่นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวเสริมว่า ก่อนหน้านี้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เคยเข้ามาประเมินการทำงานของ อสม. และมีความเห็นว่าเขาควรได้ค่าตอบแทนที่สูงกว่าการอนุมัติในครั้งนี้เสียด้วยซ้ำ และขอย้ำว่า อสม. เป็นจิตอาสา เป็นอาสาสมัคร ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขึ้นว่า อะไรดูแลได้ก็ดูแลไป เราเป็นรัฐบาลด้วยกัน ร่วมด้วยช่วยกัน  

 ทั้งนี้ ในตอนท้ายของการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวว่า “ขอบคุณตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่มีความรักความสามัคคีกัน สบายใจที่ได้ทำงานร่วมกัน ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ ช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องรักสามัคคี เรื่องการเมืองคือเรื่องการเมือง ขอให้ทุกคนโชคดี” 

   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ ครม.อนุมัติเพิ่มค่าป่วยการ อสม.และ อสส. ปรากฏว่ามีความเคลื่อนไหวของพรรคร่วมรัฐบาล 3 พรรค เริ่มจากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข ได้เผยแพร่คำกล่าวขอบคุณของนายอนุทินทันทีที่ ครม.มีมติ รวมถึงนายอนุทินได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องดังกล่าวพร้อมกับระบุว่า “พูดแล้วทำ” หลังจากนั้นไม่นาน นายสาธิต ซึ่งเป็น รมช.สาธารณสุข ในโควตาพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ครม.อนุมัติ ให้เพิ่มค่าตอบแทน อสม.จาก 1,000 เป็น 2,000 บาท ตามที่ สธ.เสนอ เริ่มปีงบประมาณ 67 คือ ต.ค.66” โดยระหว่างที่นายสาธิตโพสต์ เป็นช่วงเวลาที่ ครม.เพิ่งจะอนุมัติ และยังประชุมวาระอื่นไม่เสร็จสิ้น เช่นเดียวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ในช่วงประมาณเวลา 16.00 น. ถึงมติดังกล่าวพร้อมภาพ พล.อ.ประยุทธ์ และข้อความว่า “รัฐบาลลุงตู่ทำแล้ว ครม.ไฟเขียวเพิ่มค่าตอบแทน อสม. อสส. เดือนละ 2,000 บาทต่อคน” พร้อมสโลแกน “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

'อนุทิน' ไม่กังวลแบงก์ชาติท้วงแจกเงินดิจิทัล ชี้หากไม่ถูกกฎหมาย กฤษฎีกา-สภาพัฒน์ต้องแจ้งมา

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหนังสือเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต