กกต.รอถกปมค่าไฟ รับลูก‘บิ๊กตู่’หากเสนอใช้งบ/ข่าวดี!หั่นค่าFTเหลือ4.70บาท

อนุกรรมการเอฟทีเคาะแล้ว  หั่นค่า FT งวดใหม่เหลือ 4.70 บาท/หน่วยเตรียมชง กกพ.จันทร์ที่ 24 เม.ย. เชื่อทันงวดพฤษภาคม “อิทธิพร” รับลูก “บิ๊กตู่”  หากรัฐบาลชงการใช้งบอุ้มค่าไฟพร้อมถกว่าควรอนุมัติหรือไม่ ยัน กกต.ไม่มีหลบใต้โต๊ะแน่ “สมชัย” ขวางบอกหากไฟเขียวมีสิทธิ์นอนคุก “เอกชน” จี้เร่งแก้ไข เชื่อจะเป็นการบ้านใหญ่ของรัฐบาลใหม่ นักการเมือง-เอ็นจีโอพาเหรดแนวทางแก้ไข ทั้งล่าชื่อฟ้อง-ติดโซลาร์รูฟ

เมื่อวันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2566  ปัญหาค่าไฟฟ้าแพงยังคงมีความร้อนแรงต่อเนื่อง โดยในการประชุมคณะอนุกรรมการค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (FT) เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 เม.ย. ได้พิจารณาเห็นชอบการปรับลดค่าเอฟทีงวดใหม่ สำหรับเดือน พ.ค.-ส.ค.2566 ตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอขอรับภาระยืดหนี้การชำระค่าไฟฟ้าที่รับภาระแทนประชาชนไปก่อนจาก 2 ปีเป็น 2 ปี 4 เดือน ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสำหรับเดือน พ.ค.-ส.ค.2566 ลดลงจาก 4.77 บาทต่อหน่วย เป็น 4.70 บาทต่อหน่วย โดยหลังจากนี้จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในวันจันทร์ที่ 24 เม.ย.2566 เพื่อมีมติก่อนเปิดรับฟังความเห็น 5-7 วัน และเสนอบอร์ด กกพ.พิจารณาเคาะราคาเพื่อประกาศใช้ต่อไป ทั้งนี้ ตามขั้นตอนการพิจารณาของ กกพ. จะทันบิลค่าไฟรอบเดือน พ.ค.แน่นอน เพราะบิลค่าไฟจะเริ่มออกตั้งแต่ 10 พ.ค.เป็นต้นไป

ขณะที่นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง  ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญและติดตามสถานการณ์เรื่องค่าไฟฟ้าอย่างใกล้ชิด ห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พยายามหาทางช่วยเหลืออยู่ เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน ให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

“ค่าไฟฟ้าเดือน เม.ย.สูงขึ้น การไฟฟ้านครหลวงชี้แจงยืนยันว่าเกิดจากเหตุอากาศที่ร้อนสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ส่งผลให้ประชาชนใช้ไฟฟ้าเพิ่ม ไม่ได้เป็นการขึ้นค่าไฟฟ้า พร้อมแนะนำการประหยัดไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อน ด้วยการยึดหลักปิด-ปรับ-ปลด-เปลี่ยน” นายอนุชากล่าว

ขณะเดียวกัน ยังคงมีความต่อเนื่องจากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่ารัฐบาลจะทำเรื่องถึงสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขออนุมัติใช้งบประมาณแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าแพง โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.กล่าวว่า หากเสนอมาก็ต้องนำเข้าที่ประชุม กกต. ซึ่งมีเกณฑ์การพิจารณาอยู่  ยืนยันว่าไม่เป็นปัญหาต่อ กกต.แต่อย่างใด เพราะเราต้องพิจารณาไปตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้

เมื่อถามว่า การพิจารณาของ กกต.อาจถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ปลดล็อกให้รัฐบาล นายอิทธิพรยอมรับว่า อาจถูกมองเช่นนั้นได้ แต่ในการพิจารณา ถ้าเราเห็นว่ามันเป็นการทำที่ถูกต้องเราก็อนุมัติไป และเราก็ต้องรับผลกระทบไป เพราะมันเป็นหน้าที่ของเรา แต่ถ้าเราเห็นว่าไม่ใช่ เราก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ ไม่ได้ แค่นั้นเอง ซึ่งเรายืนอยู่ตรงกลางอยู่แล้ว ผลสุดท้ายถึงเวลาจริงเขาก็ต้องให้เราทำ ซึ่งไม่คิดว่า กกต.ถูกยืมมือเป็นเครื่องมือใคร แต่ กกต.คิดว่าเป็นเรื่องบทบาทหน้าที่ของเราที่ต้องทำ  

กกต.ลั่นไม่มีหลบใต้โต๊ะ

“การตัดสินของเรามีทั้งถูกทั้งผิด มีทั้งเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย ซึ่งผลจะออกมาเป็นอย่างไร เมื่อเราตัดสินแล้วก็ต้องรับผิดชอบ และเราไม่ตัดสินก็ไม่ได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าถ้ามีเหตุผลดีและสนับสนุนคำขอก็ต้องตัดสินว่าให้อนุญาต และเราก็รับผลไป เมื่อมีผู้ไม่เห็นด้วย แต่หากเราเห็นว่าไม่ควรทำเรื่องนี้ ในเวลานี้เราก็บอกรัฐบาลว่าไม่ได้” นายอิทธิพรกล่าว

เมื่อถามต่อว่า มีผู้มองว่าเรื่องนี้ควรเป็นการพิจารณาของรัฐบาลหน้า นายอิทธิพรกล่าวว่า หากเสนอเรื่องมาที่ กกต. เราก็ต้องพิจารณาไป จะไปหลบใต้โต๊ะ บอกว่าไม่พิจารณาก็ไม่ได้

นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.กล่าวเช่นกันว่า หากนายกฯ ส่งเรื่องมาพร้อมกับรายละเอียด ขอเงินงบประมาณที่จะใช้มาก็สามารถดำเนินการเสนอเรื่องดังกล่าวเพื่อให้ กกต.ประชุมต่อได้ทันที และไม่น่ามีปัญหา เนื่องจากว่ารัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 169 ระบุไว้ชัดเจนถึงการขอใช้งบประมาณกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จะต้องขอความเห็นชอบที่จะอนุมัติการใช้งบประมาณดังกล่าวในช่วงที่เป็นรัฐบาลรักษาการอยู่แล้ว และเห็นว่าเรื่องดังกล่าวจะใช้เวลาพิจารณาไม่นาน เนื่องจาก กกต.มีกำหนดประชุมร่วมกันสัปดาห์ละ 3 วันอยู่แล้ว

พ.ต.ต.ณัฐวัฒน์ เสงี่ยมศักดิ์ รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมาย หาก ครม.จะอนุมัติเกี่ยวกับเรื่องเงิน ต้องผ่านความเห็นชอบจาก กกต.ตามขั้นตอน ไม่มีอะไรซับซ้อน

ขณะที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. โพสต์เฟซบุ๊กในเรื่องนี้ว่า กกต.ต้องอ่านมาตรา 169 (4) ด้วยว่ารัฐบาลรักษาการไม่สามารถใช้ทรัพยากรของรัฐกระทำการใดที่มีผลต่อการเลือกตั้ง ซึ่งงบกลางคือทรัพยากรของรัฐ อนุมัติช่วงนี้มีผลต่อการเลือกตั้ง กกต.กล้าอนุมัติก็ต้องกล้าติดคุกด้วย ทางออกเสนอมาหลัง 14 พ.ค.พ้นเลือกตั้งไปแล้วไม่มีความผิด

ส่วนนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณี กกพ.จะปรับลดค่าเอฟทีเหลือ 4.70 บาทต่อหน่วย ว่าไม่ใช่ตัวเลขที่มากนัก แต่เป็นแนวโน้มที่ดีต่อภาคเอกชนและประชาชน และแม้จะอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการก่อนการเลือกตั้ง แต่ภาคเอกชนอยากเห็นรัฐบาลกล้าตัดสินใจลดค่าไฟฟ้าทันที โดยไม่ได้มองว่าเป็นประเด็นที่จะใช้หาเสียงในช่วงเลือกตั้งหรือไม่

  “ตอนนี้ถือเป็นปัญหาที่ทุกภาคส่วนเห็นตรงกันทั่วประเทศ และหากปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อไปจนถึงรัฐบาลชุดใหม่ คงจะกระทบต่อภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศอย่างมหาศาล” นายสนั่นกล่าว และว่า หากเร่งจัดตั้ง กรอ.พลังงาน พิจารณาปรึกษาหารือระหว่างรัฐบาล ภาคเอกชน และตัวแทนภาคประชาชน โดยทุกฝ่ายร่วมกันพิจารณาโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศร่วมกันใหม่ ก่อนสรุปเป็นตัวเลขในการลดค่าไฟฟ้า ชี้แจงรายละเอียดและความจำเป็นให้ทุกคนได้รับทราบ เชื่อว่าทุกภาคส่วนจะยอมรับ และช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ต่อไปได้

ชี้การบ้านใหญ่รัฐบาลใหม่

นายสนั่นกล่าวว่า เป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลชุดถัดไป ที่จะต้องสะสางปัญหาโครงสร้างค่าไฟฟ้าทั้งระบบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะเช่นนี้ โดยเฉพาะความสามารถของผู้ประกอบการไทยที่ยังแข่งขันไม่ได้จากต้นทุนด้านพลังงานที่สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาครัฐต้องเชิญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมานั่งร่วมกันพิจารณาโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศใหม่ เพื่อเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายร่วมกันหาทางออกว่าอัตราค่าไฟฟ้าของไทยควรเป็นอัตราใดถึงจะเหมาะสม และให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ แม้ในช่วง 3-4 เดือนนี้อัตราค่าไฟฟ้ายังอยู่ในอัตราสูง แต่จะมีหนทางใดที่จะให้การช่วยเหลือ หรือมาตรการเสริมเพื่อลดบรรเทาผลกระทบให้ทุกฝ่ายได้น้อยลงบ้าง เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถเดินหน้าต่อไปได้

วันเดียวกัน ยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เกี่ยวกับเรื่องค่าไฟฟ้า โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีมีผู้ที่เข้าใจผิดว่าพรรค พปชร.มีส่วนร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ในการทำให้ค่าไฟฟ้าแพง ว่า พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค พปชร. ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ปัญหาหลายเรื่องเป็นปัญหาที่นายกฯ ในรัฐบาลที่ผ่านมาเป็นคนดำเนินการ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรค พปชร.เลย ดังนั้นเราจึงจะแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าให้ลดลง อย่างที่ว่าให้ลดลงเหลือ 2.50 บาท อันนี้คือพรรค พปชร.อย่างแท้จริง

นายอิทธิเดช สุพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ในฐานะโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในหัวหน้าพรรค ภท. ห่วงใยและเข้าใจปัญหาค่าไฟฟ้าแพงกระทบต่อเงินในกระเป๋าของประชาชน พรรคจึงได้เสนอนโยบายพลังงานสะอาด ลดรายจ่ายประชาชน หรือกรีนดีอยู่ดี โดยจะติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ฟรี ทั้งในบ้านพักอาศัย คอนโดมิเนียม สถานประกอบการ และชุมชน

“นโยบายนี้ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาค่าไฟแพงได้อย่างยั่งยืน ลดการพึ่งพาต่างประเทศ และช่วยลดมลพิษจากการผลิตไฟฟ้า เพราะเป็นพลังงานทางเลือกที่อาศัยแสงแดด ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศไทย” นายอิทธิเดชกล่าว

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) กล่าวว่า การแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพงคือรัฐบาลต้องยกเลิกค่าเอฟทีในช่วง 3 เดือนนี้ทันที ทำได้เลย เพราะต้นทุนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ลดลงมากจากราคาก๊าซ LNG ที่ถูกลงมาตลอด โดยการจะแก้ปัญหา ต้องมีความกล้าทางการเมืองที่จะรื้อโครงสร้างไฟฟ้า โดยต้องเปิดเสรีให้ประชาชนมีสิทธิเป็นผู้ลงทุน ให้ประชาชนทุกคนที่มีหลังคาเรือนสามารถเข้าถึงเงินทุนที่จะเข้าถึงแผงโซลาร์ และให้สิทธิในการขายไฟส่วนเกินคืนให้กับรัฐ ในราคาเดียวกันกับราคาค่าไฟที่ซื้อจากรัฐ

“พรรคชาติพัฒนากล้าเสนอให้แยกสายส่งออกมาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ  เป็นรัฐวิสาหกิจต่างหาก เพื่อเปิดเสรีการซื้อขายไฟระหว่างภาคเอกชนกับภาคประชาชน เพราะตอนนี้การไฟฟ้าฯ เขาหวง เพราะอยากเป็นผู้ผลิตและหวงสิทธิในการผลิตเอง” นายกรณ์ระบุ

หญิงหน่อยชงล่าชื่อฟ้อง

ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) และแคนดิเดตนายกฯ ระบุว่า จากการดำเนินนโยบายผิดพลาดหรือบกพร่องกรณีการทำสัญญาให้เอกชนสร้างโรงไฟฟ้าเกินความจำเป็นถึงเกือบ 60% ทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟสูงเกินความเป็นจริง ทั้งที่เอกชนเจ้าของโรงไฟฟ้าไม่ต้องผลิตไฟแม้สัก 1 เมกะวัตต์ เปรียบได้กับสัญญาทาสที่ปล้นประชาชนหรือไม่ พรรค ทสท.ขอทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของคนไทยที่ถูกเอาเปรียบ โดยขอเชิญชวนประชาชนได้ร่วมลงชื่อเพื่อฟ้องร้องผู้ที่มีอำนาจอนุมัติและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อศาล เพื่อให้พิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความบกพร่องหรือความผิดพลาดของภาครัฐที่ทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้จริงให้เอกชนสูง 0.7 บาท/หน่วย โดยที่เอกชนไม่ได้ผลิตไฟฟ้าสักหน่วย

“ถ้าพรรคได้เป็นรัฐบาล เรามีแนวทางปรับลดค่าไฟฟ้าให้เป็นธรรม ไม่เกิน 3.50 บาท/หน่วย” คุณหญิงสุดารัตน์ระบุ

ขณะเดียวกัน สภาที่ 3 ร่วมกับคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 จัดเวที "สภาที่สาม-The Third Council Speaks"วาระประเทศไทย เรื่อง “พลังงาน ค่าไฟฟ้าแพง น้ำมันแพง ประชาชนทุกข์ทรมาน รับกรรมถ้วนหน้า” โดย น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว. กล่าวว่า ค่าไฟฟ้าที่แพงเกิดจาก 1.ต้นทุนเชื้อเพลิงคือก๊าซ LNG เป็นหลัก ซึ่งต้องนำเข้า และ 2.การซื้อไฟฟ้าของรัฐบาลจากเอกชนระยะยาว 25 ปี และในราคาที่แพงกว่าที่ กฟผ.นำมาขายให้ กฟน.และ กฟภ.ในสัดส่วนถึง 70% ผลิตเองเพียง 30% เท่านั้น ปัจจุบันไทยมีกำลังไฟฟ้าสำรองหรือไฟฟ้าล้นเกินถึง 62% สูงขึ้นจากปีที่แล้วที่มีไฟฟ้าล้นเกิน 54% โดยที่ผ่านมา กฟผ.ซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชนในราคา 3-9 บาทต่อหน่วย แต่นำมาขายส่งให้ กฟน.และ กฟภ.อยู่ที่ 2.75 บาทต่อหน่วย ทั้งที่หาก กฟผ.ผลิตไฟฟ้าเอง ประชาชนจะได้ใช้ไฟฟ้าถูกกว่านี้ แต่ปัจจุบัน กฟผ.ผลิตเพียง 30% เท่านั้น และตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ลดกำลังผลิตได้ถึง 25% ขณะที่โรงไฟฟ้าเอกชนที่รัฐบาลทำสัญญานั้น ไม่ว่าจะได้ผลิตหรือไม่ แต่รัฐบาลก็ต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่ายจึงเกิดหนี้สินราว 40,000 ล้านบาท และอีก 100,000 ล้านบาท จากการซื้อไฟฟ้ามาในราคาแพง แต่ขายในราคาถูก รวมแล้ว กฟผ.มีหนี้ประมาณ 150,000 ล้านบาท และกลายมาเป็นค่า FT ในแต่ละงวด

รสนาดันแคมเปญทะลุแดด

“กำลังคิดแคมเปญภายใต้คอนเซปต์ทะลุแดด ให้ประชาชนเข้าถึงการใช้ประโยชน์จากแสงแดด เพราะภาครัฐอ้างว่าจะสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน แต่ให้สิทธิ์เอกชนผูกขาด ไม่ยอมให้ประชาชนทำ ดังนั้นต้องผลักดันการเปิดโอกาสให้ประชาชนเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือการติดตั้ง Solar roof ซึ่งตัวเองใช้ที่บ้าน พบว่าประหยัดค่าไฟได้ถึง 2 ใน 3 หรือราว 65% จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่มีทุนเพียงพอ ส่วนผู้มีรายได้น้อย ต้องกดดันภาครัฐให้ดำเนินการติดตั้งหรือสนับสนุนงบประมาณ โดยแต่ละครัวเรือนสามารถผลิตไฟฟ้าใช้ที่บ้าน และส่วนเกินที่ใช้ก็ขายไฟฟ้าผ่านระบบ เป็นการคืนค่าลงทุนให้ภาครัฐได้” น.ส.รสนาระบุ

ด้าน ผศ.ประสาท มีแต้ม กรรมการนโยบายด้านบริการสาธารณะพลังงานและสิ่งแวดล้อม สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า ควรให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าเองและเหลือขายให้ภาครัฐได้ผ่าน solar roof ซึ่งยืนยันว่ามีความพร้อม และไม่มีปัญหาทางด้านเศรษฐศาสตร์และด้านเทคโนโลยี ซึ่งการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ มีต้นทุนหรือราคาถูกที่สุดในโลก แต่รัฐบาลไม่ยอมให้ประชาชนทำเท่านั้นเอง และถ้าภาครัฐลงทุนเพิ่มอีก 20% คือ 1% ของ GDP จะได้ไฟฟ้าเพิ่มถึง 200-300% กลายเป็นซูเปอร์เพาเวอร์ คือมีพลังงานเหลือเฟือที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีก รวมทั้งสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต และไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย

พ.ท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ (คปป.)กล่าวว่า ปัญหาไฟฟ้าราคาแพงสืบเนื่องยาวนานตั้งแต่ยุครัฐบาลชวน หลีกภัย ที่มีการแปรรูปโรงไฟฟ้าจังหวัดระยอง ซึ่งมักอ้างเรื่องความคล่องตัวของการบริหารงานและการลดภาระของรัฐบาล แต่เมื่อรัฐบาลสนับสนุนการก่อสร้างหรือดำเนินโครงการต่างๆ เมื่อหมดสัญญาทรัพย์สินก็ตกเป็นของเอกชน แล้วต่อสัญญาใหม่ ถือเป็นการกินเงียบ และนำเรื่องฟ้องร้องศาลประชาชนก็ไม่เคยชนะในคดีลักษณะนี้

นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) กล่าวว่า ปัจจุบันข้อมูลสาเหตุที่ไฟฟ้ามีราคาแพงถูกเปิดเผยจนประชาชนเห็นชัดแล้ว หลังจากเริ่มตั้งคำถามจากการเจอปัญหาด้วยตัวเอง ขณะที่ฝ่ายการเมืองก็เริ่มโหนหรือหาเสียง ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาล ที่ยังอยู่ในอำนาจรัฐสามารถทำให้ค่าไฟฟ้าถูกได้ แต่ไม่ยอมดำเนินการ กลับหาเสียงว่าจะลดค่าไฟฟ้าหากได้เป็นรัฐบาลอีกสมัยหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้ ดังนั้นจึงหวังการแก้ปัญหานี้ในฝ่ายการเมืองได้ยาก

“ต้องจัดการกับนายทุนที่ได้ประโยชน์จากค่าไฟฟ้าราคาแพง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งได้ขอคิดไว้แล้ว แต่ยังไม่เปิดเผยในตอนนี้ เพราะเห็นว่าจะปล่อยให้นายทุนลอยนวลไม่ได้ เนื่องจากเป็นตัวดีที่อยู่เบื้องหลัง และสนับสนุนเงินทุนให้แทบทุกภาคการเมือง” นายวีระกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์