“คลัง” ฟุ้งเศรษฐกิจไทยเดือน พ.ย.โตต่อเนื่อง อานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยวหนุนเต็มพิกัด การบริโภคภาคเอกชนส่งสัญญาณดีจากแรงอัดฉีดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐ “แบงก์ชาติ” ชี้วิจารณ์แจกเงินตามหลักการ ย้ำลงทุนดีกว่าโอนเฉยๆ แต่ยอมรับเฟสแรกกระตุ้นได้ดี ต้องรอจับตาเฟส 2-3 ต่อไป
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2567 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แถลงถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยประจำเดือน พ.ย. 2567 ว่า เศรษฐกิจไทยยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์อยู่ที่ 25,608.2 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 8.2% ขณะที่การท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยรวม 3.15 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 19.5% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย สอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนที่มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่การบริโภคหมวดสินค้าคงทนในหมวดยานยนต์ยังคงชะลอตัว
“ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน พ.ย.2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 56.9 จากระดับ 56 ในเดือนก่อน เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ และการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริง เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 8%”
สำหรับการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณชะลอตัว โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 5.1 ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 20.7% ส่วนภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1.3% ตามการเพิ่มขึ้นในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าว และมันสำปะหลัง เป็นต้น ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 3.6% ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 91.4 จากระดับ 89.1 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากผู้ประกอบการเร่งผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเพื่อจำหน่ายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ และภาคการท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง
ด้านนางปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจและการเงินเดือน พ.ย.2567 ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวลดลง 0.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่ขยายตัวได้ 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการบริโภคที่เร่งไปในเดือนก่อนหน้าจากมาตรการโอนเงินภาครัฐ 10,000 บาทในกลุ่มเปราะบาง สอดคล้องกับกิจกรรมในภาคการค้า ด้านการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวลดลงจากทั้งหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ และหมวดก่อสร้าง ขณะที่การส่งออกในเดือน พ.ย. ขยายตัว 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหมวดยานยนต์เพิ่มขึ้นตามการส่งออกรถยนต์นั่งและรถกระบะไปออสเตรเลียและอาเซียน รวมถึงการส่งออกยางล้อไปยังสหรัฐ สำหรับหมวดสินค้าเกษตรแปรรูป เพิ่มขึ้นตามการส่งออกยางสังเคราะห์ไปจีนเป็นสำคัญ ด้านการท่องเที่ยวต่างชาติ พบว่า รายรับลดลงจากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ -2.3% โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับเพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ 3.2 ล้านคน จากเดือนก่อนหน้าที่ 2.7 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นในหลายสัญชาติ โดยเฉพาะอินเดีย ญี่ปุ่น และจีน ขณะที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียลดลงชั่วคราวจากผลของน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ของไทย
“ระยะข้างหน้าคาดว่าเศรษฐกิจไทยยังมีแรงส่งจากภาคการท่องเที่ยว แต่ยังต้องติดตามความต่อเนื่องของภาคการส่งออก ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในเดือน ธ.ค.ปรับลดลงจากภาคการผลิตเป็นสำคัญ ขณะที่การแข่งขันในประเทศที่รุนแรงมีสัดส่วนความกังวลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากต้นปี 2567 รวมทั้งยังต้องติดตามผลกระทบจากความไม่แน่นอนของแนวนโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลัก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ” นางปราณีกล่าว
น.ส.ปราณียังกล่าวถึงการแสดงความเห็นของ ธปท.ที่มีต่อโครงการของรัฐบาลในการโอนเงิน 10,000 บาทให้แก่ประชาชนกลุ่มต่างๆ ในแต่ละเฟส ว่าเป็นการให้ความเห็นไปตามหลักการ เนื่องจากการใช้เงิน ย่อมมีต้นทุนค่าเสียโอกาสในการเลือกดำเนินการหรือไม่ดำเนินการ ซึ่งการให้ความเห็นดังกล่าว เป็นหลักการเปรียบเทียบกับการนำเงินไปใช้ในโครงการแต่ละประเภท เช่น ผลการศึกษาว่า ถ้านำเงินไปใช้จ่ายลงทุน หรือการอุปโภคภาครัฐ Multiplier ต่อเศรษฐกิจ จะมีเยอะกว่าการให้เงินโอนเป็นการพูดโดยหลักการทั่วไป
“ความห่วงกังวลของ ธปท.ในเรื่องภาระการคลังที่เพิ่มขึ้นนั้น เนื่องจากเห็นว่าทรัพยากรมีเหลือไม่มากนัก ดังนั้นหากจะนำเงินไปใช้ในส่วนที่เป็นประโยชน์ และนึกถึงความคุ้มค่า ก็จะช่วยเศรษฐกิจได้ค่อนข้างมาก โดยจากการศึกษาจากโครงการต่างๆ ในอดีต เราเปรียบเทียบประสิทธิผลการใช้เงิน 1 บาท อย่างไหนจะมีผลต่อการคุ้มค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า ซึ่งจากผลศึกษาพบว่า การนำไปใช้ในการลงทุน การใช้จ่ายภาครัฐ จะมีผลคุ้มค่ามากกว่าที่เป็นเงินโอน” น.ส.ปราณีกล่าว
ผอ.อาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. ระบุอีกว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการโอนเงิน 10,000 บาท ให้ประชาชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายนั้น จะเห็นว่าการโอนเงินในเฟสแรก ที่ให้กลุ่มเปราะบางเมื่อปลายเดือน ก.ย. พบว่ามีผลช่วยกระตุ้นการบริโภคให้เพิ่มขึ้นในเดือน ต.ค. ดังนั้นคงต้องติดตามผลจากการโอนเงินในเฟสต่อไป ทั้งเฟส 2 ที่จะให้แก่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และเฟส 3 ที่เป็นรูปแบบเงินดิจิทัล ว่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจไทย ที่จะช่วยกระตุ้นด้านการบริโภคและการผลิตได้มากน้อยอย่างไร
ด้านนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นและหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มมากขึ้น กำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย รัฐบาลจำเป็นต้องแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา ไม่ใช่เพียงการให้คำสัญญาหรือถ้อยคำที่สวยหรู แต่ต้องปฏิบัติให้เกิดผลที่จับต้องได้ เพราะหลังจากที่มีการประกาศขึ้นค่าแรง 400 บาท ก็สามารถขึ้นได้เพียง 2-3 จังหวัด และไม่สามารถขึ้นทั่วประเทศได้อย่างที่รัฐบาลเคยหาเสียงไว้ แต่เมื่อดูที่ราคาสินค้าต่าง ๆ ทั้งเรื่องอุปโภค บริโภค ได้ขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้หลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ
นายสรรเพชญเน้นว่า รัฐบาลควรดำเนินมาตรการเร่งด่วน เช่น การสนับสนุนเงินช่วยเหลือเฉพาะหน้า การจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ และการกระตุ้นการจ้างงาน และการเสริมสร้างทักษะฝีมือแรงงานที่จำเป็น การส่งเสริมหลักสูตรที่ใช้เวลาเรียนน้อย แต่สามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับประชาชนได้เพื่อให้ประชาชนสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหากรัฐบาลสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้จริง จะไม่ใช่แค่คำพูด แต่จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความจริงใจในการยืนเคียงข้างประชาชน ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีความหวังและความเชื่อมั่นในรัฐบาลมากขึ้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉีกหน้า ‘ทักษิณ’ วางบึ้ม ‘ปัตตานี’ ตร.ดับ1เจ็บอีก4
ตบหน้าพ่อนายกฯ ฟุ้งดับไฟใต้ บึ้ม! ชุดลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยครูที่ปัตตานี สังเวย 1 ชีวิต เจ็บอีก 4 ราย ส่วนเหตุระเบิดรถกระเช้าที่รือเสาะ คาดฝีมือกลุ่มซิ
‘แม้ว’ สั่งถอนสัญชาติไทย เจ้าของตึก 25 ชั้นปอยเปต
“ทักษิณ” จ่อถอดสัญชาติไทยเจ้าของตึก 25 ชั้นที่ปอยเปต “ภูมิธรรม” โต้ข่าวเมียนมาปิดชายแดน บอกถ้าปิดเหมือนล็อกตัวเอง วางกรอบตัดไฟ 6 เดือน
ปูอัดดิ้นสู้คดีข่มขืนสาวไต้หวัน
เปล่าบ้ากาม! "ปูอัด" ปฏิเสธข่มขืน นทท.ไต้หวัน โวย ตร.เชียงใหม่ยัดข้อหา ลั่นรอบนี้ไม่ยอม สู้
ผวา ‘พิรงรองเอฟเฟกต์’ ลาม
จุฬาฯ เปิดเวทีถก “พิรงรองเอฟเฟกต์” จวกยับกฎหมาย กสทช.ล้าหลัง ไม่ตอบโจทย์ ไร้อำนาจคุม OTT ทีวีดิจิทัลทรุดหนัก อุตสาหกรรมสื่อส่อเค้าร่อแร่ อาจารย์นิติฯ ชี้คดีนี้อาจส่งผลไกล ต่อไป จนท.รัฐอาจลังเลใช้อำนาจ กลัวเสี่ยงถูกฟ้องร้อง
ขึงขังซักฟอก5วัน! ฝ่ายค้านเล็งยื่น 27ก.พ. / ‘พ่อนายกฯ’ ประกาศไม่ปรับครม.
"ดินเนอร์พรรคร่วมฝ่ายค้าน" คึกคัก ยื่นซักฟอกรัฐบาล 27 ก.พ. ขอเวลา 5 วัน ชำแหละบริหารงานขาดประสิทธิภาพ ไม่เป็นไปตามธรรมาธิ
แจกหมื่นเฟส3 ‘คลัง’ เปิดช่อง ดิจิทัลแลกเงิน
“จุลพันธ์” ปักธงปลาย ก.พ. ชงเคาะแจกเงินหมื่นเฟส 3 วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ยันแจกเป็นเงินดิจิทัล แต่ยอมรับปรับลดเงื่อนไขให้ประชาชนนำไปเปลี่ยนเป็นเงินสด