“รมต.น้ำ” แห่ตีปี๊บ “ฟอร์บส์” จัดอันดับ “แพทองธาร” ติดอันดับ 29 ผู้หญิงทรงอิทธิพลโลก ฟุ้ง “ไทม์” ก็เคยยกก้นผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต “นายกฯ อิ๊งค์” เล่นบทนางเอก บอกทุกครั้งไปดูในลิสต์อะไรแล้วเจอคำว่าไทยแลนด์ก็รู้สึกดีใจ ขนคณะทัวร์มาเลย์ “เรืองไกร” ส่งหนังสือทวงถามข้อมูลที่รับปากล่าช้ากว่า 2 เดือน
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2567 น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผลการจัดอันดับ Top 100 The World’s Most Powerful Women ประจำปี 2024 ของนิตยสารฟอร์บส์ โดยปรากฏชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ติดอันดับที่ 29 จากสตรีทรงอิทธิพล 100 คนทั่วโลก และถือเป็นสตรีที่ทรงอิทธิพลอันดับ 3 ของเอเชีย ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่นานาประเทศเล็งเห็นถึงศักยภาพผู้นำหญิงของไทยที่โดดเด่นในเวทีโลก
“น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ หญิงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย นับแต่ก้าวแรกที่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ได้แสดงภาวะผู้นำรับมือภาวะวิกฤตภายในประเทศหลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะการจัดการปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด เหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสนักเรียน รวมถึงเดินหน้าผลักดันนโยบายต่างๆ ต่อเนื่องจากรัฐบาลอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งจากการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล รอบ 90 วันที่ผ่านมา มีหลายนโยบายที่ทำสำเร็จไปแล้ว และจะดำเนินการต่อเนื่อง” น.ส.จิราพรกล่าว
น.ส.จิราพรกล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธารยังเคยถูกจัดอันดับ 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต ของนิตยสารไทม์ สหรัฐอเมริกา ในประเภทผู้นำร่วมกับผู้นำรุ่นใหม่ทั่วโลก รวมถึงยังได้รับความนิยมอันดับ 1 ในฐานะนักการเมืองที่โดดเด่นที่สุดของสวนดุสิตโพล แสดงให้เห็นว่านายกฯ เป็นผู้นำหญิงยุคใหม่ที่ได้รับความสนใจจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ
น.ส.แพทองธารกล่าวในเรื่องนี้ว่า รู้สึกดีใจ และตอนที่เข้าไปดูในลิสต์แล้วรู้สึกดีใจกว่านั้นคือ จาก 100 อันดับ ได้เห็นคำว่า ไทยแลนด์ จึงมีความภาคภูมิใจ เพราะทุกครั้งเมื่อไปดูในลิสต์อะไรแล้วเจอคำว่าไทยแลนด์ก็จะรู้สึกดีใจ
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในปี 2554 ก็เคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก ลำดับที่ 59 จากนิตยสารฟอร์บส์ และเป็น 12 สตรีผู้นำโลก จากนิตยสารไทม์ และในปี 2555 ได้รับการจัดอันดับให้เป็นสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก ลำดับที่ 30 จากนิตยสารฟอร์บส์
ในเวลา 14.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 น.ส.แพทองธารพร้อมคณะ ออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อเยือนประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 15-16 ธ.ค. ตามคำเชิญของดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และเข้าร่วมการประชุมหารือประจำปีครั้งที่ 7 ในวันที่ 16 ธ.ค. ที่เมืองปูตราจายา
และเมื่อเวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุว่า น.ส.แพทองธารและคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยนายกฯ เดินผ่านแถวทหารเกียรติยศ โดยมี ดร.ซาลีฮา มุสตาฟา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย รอให้การต้อนรับ และเด็กหญิงมอบดอกไม้ให้นายกรัฐมนตรีด้วย
ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เผยว่า ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (อีเอ็มเอส) ถึงนายกฯ โดยตรง เพื่อทวงข้อมูลหลักฐานการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทต่างๆ จากนายกฯ อีกครั้งหนึ่ง เพราะเรื่องนี้รอมานานกว่า 2 เดือนแล้ว ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ แจ้งมา ประกอบกับบางส่วนต้องใช้เป็นข้อมูลไปให้ถ้อยคำต่อ กกต.ในวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้ รวม 8 เรื่อง ซึ่งต้องใช้เวลาทั้งวัน
นายเรืองไกรกล่าวว่า การให้ข้อมูลด้วยความล่าช้า ทำให้วันนี้ต้องทำหนังสือถึงนายกฯ ได้รับรู้เพื่อสั่งการโดยตรง โดยความในหนังสือระบุว่า ตามที่ได้รับหนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ นร 0005.5/46972 วันที่ 3 ต.ค.2567 มานานกว่า 2 เดือนแล้ว โดยในหนังสือดังกล่าวได้แจ้งว่า เลขาธิการนายกฯ ทราบเรื่องและพิจารณาดำเนินการต่อไปแล้ว ดังความละเอียดควรแจ้งแล้วนั้น บัดนี้ เวลาล่วงมานานพอควร ยังไม่ได้รับข้อมูลหลักฐานการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทต่างๆ ของนายกฯ จากเลขาธิการนายกฯ แต่อย่างใด ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวมีผลต่อการดำรงตำแหน่งนายกฯ และไม่ทราบว่าเหตุใดเลขาธิการนายกฯ จึงยังไม่ดำเนินการเรื่องนี้ตามหนังสือที่ นร 0005.5/46972 ทำให้เสียเวลารอนานจนทำให้รู้สึกมีเหตุพิรุธอันควรสงสัยว่า ข้อมูลการลาออกอาจมีปัญหาต่อการดำรงตำแหน่งนายกฯ ตามมาหรือไม่ กรณีจึงต้องเขียนถึงนายกฯ โดยตรงเพื่อสั่งการต่อไปโดยเร็วที่สุด
“จึงเรียนมาเพื่อขอให้นายกฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรีบส่งข้อมูลหลักฐานการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทต่างๆ ของนายกฯ ให้โดยด่วนด้วย ทั้งนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ โปร่งใส และตรวจสอบได้ของตัวนายกฯ และหากข้อมูลการลาออกดังกล่าวไม่มีพิรุธน่าสงสัยตามที่ได้ร้องไปที่ กกต. ก็จะได้ช่วยแจ้งให้ กกต.ทราบผลอีกทางหนึ่งด้วย เนื่องจากในวันที่ 18-19 ธ.ค.67 กกต.เชิญไปให้ถ้อยคำตามคำร้องอีก 8 เรื่อง” นายเรืองไกรระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ดีเอสไอ’ทุ่มเทคโนโลยี! หวังมัดฮั้วเลือกสว.-อั้งยี่
“ดีเอสไอ” จัดเต็มลุย “อิมแพ็คฟอรัม” จำลองฮั้วเลือก สว.ระดับประเทศ
ตร.6นายดับทดสอบบิน
สลดเครื่องบินตำรวจปฏิบัติภารกิจทดสอบการบิน ฝึกกระโดดร่มตกทะเลเสียชีวิตยกลำ 6 นาย
แห่หาเสียงซ่อมเมืองคอน
เลือกตั้งซ่อมนครศรีฯ ร้อนแรง “กล้าธรรม” ขนแทบทั้งพรรคลงพื้นที่ “ไผ่” โวราคาต่อรองนำ “พิพัฒน์” นำทีมปราศรัยส่งท้าย หวังรักษาเก้าอี้เดิม “ชินวรณ์” วอน กกต.สอบซื้อเสียง
ใครจะลงเรือใกล้ล่ม พปชร.ยันท่าที ‘ธรรมนัส’ตีปี๊บ ฝ่ายค้านแห่ซบ
ใครเตือนไม่ฟัง! "สามีอิ๊งค์" โพสต์ภาพนายกฯ ป่วยแอดมิต รพ. "โฆษกรัฐบาล" แจงพบไข้ขึ้นสูงหลังกลับจากเยือนกัมพูชา
พิชัยถอดรหัสภาษีทรัมป์ ย้ำทุกวิกฤตมีโอกาสใหม่
“พิชัย” จับมือภาคเอกชน เปิดเวทีถอดรหัสนโยบายภาษีทรัมป์ ย้ำทุกวิกฤตมีโอกาสใหม่ของไทย รัฐเดินหน้าเจรจา FTA-คุมเข้มสินค้าด้อยคุณภาพ-สกัดการสวมสิทธิ์อย่างเด็ดขาด
ในหลวง-ราชินี เสด็จฯ‘ภูฏาน’ 25-28เมษายน
“ในหลวง-พระราชินี” เสด็จฯ เยือนภูฏานอย่างเป็นทางการครั้งแรก ระหว่างวันที่ 25-28 เม.ย.