‘ป้อม’กวาด100เขต มั่นใจไร้พรรคแลนด์สไลด์ ปาร์ตี้ลิสต์วุ่น‘ตั๊น’พ้อปชป.

"วิรัช" เตือนสติเพื่อไทย อย่าลืมปี 2562 ชู "ธนาธร" ชิงเก้าอี้แม้มี 3 แคนดิเดต รอ 14 พ.ค.ค่อยพูดก็ไม่สาย ลั่นโพล พปชร.ฟันธงไม่มีพรรคไหนแลนด์สไลด์ "บิ๊กป้อม" ประกาศเทหมดหน้าตักต้องกวาด 100 เขต พร้อมส่งปาร์ตี้ลิสต์แค่ 92 รายชื่อ รทสช.ชัดแล้ว "บิ๊กตู่" ไม่ลงบัญชีรายชื่อ "ธนกร"  บอกไม่กระทบพรรค เพราะอดีตก็ไม่ได้ลง ส.ส. แต่ยังเป็นกำลังหลัก บัญชี ปชป.ป่วน “น้องตั๊น” พ้อไม่ได้รับการเหลียวแล

เมื่อวันอังคารที่ 28 มีนาคม ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีนักวิชาการวิเคราะห์ว่าหากนายทักษิณกลับเมืองไทยแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง   ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ฟังคำถามพร้อมเดินขึ้นบันไดตึกไทยคู่ฟ้าและกล่าวสั้นๆ ว่า  “ก็ว่าไป”

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ตอบโต้นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค พปชร. เรื่องมอบตำแหน่งนายกฯ ให้ พล.อ.ประวิตรว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ไม่โง่จะมอบตำแหน่งนี้ให้ โดย พล.อ.ประวิตรหันมาตอบสั้นๆ ว่าตอบไปแล้ว

เมื่อถามย้ำว่า จะชี้แจงเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้ำอีกว่า ตอบไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ที่ตอบไปแล้วหมายถึงว่าจะไม่ร่วมกับพรรค พท.ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนขึ้นรถเดินทางกลับทันที

ในช่วงเย็น พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้อีกครั้ง โดยเมื่อถามว่าได้พูดคุยกับนายวิรัชหรือยัง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ได้คุย พร้อมถามกลับว่าแล้วนายทักษิณว่าอย่างไร สื่อมวลชนจึงตอบไปว่า พรรค พท.ไม่ได้โง่ที่จะมอบตำแหน่งนายกฯ ให้พรรคอื่น ซึ่ง พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตอบแต่โบกมือปัด

ส่วนนายวิรัชกล่าวในประเด็นนี้ว่า เรื่องดังกล่าวมาจากการไปออกรายการทีวีช่องหนึ่ง และให้ความเห็นว่าในอดีตพรรคต่างๆ อาจรวมตัวกันและไม่รวมตัวกัน หรือรวมกันอย่างหลวมๆ แต่กรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค พท. ออกมาพูดในลักษณะว่ายอมไม่ได้นั้น เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 ขณะนั้น พท.เคยเสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เป็นนายกฯ แข่งกับ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งที่ขณะนั้นพรรค พท.มีแคนดิเดตนายกฯ เป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนายชัยเกษม นิติสิริ จึงย้ำไปว่าประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยได้ เรื่องนี้ไม่ได้จบที่หัวหน้าพรรค แต่อาจมีจุดจบอีกทางหนึ่ง ปลายทางนั้น คำตอบ สุดท้ายก็รู้ๆ กันอยู่คือนายทักษิณ ซึ่งท่านได้ออกมาตอบแล้ว ซึ่งได้บอกกับทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ขอไม่พูดในประเด็นนี้เพิ่มเติม แต่ขอให้ดูตัวเลขหลังวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งเหลือเวลาอีก 40 วัน ตัวเลขในวันดังกล่าวจะทำให้เกิดความชัดเจนว่าประเทศไทยจะเดินอย่างไร ตั้งรัฐบาลกันอย่างไร ตัวเลขเป็นคำตอบที่ชัดเจน 

 “นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. ออกมาตอบโต้ว่าผมฝันกลางวันนั้น ผมไม่ได้ฝัน แต่อยู่ในเหตุผลของความเป็นจริง ซึ่งตัวเลขที่อยู่ในผลโพลบางหน่วยงานที่ทำออกมาประเมินได้ว่า พปชร.จะมีตัวเลขเท่าไหร่ เป็นไปตามหลักการความจริง ส่วนผลโพลต่างๆ ที่สำรวจทั้งประเทศที่ออกมานั้นคลาดเคลื่อนเยอะ ยืนยันว่า พปชร.วันนี้มีตัวเลขความเป็นจริง คือได้เกือบ 100 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อประมาณ 20 คน” นายวิรัชกล่าว และว่า วันนี้บ้านเมืองได้ก้าวเข้ามาในอีกระบบหนึ่งแล้ว ไม่ใช่ว่าส่งเสาไฟฟ้าก็เป็น ไม่ว่าจะส่งในนามพรรคไหน ยอมรับว่ากระแสก็มีส่วนสำคัญ แต่การที่ผู้แทนฯ อยู่ติดกับพื้นที่ก็สำคัญเช่นกัน

พปชร.เชื่อไม่มีแลนด์สไลด์

เมื่อถามว่า จากโพลที่ พปชร.ให้ความเชื่อถือ ไม่มีพรรคไหนได้แลนด์สไลด์ใช่หรือไม่ นายวิรัชกล่าวว่า ไม่ใช่แลนด์สไลด์หรอก 

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า พรรค พปชร.มีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง และไม่ขัดแย้งทุกพรรค จึงไม่ตอบโต้เรื่องนี้ ซึ่งการทำงานในทางการเมืองมันก็ทำงานตามสถานการณ์ บางครั้งไม่ได้ฉลาดทุกครั้ง ต้องมีบางเรื่องที่ต้องตัดสินใจร่วมกัน 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อถูกปรามาสแบบนี้ ต้องไปเจอกันหลังเลือกตั้งเลยหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า การเลือกตั้งเป็นเรื่องประชาชน ในสนามเราสู้เต็มที่ ไม่มีมาจับมือกันหรือมาตกลงกันว่าใครจะเป็นรัฐบาลหรือนายกฯ

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ายังไม่ควรปฏิเสธใช่หรือไม่ว่าจะจับมือกันไม่ได้จนกว่าจะถึงการเลือกตั้ง นายชัยวุฒิย้ำว่า พปชร.ก้าวข้ามความขัดแย้ง ฉะนั้นจะไม่มีเงื่อนไขอะไรทำให้มาขัดแย้งกัน อะไรที่เป็นประโยชน์และประชาชนยอมรับ ทำงานร่วมกันได้ก็ทำงานร่วมกัน อันไหนที่เป็นความขัดแย้ง ไม่ถูกต้อง เราก็ก้าวข้ามมันไป

ถามอีกว่า การที่เขาไม่จับมือกับ พปชร.ตอนนี้ เพราะกลัวเสียคะแนนหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องไปถามเขา แต่ละพรรคมีแนวคิดของแต่ละพรรคเอง ไปตอบแทนไม่ได้ แต่ยืนยันว่า พปชร.ไม่ขัดแย้งกับใคร ซึ่ง พล.อ.ประวิตรมีความประนีประนอมสูง มีเหตุมีผล คุยกันดีๆ แล้วกัน อย่าเอาเรื่องการเมืองหรือความขัดแย้งทางการเมืองแบ่งฝักแบ่งฝ่าย มันไม่ใช่บรรยากาศตอนนี้ ถ้ามัวแบ่งฝ่ายไม่เอาคนนั้นไม่เอาคนนี้แล้วประชาชนจะอยู่อย่างไร หมดเวลาแล้วที่จะทะเลาะกัน

นายชัยวุฒิยังกล่าวถึงผลโพลที่ พล.อ.ประวิตรแทบไม่ติดโผว่า ไม่ได้มีปัญหากับโพลใดโพลหนึ่ง เพราะหลายโพลไม่ได้มีชื่อ พล.อ.ประวิตร ไม่รู้ว่าวิธีทำโพลอย่างไร แต่ พปชร.ทำโพลของตัวเองอยู่ เชื่อว่าเรามีคะแนนนิยมอยู่พอสมควร แม้ไม่ได้เป็นอันดับต้นๆ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรเพิ่งเปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ ต้องใช้เวลาหาเสียงอยู่ แต่มีคะแนนนิยมอยู่พอสมควร แม้ว่า พล.อ.ประวิตรจะไม่เป็นนายกฯ โพล แต่เป็นนายกฯ ในใจของประชาชนทุกคนอยู่แล้ว 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของนายทักษิณที่ประกาศจะกลับมารับโทษที่ประเทศไทย เป็นการเรียกคะแนนนิยมให้มาเลือกพรรค พท.มากขึ้นหรือไม่ ว่าถ้าทุกอย่างอยู่ในกรอบกฎหมายทำได้หมด และไม่มีการห้ามคนไทยคนไหนเข้าประเทศไทย ถ้าปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย เราไม่มีสิทธิ์ไปวิพากษ์วิจารณ์ ขอให้ทำถูกกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ให้ความสำคัญกับโพลสำรวจความนิยมในขณะนี้มากน้อยแค่ไหน นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องโพลเป็นตัวชี้วัด หากโพลมีข้อแตกต่างกันสามารถประเมินได้ว่าข้อแตกต่างเกิดมาจากอะไร ก็ไปแก้ปัญหาตรงนั้น ส่วนพรรค ภท.ก็ทำโพลในพื้นที่และทำโพลของพรรค และมีโพลประสบการณ์ที่จะนำมาประเมินความน่าจะเป็น ไม่ใช่สิ่งที่ต้องวิตกกังวลอะไร 

วันเดียวกัน ยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการลาราชการของ ครม. เพราะอาจต้องลงพื้นที่หาเสียงว่าแล้วแต่ท่าน ถ้าองค์ประกอบ ครม.ครบก็ประชุมได้อยู่แล้ว ซึ่งทุกคนก็มีภาระแต่ละคนไม่เหมือนกัน ส่วนจะเกิดช่องโหว่หรือไม่นั้นคงไม่เกิด เพราะองค์ประชุมครบ ซึ่งตนนั่งหัวโต๊ะก็จะทำให้มันครบ

เมื่อถามว่า หมายถึงไม่ใช่วันประชุม ครม. ซึ่งนายอนุทินเตรียมหารือลาราชการยาวได้หารือหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มี ไม่เห็นลาเลย ก็ค่อยลาเป็นครั้งเป็นคราวก็แล้วกัน เมื่อถามต่อว่านายกฯ จะลาด้วยหรือไม่  พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับว่า ถ้าจำเป็นก็ต้องลาบ้าง มันคนละบทบาท ไม่ตอบตรงนี้ ก็บอกไว้แล้ว

วิษณุยัน รมต.ลาไม่มีกรอบ

เมื่อถามว่า เตรียมลงพื้นที่หาเสียงจุดไหนบ้าง พล.อ.ประยุทธ์เริ่มกล่าวแบบมีอารมณ์เล็กน้อยว่า อะไร ยังไม่มี ถ้ามีก็จะรู้ และเมื่อถามถึงเหตุผลไม่ลง ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เพราะอะไร พล.อ.ประยุทธ์เดินออกจากวงสื่อมวลชนพร้อมกล่าวว่า “สวัสดีนะคะ” อย่างอารมณ์ดี แต่เมื่อถามต่อว่าเพราะเป็นนายกฯ ได้เพียง 2 ปี หรือไม่อยากเป็นนักการเมืองเต็มตัว พล.อ.ประยุทธ์ตอบสั้นๆ ว่า ไม่เกี่ยว

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงระเบียบขั้นตอนการลาราชการของนายกฯ และรัฐมนตรีในช่วงที่รักษาการ ว่าข้าราชการการเมืองการลาไม่มีกรอบ ไม่มีการจำกัดวัน ลาทั้งเดือนก็เคยมี ซึ่งถ้าเป็นรัฐมนตรีต้องลากับรองนายกฯ ที่กำกับดูแลกระทรวง ส่วนรองนายกฯ ให้ลากับนายกฯ ขณะที่นายกฯ ให้ลากับเลขาธิการ ครม.

นายอนุทินกล่าวในเรื่องนี้ว่า ต้องหารือก่อนว่าในฐานะรองนายกฯ และรัฐมนตรีรักษาการ จะปฏิบัติตัวได้อย่างไรในเรื่องการลา ซึ่งหากลาราชการได้ทั้งเดือนถือเป็นเรื่องดี ที่จริงแล้วการทำงานก็ประสานกับข้าราชการประจำตลอดอยู่แล้ว ถ้าเขาต้องการให้สนับสนุนอะไรอยู่ที่ไหนสามารถทำงานได้หมดโดยใช้ระบบออนไลน์ ซึ่งการลาต้องทำอย่างถูกต้องตามระเบียบเพื่อไม่ให้มีปัญหาในวันหน้า แต่ในการประชุม ครม.ยังมาประชุมตามปกติ เพราะเราต้องรับผิดชอบในภารกิจ แม้เป็นรัฐบาลรักษาการ

“จะหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ในเรื่องลาราชการ เพราะเตรียมลาราชการในเดือน เม.ย.นี้” นายอนุทินระบุ 

เมื่อถามว่า วันที่ 4 เม.ย.ซึ่งเป็นวันสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตรงกับวันอังคารที่มีการประชุม ครม. จะต้องเดินทางไปร่วมสมัคร และมีการเลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงเวลาการประชุม ครม.หรือไม่ นายอนุทินระบุว่า ยังไม่ได้รับคำตอบ หรืออาจลาการประชุม ครม.

มีรายงานว่า ในการประชุม ครม. มีการหยิบยกปัญหาต่างๆ ขึ้นหารือ อาทิ เรื่องค่าไฟฟ้า และปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดย พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า ที่ผ่านมาพวกเราทำหลายๆ เรื่องให้หมดแล้ว อะไรที่ทำได้ก็พยายามทำให้เต็มที่ ใครมาเป็นรัฐบาลหน้าก็ฝากด้วยแล้วกัน จะเป็นหนึ่งในผู้ติดตามดูผลงาน นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังได้กำชับข้าราชการถึงการใช้จ่ายงบประมาณด้วยว่า ต้องสุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ ห้ามโกง เพราะมีหน่วยงานคอยตรวจสอบอยู่

ต่อมาในเวลา 16.28 น. ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค พล.อ.ประยุทธ์พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.กลาโหม, นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรค รทสช. และ ม.ล. ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค รทสช. และทีมเศรษฐกิจพรรค รทสช. เดินทางเข้าร่วมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 หรือมอเตอร์โชว์ 2023 เป็นการส่วนตัว โดยเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาได้เดินเข้าไปเยี่ยมชมบูธรถไฟฟ้า (อีวี) และทดลองนั่งพร้อมกล่าวว่า “มาดูความทันสมัยในการใช้รถ” ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์สนใจบูธรถยนต์ไฟฟ้าเป็นพิเศษ พร้อมให้กำลังใจผู้ผลิตและผู้นำเข้า และระหว่างเดินเยี่ยมชม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เศรษฐกิจก็โอเค ไม่ได้เลวร้ายอะไร” ก่อนกล่าวอีกว่า เป็นคนที่ชอบดูเครื่องยนต์มาก แต่มาที่นี่มีแต่ให้ดูแต่ระบบมอเตอร์ เพราะรถส่วนใหญ่เป็นระบบไฟฟ้าแล้ว

ทั้งนี้ ระหว่างเดินภายในงาน ประชาชนส่วนใหญ่ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก พร้อมบอกว่า “รักลุงตู่ พร้อมเลือก” และยังร้องเพลง “เราจะทำตามสัญญา” ให้ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย แต่ช่วงหนึ่งระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์เยี่ยมชมบูธรถยนต์ ได้มีชายวัยกลางคนสวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน ที่เดินเยี่ยมชมงานอยู่ เมื่อทราบว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ได้หันมาพูดพร้อมยิ้มว่า “นายกฯ มาเหรอ ประยุทธ์มาเหรอ จะประท้วงซะหน่อยน้ำมันแพงเหลือเกิน” จึงทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยได้เข้าไปประกบตัวชายคนดังกล่าวทันที แต่ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง และชายคนดังกล่าวก็ไม่ได้ตะโกนใดๆ นอกจากนี้ยังมีประชาชนบางส่วนบ่นระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์เดินผ่านว่า “น้ำมันแพงเหลือเกิน จะหันมาใช้รถไฟฟ้าก็ราคาสูง”

ในระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์เดินเยี่ยมชมบูธรถมอเตอร์ไซค์ ทันทีที่เดินถึง พล.อ.ประยุทธ์ได้ขึ้นไปทดลองนั่งมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อฮาร์ลีย์-เดวิดสัน พร้อมกล่าวว่า ฮาร์ลีย์เมื่อยแต่เท่ เป็นคนชอบมอเตอร์ไซค์มาตั้งแต่เด็ก และเดินมาดูงานมอเตอร์โชว์เห็นทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสก็รู้สึกดี”

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาถึง ผู้จัดงานได้ขอความร่วมมือบรรดาพริตตี้ไม่ต้องออกมาต้อนรับนายกฯ แต่ให้ผู้บริหารออกมาต้อนรับแทน

ย้ำ‘บิ๊กตู่’เป็นกำลังหลัก

นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค รทสช. กล่าวถึงบัญชีรายชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช. ที่ไม่ปรากฏรายชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคอยู่แล้ว เป็นสมาชิกพรรคและผู้นำลงพื้นที่ปราศรัยด้วยตนเอง ทุกอย่างที่เป็น รทสช.ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ การที่ไม่มีชื่อในปาร์ตี้ลิสต์ ไม่เป็นปัญหาอะไร ทุกอย่างก็เดินหน้าได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นกำลังหลักของพรรคเช่นเดิม

ถามย้ำว่า ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ว่านายกฯ จะไม่ลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายธนกรกล่าวว่า ดูตามรายชื่อ ไม่ได้สอบถามแกนนำพรรค คิดว่าคงเป็นเช่นนั้น ส่วนที่สมาชิกพรรคต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ลง ส.ส.บัญชีรายชื่อเพื่อตอบคำถามประชาชนนั้น ไม่ได้แตกต่างกันในสมัยปี 2562 พล.อ.ประยุทธ์เป็นแค่แคนดิเดตนายกฯ เรายังได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ปีนี้เชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะให้ความไว้วางใจมากกว่าปี 2562 อีก

เมื่อถามว่า หลายฝ่ายมองว่าศักดิ์ศรีของความเป็นนายกฯ ควรเป็น ส.ส. นายธนกรกล่าวว่า ไม่มีความจำเป็น อยู่ที่มุมมองเท่านั้นเอง เป็น ส.ส.หรือไม่เป็นก็มาจากพี่น้องประชาชน คนที่เลือก รทสช.ส่วนหนึ่งเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เพราะนโยบายพรรค เลือกผู้สมัครที่ทำงานใกล้ชิดกับประชาชน ไม่ใช่ปัญหา

ถามอีกว่า เหตุผลใดที่ทำให้พรรคส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ 2 คน นายธนกรกล่าวว่า ไม่มีอะไร ปกติเสนอกัน 3 คน เราเสนอ 2 คน เป็นความเหมาะสมลงตัวที่สุดแล้ว เพราะนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ และภาพลักษณ์ของนายพีระพันธุ์ก็ใกล้เคียงกับ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้ง 2 ท่านมีความคล้ายกันมากในหลายๆ เรื่อง เชื่อว่าประชาชนคงให้โอกาสทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และนายพีระพันธุ์

นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะแกนนำพรรค รทสช. กล่าวว่า จะลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต ส่วนจะส่งตัวแทนไปลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อหรือไม่นั้น ยังไม่มี จะให้พรรคเป็นผู้ดำเนินการ และคาดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี

ที่พรรค รทสช. นายพีระพันธุ์พร้อมนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค สวมเสื้อพรรค รทสช.ให้นายธวัชชัย กันนะพันธุ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค รทสช. โดยมีนายหิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรคและแกนนำพรรคภาคเหนือร่วมแสดงความยินดี

ช่วงเย็นมีการประชุมพรรค พปชร. โดย พล.อ.ประวิตรเป็นประธาน เพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งมีผู้ที่มีรายชื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อขอสละสิทธิ์ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากไม่พอใจที่ได้อยู่ลำดับท้ายๆ 7 คน ได้แก่ นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ลำดับที่ 46, นายอนุชา เจริญรักษ์ ลำดับที่ 48, นายสมชาย เหล่าสายเชื้อ ลำดับที่ 51, นางลลิตา ฤกษ์สำราญ ลำดับที่ 55, นายธีระยุทธ วานิชชัง ลำดับที่ 60, นายธงชัย กสิกรรม ลำดับที่ 95 และนายชาติ จินดาพล ลำดับที่ 100 และเมื่อรวมกับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคที่ขอสละสิทธิ์ไปก่อนหน้านี้ ทำให้เหลือผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แค่ 92 คน นอกจากนี้ยังมีการสลับลำดับกันเอง 2 กรณี กรณีแรกคือ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่อยู่ลำดับที่ 18 ได้แลกกับนายอภิชัย เตชะอุบล ที่อยู่ในลำดับที่ 12 และนายปริญญา วันทา ลำดับที่ 40 ได้สลับกับนายภัฏ สุริวงษ์ ลำดับที่ 79 ทั้งนี้ นายอภิชัยยอมรับว่านายนิพิฏฐ์มาขอเปลี่ยน แต่ไม่เป็นไร เสียสละให้ 

ลั่นทำเต็มที่กวาด 100 ส.ส.เขต

ขณะที่นายรงค์ บุญสวยขวัญ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช และกรรมการบริหารพรรค กล่าวว่า ที่ประชุม กก.บห.มีมติเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นแคนดิเดตนายกฯ   

 รายงานข่าวจากที่ประชุม กก.บห.แจ้งว่า หลังที่ประชุมมีมติเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตรเป็นแคนดิเดตนายกฯ ทุกคนในห้องต่างปรบมือ จากนั้น พล.อ.ประวิตรพูดกับที่ประชุมว่า “ขอให้สู้เต็มที่เพื่อประเทศชาติ ผมไม่ต้องการตำแหน่ง ไม่ต้องการอำนาจอะไร อยากทำงานให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี ให้ประเทศชาติได้เจริญเติบโตก้าวหน้า ไม่ขัดแย้งกัน ผมจะทำเต็มที่ ทุ่มเต็มที่ จากเดิมที่ตั้งเป้า ส.ส.เขตไว้ที่ 70 คน ขอเป็น 100 คน ผมไม่ได้สนใจปาร์ตี้ลิสต์” ทั้งนี้ หลังพูดจบแกนนำหลายคนได้มองหน้ากันและพูดกันว่า ประโยคดังกล่าวเป็นคำใหญ่ของ พล.อ.ประวิตรแล้ว เพราะเมื่อ พล.อ.ประวิตรกล่าวจบได้ปิดประชุมทันที   

พล.อ.ประวิตรกล่าวภายหลังประชุม ว่า ในวันที่ 4 เม.ย.นี้ ซึ่งจะมีการเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อจะเดินทางไปด้วยตัวเองเพื่อไปจับฉลาก โดยไปเวลาที่เขาไปกัน ส่วนที่ตรงกับวันที่มีการประชุม ครม.ก็ต้องลา

เมื่อถามว่า จะเปลี่ยนลำดับของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เปลี่ยนไม่ได้แล้ว เพราะทำไพรมารีโหวตไปแล้ว ถามต่อว่าเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พร้อมทำงานในสภาหรือไม่ พล.อ.ประวิตรยิ้มพร้อมกล่าวว่า แล้วจะให้ไปทำที่ไหนก็ไม่รู้ ก็ลงสมัครรับเลือกตั้งไปแล้ว จะให้ทำอย่างไร            

ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ มีรายงานว่า ช่วงดึกวันที่ 27 มี.ค. น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรค ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กในเชิงตัดพ้อในการทำงานกับพรรคมา 13 ปี แต่เหมือนไม่ได้รับการเหลียวแล โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป.ระบุว่า ยังไม่เห็นสิ่งที่ น.ส.จิตภัสร์โพสต์ และยังไม่เคยคุยถึงลำดับในระบบบัญชีรายชื่อ เพราะ ปชป.ดูแลทุกคนด้วยความเป็นธรรมและเหมาะสม ซึ่งรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด จะต้องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรคที่จะประชุมในวันที่ 29 มี.ค.นี้

รายงานจาก ปชป.แจ้งถึงกรณี น.ส.จิตภัสร์โพสต์ตัดพ้อ ว่ามาจากการจัดลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคที่ ปชป.วางหลักอาวุโส และทุกลำดับที่ 5 ต้องเป็นสัดส่วนสตรี ซึ่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อหญิงที่แจ้งความประสงค์จะลงมีทั้งคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาฯ, นางมัลลิกา บุญมีตระกูล, น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม., น.ส.จิตภัสร์ และ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล โดยหากยึดหลักลำดับที่ 5 เป็นคุณหญิงกัลยา จากนั้นลำดับที่ 10 ที่เป็นเซฟโซนมีการชิงกันถึง 4 ราย ซึ่งผู้บริหารพรรคที่มีอำนาจไม่ชัดเจนกับหลักเกณฑ์ที่ยึดปฏิบัติมาจึงเป็นโพสต์ดังกล่าว

มีรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) แจ้งว่า ในวันที่ 29 มี.ค. แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน จะร่วมแถลงข่าวเปิดตัวนายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา ที่จะย้ายมาลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค พท. ภายหลังจากที่เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2565 นายศักดิ์ชาย ตันเจริญ หรือมดเล็ก บุตรชาย ได้เดินทางมาเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทราของพรรค พท.แล้ว         

ขณะที่พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) จัดประชุมปฐมนิเทศผู้สมัคร ส.ส.พรรคทั่วประเทศ โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคระบุว่า พรรคมีความพร้อมแล้วที่จะสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อนำพาประเทศออกจากสงครามแย่งอำนาจการเมือง 2 ขั้วกว่า 17 ปี จนทำให้เกิดการรัฐประหาร ประเทศเดินต่อไปไม่ได้ และมีความเสี่ยงสูงที่เป็น LAST WAR และเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามการเมืองครั้งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ที่ไม่ว่าฝ่ายใดใน 2 ขั้วชนะ แต่ประชาชนจะเป็นผู้แพ้อีกครั้ง ทสท.จึงขอเป็นทางรอดประเทศ ไม่สนับสนุนเผด็จการอย่างเด็ดขาด และไม่สนับสนุนการผสมพันธุ์ข้ามขั้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง