ชิงปล้นกลางแดด! ‘ปชป.’ซัดแรง‘พปชร.’ โค้งท้ายเลือกตั้งเดือด

4 วันสุดท้ายเลือกตั้งซ่อมชุมพร-สงขลาเดือด "ธรรมนัส" ปราศรัยมันปาก "ก้าวไกล" สบช่องยื่น กกต.จังหวัดสงขลาสอบคลิปหาเสียงบนเวที อวดผู้สมัคร พปชร.รวย เอาไหมเงินและทำท่าล้วงกระเป๋า "บิ๊กป้อม" ยัน ปชป.-พปชร.หาเสียงเดือดใส่กัน แต่ปิดหีบเลือกตั้งทุกอย่างจบ

การหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายสนามเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพรและสงขลา ที่จะลงคะแนนเสียงกันวันอาทิตย์ที่ 16 ม.ค.นี้ ดำเนินไปอย่างเข้มข้น โดยเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2565 ในช่วงเช้า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายชวลิต อาจหาญ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 4 พรรคพลังประชารัฐ จ.ชุมพร พร้อมทีมงาน ได้ลงพื้นที่พบปะทักทายประชาชนทั่วไปในย่านตลาดสดเทศบาลเมืองชุมพร โดย ร.อ.ธรรมนัสได้แนะนำนายชวลิตหรือทนายแดงต่อประชาชน เพื่อให้เลือกมาช่วยดูแลชีวิตความเป็นอยู่ และพัฒนาเปลี่ยนแปลงเมืองชุมพรให้พัฒนาอย่างเข้มแข็ง ยั่งยืน โดยได้รับความสนใจจากประชาชนและพ่อแม่ค้าในตลาดสดเทศบาลเมืองชุมพรอย่างมาก

จากนั้น ร.อ.ธรรมนัสพร้อมด้วยทนายแดงและทีมงานขึ้นรถแห่ไปตำบลวังไผ่  ตำบลท่ายาง และตำบลบางหมาก อำเมืองชุมพร เพื่อแนะนำทนายแดง เบอร์ 4 พร้อมขอให้เชื่อมั่นในนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติรย์ทรงเป็นประมุข และมีเป้าหมายหลักให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เข้าถึงสวัสดิการแห่งรัฐ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ช่วยประชาชนที่ยากไร้มีที่ดินทำกิน พัฒนาอาชีพให้มีรายได้ยั่งยืน

ขณะที่กรณีการเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐในพื้นที่เลือกตั้งซ่อมเขต 6 สงขลา ที่ ร.อ.ธรรมนัสขึ้นเวทีปราศรัย โดยมีเนื้อหาบางส่วนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเวลานี้

ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา นายธิวัชร์ ดำแก้ว ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมเขต 6 จังหวัดสงขลา พรรคก้าวไกล พร้อมทีมงานพรรคก้าวไกล ได้เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดสงขลา เพื่อยื่นหนังสือให้กับนางพะเยีย ศิริโชติ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดสงขลา ร้องเรียน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ว่าได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อช่วยหาเสียงช่วยผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง จากการปราศรัยสัญญาว่าจะให้เงินช่วยเหลือคนเดือดร้อน โดยมีนายกุศล เตะอะสัน เป็นหัวหน้าสืบสวนสอบสวน กกต.จังหวัดสงขลา เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียนแทน

โดยนายธิวัชร์ได้นำหลักฐานเป็นภาพคลิปวิดีโอในขณะที่ ร.อ.ธรรมนัสปราศรัยบนเวทีมามอบให้ทาง กกต.สงขลาเพื่อพิจารณา             

จากนั้นนายธิวัชร์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันนี้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนที่ กกต. หลังจากที่มีการปราศรัยบนเวทีเมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมาของเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่เข้าข่าย ผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง 2561 มาตรา 73 วงเล็บ 1 เรื่องการจูงใจ สัญญาว่าจะให้

"มูลเหตุที่ร้องตรงที่เขาบอกว่า ถ้าไม่มีตังค์ ถ้าไม่รวย จะไปช่วยได้ไง พร้อมท่าล้วงเงินว่ามีตังค์ช่วย เอาไหมพี่น้อง ในทางกฎหมายคุณธรรมนัสเป็นเลขาธิการพรรคและกรรมการพรรค ซึ่งหากเข้า พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองปี 60 มาตรา 22 ถ้าสอบสวนแล้วอันแรกผิด ก็จะมีผลต่อพรรคพลังประชารัฐด้วย" ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลกล่าว

นายกุศล เตะอะสัน หัวหน้าสืบสวนสอบสวน กกต.จังหวัดสงขลา บอกว่า ได้ดำเนินการรับเรื่องตามกระบวนการ และได้ออกใบคำร้องให้กับผู้ร้อง ส่วนขั้นตอนต่อไป ก็จะตรวจพิจารณาคำร้องว่าถูกต้องตามระเบียบของ กกต.หรือไม่ และจะรายงานให้กับ กกต.กลางทราบภายใน 24 ชั่วโมง

โดยประเด็นดังกล่าว นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร ในฐานะรองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นเรื่องปกติของการเมือง แต่ประเด็นที่ร้องไม่เกี่ยวกัน การพูดของ ร.อ.ธรรมนัส เพื่อชูคุณสมบัติเด่นของผู้สมัครให้ประชาชนเห็นว่าเป็นคนรุ่นใหม่ มีฐานะดี เพื่อให้เห็นว่าคนที่ประสบความสำเร็จ มีฐานะแล้ว ก็พร้อมทำงานรับใช้พื้นที่ เมื่อมีเงินอยู่แล้วก็จะไม่ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการทุจริต ไม่ได้บอกว่าจะเอาเงินไปให้ใคร คนร้องก็มีสิทธิ์ที่จะร้องได้ตามความเห็นส่วนตัวที่เขาตีความ แต่ต้องไปตรวจสอบตามขั้นตอนและระเบียบข้อบังคับต่างๆ ของ กกต. เรื่องนี้ ร.อ.ธรรมนัสไม่ได้เครียดหรือกังวล เพราะมองเป็นปกติของการเมือง ไม่ว่าจะเลือกสนาม อบต. สนามการเมืองใหญ่ ก็มีเรื่องการร้องเรียนเกิดขึ้นได้ และมั่นใจว่าการปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครไม่เข้าข่ายตามที่มีการร้อง กกต. มองว่าการหาเสียงแต่ละคนก็มีเทคนิคต่างกัน มีทั้งตั้งใจหาเสียง ชูจุดเด่นหรือตั้งใจจับผิดคู่ต่อสู้

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ภาคใต้ 2 เขต ที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือดระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันจะกระทบเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ว่า ไม่มีผลกระทบหรอก เป็นเรื่องของการเลือกตั้งก็ว่ากันไป จะไปเกี่ยวกับเรื่องพรรคร่วมรัฐบาลได้อย่างไร ไม่เกี่ยวอะไรกับรัฐบาลเลย พรรคร่วมเข้าใจกันไม่มีอะไร เมื่อผลเลือกตั้งออกมา และยืนยันว่าทุกอย่างก็จบ เพราะที่ผ่านมาการเลือกตั้งซ่อม 5 ครั้ง เลือกตั้งเสร็จก็จบ

เมื่อถามว่า จากการลงพื้นที่ทั้งที่ สงขลาและชุมพร มีความมั่นใจว่าจะชนะหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะไปรู้ได้อย่างไร ก็แล้วแต่ประชาชน และจากการลงพื้นที่ ประชาชนก็ให้การต้อนรับดีทุกคน ไปที่ไหนก็ดีทั้งนั้น

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่   กทม. มีการออกมาเปิดเผยข้อมูลว่ามีการซื้อเสียงเสียงละ 1,500 บาท พล.อ.ประวิตรกล่าวสวนมาทันทีว่า “พรรคพลังประชารัฐไม่ซื้อ ส่วนใครจะซื้อไม่ทราบ”

ส่วนการสรรหาผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคพลังประชารัฐมีความคืบหน้าอย่างไรนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า กำลังดำเนินการอยู่ ส่วนจะเปิดตัวในเดือนนี้เลยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับตนและพรรคพลังประชารัฐที่จะพิจารณา เมื่อถามถึงนางนวลพรรณ ล่ำซำ หรือมาดามแป้ง ผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย เดินทางเข้าพบเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา มีการหารือเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ในนามพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี คุยกับมาดามแป้งแต่เรื่องฟุตบอล ไม่ได้คุยกันเรื่องผู้ว่าฯ กทม. เมื่อเปิดตัวมาแล้วจะว้าวหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับสื่อ หากสื่อว้าวก็ว้าว ส่วนจะเป็นผู้หญิงผู้ชายนั้นตนไม่ทราบ

ช่วงค่ำเวลา 18.00 น. พล.อ.ประวิตร พร้อมแกนนำพรรค พปชร.ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงที่บริเวณด้านหน้าศาลาว่าการอำเภอเมืองชุมพร ช่วย “ทนายแดง” นายชวลิต ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.ชุมพร โดยพล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตั้งใจเดินทางมาจังหวัดชุมพร เพราะรู้สึกอบอุ่น รวมถึงสมาชิก ส.ส.ของพรรคแต่ละคนที่เดินทางมาพร้อมกัน ก็เพื่อมายืนยันว่าทนายแดงเหมาะสมที่จะสู้ในศึกชิงเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยมุ่งในการทำนโยบายเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ด้วยความเข้มแข็ง เป็นหนึ่งเดียวของพรรคจะสามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนกินดีอยู่ดี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวหลังถูกถามถึงกรณีการพิจารณากฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ถ้าประกาศใช้แล้วควรเลือกตั้งเลยหรือปล่อยให้เป็นไปตามวาระของรัฐบาล เรื่องนี้ต้องถามที่ตึกไทยคู่ฟ้า แต่อะไรจะเกิดขึ้นภูมิใจไทยก็พร้อม พรรคการเมืองตั้งมา 10 แล้ว เป็นผู้แทนฯ ต้องพร้อมตลอดเวลา อุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นประจำ อยู่ที่ว่าจะถึงจุดไหนแล้วมีเหตุที่นำไปสู่การสิ้นสุดของสภา เราก็ต้องพร้อมเช่นกัน

หลักสี่หาเสียงดุ

ส่วนการหาเสียงในพื้นที่เลือกตั้งหลักสี่ วันเดียวกันนี้ ในช่วงเช้า นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลักสี่-จตุจักร เบอร์ 7 จากพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคกล้า ให้สัมภาษณ์ว่าพรรคพลังประชารัฐน่าจะส่งคนที่มีคุณภาพมากกว่านี้มาลงสมัครนั้น ตนไม่ขอตอบโต้นายอรรถวิชช์ที่มาดูถูกพรรคการเมืองอื่น ดูถูกผู้สมัครจากพรรคอื่น และถือเป็นการหมิ่นเกียรติตนซึ่งเป็นผู้หญิงอย่างมาก การพูดของนายอรรถวิชช์ นอกจากจะดูหมิ่นเพศแม่แล้ว ยังดูถูกคนหลักสี่-จตุจักรที่ให้การสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐอีกด้วย นายอรรถวิชช์เคยพูดว่าเราเหมือนเป็นญาติกัน แต่วันนี้ทำพฤติกรรมเช่นนี้ ทั้งที่นายอรรถวิชช์เป็นคนหน้าตาดี การศึกษาสูง ตระกูลใหญ่โต พอลงเลือกตั้งรู้ว่าจะแพ้ก็ออกมาโจมตี ดูถูกเหยียดหยามกันด้วยคำพูดที่ไร้ซึ่งความเป็นสุภาพบุรุษ จะให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบว่าถือเป็นการทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งในการโจมตี ใส่ร้าย หรือไม่ และดำเนินคดีต่อไป ฝากไปยังนายอรรถวิชช์ว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นวัดกันที่ผลงานในพื้นที่ ไม่ใช่วาทกรรมทางการเมือง หรือการดูถูกคนอื่นให้ตัวเองดูดี ขอให้ดูผลงานที่ตนทำมา และย้อนกลับไปดูตัวเองว่าเคยทำอะไรให้คนหลักสี่-จตุจักรบ้าง

"คนที่ประกาศว่าเป็นนักการเมืองคุณภาพ จะทำการเมืองใหม่ แต่คำพูดกลับสวนทางกับสิ่งที่กำลังทำ แถมเล่นการเมืองแบบเก่าด้วยการสาดโคลนใส่ร้ายกันแบบนี้ นี่หรือคือการเมืองที่มีคุณภาพ ดิฉันเชื่อว่าพี่น้องชาวหลักสี่-จตุจักร จะเป็นผู้พิพากษานักการเมืองแบบนี้เอง และขอวิงวอนพี่น้อง พ่อแม่ชาวหลักสี่-จตุจักร ได้แสดงพลังปกป้องเกียรติยศของคนหลักสี่-จตุจักรด้วย อย่าให้นักการเมืองแบบนี้มาย่ำยีดูถูกพวกเราตลอดไป”ผู้สมัคร ส.ส.พลังประชารัฐระบุ

ขณะที่นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หากย้อนกลับไปฟังเทปให้สัมภาษณ์ ไม่มีคำใดของตนที่ดูหมิ่นสตรีแม้แต่คำเดียว อย่าทำการเมืองดรามา และขอให้นางสรัลรัศมิ์ระมัดระวังคำพูด เพราะการกล่าวหากันแบบนี้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย

ส่วนกรณีการซื้อเสียง นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า เริ่มมีการร้องเรียนว่ามีการจดชื่อผ่านระบบหัวคะแนนในพื้นที่ เกิดขึ้นมากกว่าที่เคยเลือกตั้งมา ผมอยู่วงการการเมืองมา 17 ปี ได้ยินได้ฟังหนักสุดในครั้งนี้ และมีการร้องเรียนเข้ามาว่ามีการเพิ่มรายชื่อบุคคลอื่นเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้าน ซึ่งเจ้าบ้านที่ร้องเรียนได้ขอให้สำนักงานเขตตรวจสอบแล้ว

ยื่น กกต.สอบยุบเพื่อไทย

วันเดียวกันนี้ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทย กรณีของนายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และกรณีที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ปรึกษาอดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองมาตรา 28 และ 92 เพราะทั้งนายวิฑูรย์และ พล.อ.พัลลภได้ประสานไปยังพรรคเพื่อไทย โดยนายวิฑูรย์ได้ประสานกับนายเกรียง กัลป์ตินันท์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และเปิดเผยผ่านช่องอุดรคอนเนค ว่าได้มีการเจรจาและต่อสายตรงไปยังนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งการที่นายวิฑูรย์จะเข้าไปสังกัดพรรคเพื่อไทย และในกรณีของ พล.อ.พัลลภ ได้ระบุว่าได้พูดคุยกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กรณีที่ไม่ได้รับเชิญไปร่วมประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทยที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้มีการพูดโยงไปถึงนายทักษิณ

จึงขอให้ กกต.เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยนายวิฑูรย์, นายเกรียง, พล.อ.พัลลภ, นพ.ชลน่าน มาตรวจสอบว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และขอให้ตรวจสอบโทรศัพท์ของนายวิฑูรย์ และ พล.อ.พัลลภ ว่าได้มีการใช้โทรศัพท์ติดต่อประสานงานเรื่องทั้งหมด รวมทั้งเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทั้งนี้ หากพบว่ามีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดให้การอันเป็นเท็จ กกต.ต้องแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาทำผิดต่อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และหากพบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นจริง เป็นหน้าที่ของ กกต.ต้องดำเนินการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 28 ที่ปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้ามาครอบงำบริหารพรรคการเมือง โดยมาตรา 92 กกต.จะต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรค.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง