“แพทองธาร” ลั่นพร้อมตอบทุกเรื่องในศึกซักฟอก “ทวี” ยกข้อกฎหมาย ป.ป.ช.ขู่หากอภิปรายพาดพิง “ทักษิณ” เท้งโวไม่กลัวถูกฟ้อง รอวัดใจ “เสรีพิศุทธ์” ให้ข้อมูลชั้น 14 “นายกฯ” บอกไม่เคยเซ็นปรับ ครม.จึงไม่มีโผ “ธรรมนัส” ประกาศไม่ขยับจึงไม่ต้องสนใจใครทั้งนั้น “อุ๊งอิ๊ง” ชิ่งทันควันเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ “อนุทิน” ส่อแววไม่เอาด้วย ระบุชัดไม่อยากเสี่ยงแม้แต่น้อย “นิกร” ฟันธงไปต่อยาก พรรคประชาชนถามหาความเป็นผู้นำจากลูกแม้ว
เมื่อวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการกำชับพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องดังกล่าวว่า เดี๋ยวต้องคุยกัน เพิ่งคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ที่ประเทศจีน เรื่องหัวข้อต่างๆ ว่าหัวข้อไหนจะมีคำตอบอย่างไรบ้าง เดี๋ยวคงคุยกันอีกครั้ง เพราะเพิ่งกลับมา และได้ทำงานและเจอทุกท่านวันนี้ ภายในสัปดาห์นี้ต้องเคลียร์เรื่องเหล่านี้เพื่อตอบฝ่ายค้านให้ประชาชนเข้าใจ
เมื่อถามอีกว่า การอภิปรายครั้งนี้จะแตะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เยอะ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า โอ๊ยพร้อมตอบทุกเรื่อง เป็นนายกฯ ต้องพร้อมตอบทุกเรื่อง
น.ส.แพทองธารยังกล่าวถึงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเรื่องสิทธิการเช่าอพาร์ตเมนต์ที่ประเทศอังกฤษ โดยนายกฯ ย้อนถามกลับอย่างอารมณ์ดีว่า “คราวที่แล้วยังไม่ได้เบอร์ทนายอีกหรือคะ เอ๊ะทำไมไม่มีใครให้ เป็นความผิดของทางนี้” พร้อมชี้ไปทางทีมงานก่อนขออนุญาตไม่ตอบ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า บริษัทคู่สัญญาดังกล่าวอยู่ในรายงานปานามาเปเปอร์ ซึ่งเป็นบริษัทค่อนข้างสีเทา นายกฯ ระบุว่า “เดี๋ยวให้ติดต่อทนาย เพราะว่าท่านไม่ช่วยเซฟดิฉันเลย” ทั้งนี้ ระหว่างนายกฯ เดินกลับตึกไทยคู่ฟ้า ได้ให้นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ เลขานุการส่วนตัว ขอเบอร์โทรศัพท์ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวเพื่อเอาไว้ติดต่อ พร้อมกล่าวแซวอย่างอารมณ์ดี “เขาไม่ช่วยเซฟเราเลยคนนี้ ถามตลอด”
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน ส่วนเวลาที่ขอยื่นอภิปราย 5 วัน ก็ต้องตกลงกัน ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับวิปทั้ง 3 ฝ่าย แต่คงจะต้องพูดคุยกัน ส่วนกรณีฝ่ายค้านจะมีการนำกรณีชั้น 14 เข้าไปร่วมอภิปรายนั้น นายทักษิณเป็นคนนอก และยังไม่แน่ใจว่านายทักษิณเกี่ยวข้องอะไรกับรัฐบาล หรือทำหน้าที่อะไรของรัฐบาล ซึ่งต้องดูเนื้อหา แต่เราพร้อมตอบอยู่แล้ว
“หากมีประเด็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยเราต้องตอบ แต่หากพาดพิงไปในส่วนบุคคลก็เป็นหน้าที่ของนายทักษิณเองในการฟ้องร้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องรับฟังว่าประเด็นหรือข้อมูลของฝ่ายค้านที่จะหยิบยกขึ้นอภิปรายนั้นมีอะไรบ้าง หากอภิปรายอยู่ในประเด็นก็ไม่มีปัญหา แต่หากอยู่นอกประเด็น ก็พร้อมที่ตอบโต้” นายสรวงศ์กล่าว
เมื่อถามว่า นายทักษิณจะมาติวเข้มศึกซักฟอกด้วยหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยว ซึ่งนายทักษิณให้สัมภาษณ์ว่าจะไปนั่งฟังอยู่หลังบัลลังก์นั้น คงเป็นเพียงการพูดเล่น
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการอภิปรายเรื่องชั้น 14 ว่า ไม่มีความกังวล แต่ส่วนตัวกังวลความไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับไว้ไต่สวน หากนำไปเปิดเผยถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ยังเปิดเผยไม่ได้ และในข้อบังคับการประชุมสภาฯ การอภิปรายต้องตรงประเด็น การพาดพิงบุคคลภายนอกเป็นเรื่องไม่สมควร หากไม่ชอบด้วยกฎหมายยิ่งไม่สมควร แต่เรายินดีให้ซักฟอก เพราะถือเป็นโอกาสที่รัฐมนตรีจะได้สื่อสารสร้างความเข้าใจที่ดีกับประชาชน
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการเดินทางกลับไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่มีความคืบหน้าอะไร และไม่ทราบจะกลับไทยช่วงเดือน เม.ย.นี้หรือไม่ รวมทั้งไม่ได้ประสานมาแต่อย่างใด
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า น.ส.แพทองธารเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและภารกิจให้แก่คณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยนายกฯ ย้ำว่าที่ผ่านมามีการบิดเบือนข้อมูล ในเกมการเมืองต่างๆ ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลที่รัฐบาลถูกเข้าใจผิดและผิดวัตถุประสงค์ โดยขอให้ทุกท่านไม่ควรมองข้ามเรื่องนี้ ต้องพยายามลดความคลาดเคลื่อนในการสื่อสารให้มากที่สุด เพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นต่อประชาชน
‘เท้ง’ วัดใจ ‘เสรีพิศุทธ์’
ขณะที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการอภิปรายที่จะพาดพิงนายทักษิณ ซึ่งอาจมีการฟ้องร้องว่า ไม่มีข้อกังวล เพราะการอภิปรายในสภาได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครอง พวกเราคงทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมทีมอภิปรายไว้ค่อนข้างครบครัน และจากการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านตอนนี้รอเรื่องจัดสรรเวลา ยืนยันว่า ปชน.มีข้อมูลเต็มที่พร้อมอภิปราย
นายณัฐพงษ์ยังกล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นเอกสารข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องชั้น 14 แต่เป็นแค่ซองเปล่า ว่าการยื่นหนังสือเกิดจากการประสานของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งทั้ง 2 ท่านถือเป็นผู้ใหญ่ในฝั่งการเมือง โดยซองที่ยื่นให้แม้จะไม่ใช่ซองเปล่า และข้อมูลภายในนำมาใช้ได้มากหรือน้อยอย่างไร แต่ก่อนหน้ามีการพูดคุยกันว่าจะประสานให้ข้อมูลหลังบ้านอีกครั้ง เพราะฉะนั้นที่มีการออกมาพูดว่าเป็นการยื่นซองเปล่า เชื่อว่าความเป็นผู้ใหญ่คงไม่ได้ทำแบบนั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่มีการประสานมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ก็ยืนยันว่าจะให้ข้อมูลเช่นกัน
เมื่อถามว่า พรรค ปชน.ถูกใช้เป็นเครื่องมือหรือไม่ นายณัฐพงษ์ระบุว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะมีวัตถุประสงค์อย่างไรในการมายื่นซองเอกสารดังกล่าวไม่สามารถคิดแทนได้ แต่หากมองโดยบริบทแล้ว เมื่อมีการเสนอมาก่อน ก็เห็นว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เป็นผู้ใหญ่ ก็ยินดีรับฟังข้อมูลทุกอย่าง เพื่อนำมาใช้ในการอภิปรายให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ซึ่งเรื่องนี้อยู่ที่ความจริงใจของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หากหลังจากนี้ปิดประตู ไม่มาให้ข้อมูลกับตามที่ได้พูดกันไว้ ตนและประชาชนทุกคนก็มองได้ว่าคนที่เป็นผู้ใหญ่ในการเมืองนั้นปฏิบัติตัวอย่างไร
นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า พรรคได้กำหนดประเด็นหลักที่จะหยิบยกขึ้นมาอภิปรายประมาณ 2 เรื่อง คือ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ..... หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และการเจรจาผลประโยชน์ร่วมกันในเขตพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนไทย-กัมพูชา ตาม MOU 44 โดยจะเป็นการตั้งคำถามไปที่ตัว น.ส.แพทองธารเป็นหลัก
“ผมเชื่อมั่นว่าประเด็นที่พรรคนำมาอภิปรายรัฐบาลในครั้งนี้มีน้ำหนักพอที่จะทำให้นายกฯ และรัฐมนตรีบางคนต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ และหากตอบได้ไม่ชัดก็จะเกิดปัญหาได้ โดยจะเป็นการเปิดประเด็นให้เห็นพฤติการณ์ในเรื่องที่สังคมไม่เคยรับรู้มาก่อน” นายไพบูลย์กล่าว
น.ส.แพทองธารยังให้สัมภาษณ์ถึงการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้พูดคุยเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อย่างไร เพราะกฎหมายจีนห้ามเล่นการพนัน ว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งได้เล่าข้อมูลให้ฟังว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่เฉพาะกาสิโน แต่เป็นที่ท่องเที่ยว เราวางไว้ว่าเป็นกาสิโนไม่ถึง 10% ของพื้นที่ เราตั้งใจให้เป็นที่ของครอบครัว ให้ลูกเล็กเด็กแดงไปได้หมด กาสิโนเป็นส่วนเล็กๆ ในนั้นเท่านั้น
‘อิ๊งค์’ รับ ‘สี’ แนะนำเรื่องกาสิโน
เมื่อถามว่า นายสี จิ้นผิง ไม่ได้ติดใจและเข้าใจใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ท่านให้ข้อแนะนำว่าถ้ามีกาสิโนอาจเกิดเรื่องอย่างนั้นอย่างนี้ขึ้น เราก็บอกยินดีรับฟังความคิดเห็นของจีนแน่นอน เพราะเราเป็นประเทศพี่น้องที่ดีต่อกัน ด้วยความที่ท่านมีประสบการณ์มากกว่า ก็บอกไปว่าหากมีความคิดเห็นอย่างไรจะนำมาศึกษาต่อ
ส่วนนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ..... หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ตามกรอบเวลา 50 วัน ว่าน่าจะเสร็จสิ้นช่วงต้นเดือน มี.ค. ซึ่งเราพยายามทำให้เร็ว โดยนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ก็จะอยู่ในกรอบ 50 วันที่กำหนดไว้
“ตอนนี้มีการปรับร่างฯ ไปเยอะแล้ว และได้นำเข้าคณะกรรมการฯ ไปแล้ว หน้าตาเป็นกรอบค่อนข้างชัดเจนแล้ว แต่สาระสำคัญยังคงเหมือนเดิม คล้ายๆ เดิม”
เมื่อถามว่า ในร่างฯ ที่ปรับใหม่ ได้ระบุชัดเจนว่ากาสิโนต้องมีกี่เปอร์เซ็นต์ใช่หรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า ในเบื้องต้นคิดว่าควรกำหนดไว้ แต่ตัวเลขยังไม่นิ่ง ซึ่งแล้วแต่นโยบายจะเอาเท่าไหร่ ก็ต้องไม่เกิน 10% ถามย้ำว่าเป็นการเปิดช่องไว้ให้ลดสัดส่วนเป็น 5 หรือ 8% ได้ใช่หรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า ถูกครับ มันเป็นฟีลลิง ถ้าจะน้อยกว่า 10% ก็แล้วแต่สถานการณ์ที่เขาจะพิจารณา
เมื่อถามว่า ถ้าประชาชนมีความคิดเห็นในเรื่องนี้ จะสื่อไปถึงกฤษฎีกาเพื่อทบทวนร่างกฎหมายได้อย่างไร นายปกรณ์กล่าวว่า เรื่องนี้เราทำตามนโยบายของรัฐบาล เป็นฝ่ายข้าราชการประจำ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงต้องแล้วแต่นโยบายรัฐบาล เพราะไม่เช่นนั้นเท่ากับฝ่ายข้าราชการประจำทำตัวเป็นฝ่ายบริหารเสียเอง ซึ่งมันผิดหลัก ถ้าเป็นเรื่องนโยบายก็อยู่ที่รัฐบาลพิจารณา ไม่ใช่มากดดันที่กฤษฎีกาว่าจะอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่อะไรขนาดนั้น
เมื่อถามว่า ถ้าจะทำประชามติต้องให้รัฐบาลดำเนินการใช่หรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า ใช่ครับ มันอยู่ที่รัฐบาล ไม่ได้อยู่ที่ตนเลย และที่ผ่านมาก็ยืนยันมาโดยตลอดในการตรวจพิจารณาทุกร่างกฎหมาย
แหล่งข่าวในทำเนียบฯ แจ้งว่า กรอบ 50 วันของการร่างกฎหมาย จะครบกำหนดในวันที่ 6 มี.ค.นี้
สำหรับความเคลื่อนไหวในเรื่องการปรับ ครม.นั้น น.ส.แพทองธารได้ตอบข้อถามข่าวมีโผรายชื่อนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ จะไปเป็น รมช.การคลัง โดย น.ส.แพทองธารหันไปหานางนฤมลที่ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมหัวเราะ ซึ่งนางนฤมลก็ยิ้มและหันไปมองหน้านายกฯ ก่อนที่นายกฯ จะถามสื่อกลับว่า "มีโผออกมาว่ายังไง โผเป็นทางการดิฉันเซ็นหรือเปล่า ถ้ายังไม่เซ็นก็ไม่ใช่โผ"
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ปกติแล้วอำนาจการปรับ ครม.เป็นของนายกฯ โดยตรง ทราบข่าวนี้เพียงจากสื่อเท่านั้น ที่ผ่านมาไม่เคยมีการพูดถึงเรื่องการปรับ ครม.เลย และก็ไม่มีใครพูด
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงกระแสข่าวมีรายชื่อถูกปรับออกจาก ครม.ว่า ไม่มี นายกฯ แถลงไปแล้ว และไม่มีอะไรเพิ่มเติม ส่วนตัวไม่ทราบว่าข่าวนี้หลุดออกมาได้อย่างไร
นางนฤมลกล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์ไปแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกฯ ซึ่งในพรรคไม่ได้พูดคุยกันเรื่องนี้ ตอนอยู่ที่จีนก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กับนายกฯ และพอกลับมาคุยในพรรคก็พูดกันเฉพาะเรื่องของพรรค ส่วนกระแสข่าวจะไปนั่งเป็น รมช.การคลังก็เห็นแต่ข่าว ยังไม่มีใครบอกอะไรเลย
‘ธรรมนัส’ ลั่นไม่ขยับ
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรค กธ. กล่าวถึงข่าวจะไปนั่ง รมว.เกษตรฯ ว่า สื่อเอาข่าวมาจากไหน พรรคเราชัดเจน ครอบครัวนี้ตนเป็นหัวหน้าครอบครัว และในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค โควตาที่พรรคเราพึงมีพึงได้ก็จะเป็นมติชัดเจนว่าเราจะให้ใครไปนั่ง ไม่ใช่คิดจะปลดใครก็ปลด โดยที่เขาไม่มีความผิดในขณะที่เขากำลังทำงาน ดังนั้นกระแสข่าวที่จะเปลี่ยนคนนั้นคนนี้ไม่มี ถ้าจะเปลี่ยนก็ต้องมาจากคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เป็นหลัก
“เคยให้สัมภาษณ์ปีนี้อายุ 60 ปีแล้ว มีลูก 8 คน มีภาระเยอะ การที่วางรากฐานทางการเมืองให้พรรคกล้าธรรม ผมเป็นประเภทสุขนิยม ถามว่าอยากเข้ามาหรือไม่ มันเป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นถ้าให้คนในครอบครัวพรรคกล้าธรรมไปเป็นเสนาบดี แล้วเขาทำได้ดีอยู่แล้ว ผมก็ไม่ขยับใครทั้งนั้น เราให้โอกาสทุกคนที่เป็น สส. ทุกคนมีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรีหมด อยู่ที่ว่าใครมีผลงานชัดเจนอย่างไรก็มีโอกาส ไม่ใช่เฉพาะเอาตัวเราเป็นที่ตั้ง ทั้งนี้เรื่องการปรับ ครม. ไม่ต้องไปถามนางนฤมลแล้ว ให้มาถามผม” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
ด้านนายปกรณ์ กล่าวถึงการตรวจคุณสมบัติผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี หากมีการปรับ ครม.ใหม่ ว่าไม่ใช่หน้าที่ของกฤษฎีกาในการตรวจสอบคุณสมบัติ เป็นเรื่องของทางเลขาธิการ ครม.
วันเดียวกัน ยังคงมีความต่อเนื่องในการประชุมรัฐสภาวันที่ 13-14 ก.พ. เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดย น.ส.แพทองธารกล่าวในเรื่องนี้สั้นๆ ว่า เดี๋ยวขอคุยเรื่องนี้กันอีกที
ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ 12 ก.พ. เวลา 15.00 น. จะนัด สส.เพื่อประชุมร่วมกัน ณ ที่ทำการพรรค เพราะต้องฟังความเห็นจากทีมกฎหมายพรรคด้วย เพราะเท่าที่ทราบมีสมาชิกหลายคนกังวลประเด็นดังกล่าว ฉะนั้นเวลาเห็นอะไรขัดแย้งกันก็ต้องยิ่งให้ความสำคัญ เพราะถ้าฝ่ายหนึ่งบอกทำได้ แต่อีกฝ่ายบอกทำไม่ได้ ถ้าอย่างนี้ยุ่ง และเมื่อความเห็นต่างกันก็ต้องหาความเห็นอื่นๆ มาประกอบ
“เราไม่เสี่ยงหรอกครับเรื่องพวกนี้ ถ้ามันมีความเสี่ยงแม้แต่น้อย และมันไม่ใช่เป็นกฎหมายที่รัฐบาลเสนอหรือ ครม.เสนอ และเป็นเรื่องของแต่ละพรรค เมื่อเรามีความเห็นของตัวเอง ก็แปลว่าเราไม่ได้เป็นทีมเดียวกัน เราก็ต้องรักษาเอกสิทธิ์ เราไม่อยากมีความเสี่ยงแม้แต่น้อย”
เมื่อถามว่า ส่วนกรณีที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ระบุว่าหากไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอให้ออกจากพรรคร่วมรัฐบาลไปนั้น นายอนุทินกล่าวว่า ฟังหัวหน้าพรรค ฟังนายกฯ คนอื่นพูดไปไม่มีปัญหาอะไร คนที่พูดคุยกันในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล คือระดับหัวหน้าพรรค เต็มที่ก็เลขาฯ พรรค ไม่มีเหนือ 2 คนนี้ คนอื่นพูดมาก็เป็นเรื่องส่วนตัว หากจะพูดอะไรก็พูดไป ไม่มีน้ำหนัก
‘นิกร’ ฟันธงโอกาสแท้งสูง
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ยังไม่ได้ดูรายละเอียด เข้าใจว่าต้องหารือในประเด็นดังกล่าวก่อน และพรรค รทสช.จะประชุมในเร็วๆ นี้ ซึ่งไม่ได้กังวลอะไรเลย เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องที่หาเสียงเอาไว้มาตั้งแต่ต้น แต่เป็นนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรคให้ความเห็นไปแล้วว่าไม่ขัดข้อง หากไม่แตะหมวด 1 และ 2 รวมถึงการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
เมื่อถามถึงกรณีนายก่อแก้วออกมาระบุว่า หากพรรครวมรัฐบาลพรรคไหนไม่ให้ความร่วมมือก็ให้ถอนตัวออกจากรัฐบาลไป นายเอกนัฏยิ้มก่อนตอบว่า เป็นความเห็นของเขา ไม่เป็นไร
นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะอดีตเลขานุการคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 กล่าวว่า โอกาสผ่านน่าจะยาก เพราะมีปัญหาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับจำนวนครั้งในการออกเสียงประชามติ ซึ่งยังเป็นที่ถกเถียงกัน และครั้งนี้ยังมีปัญหาการพิจารณาว่ารัฐสภาสามารถพิจารณาได้หรือไม่ เพราะยังไม่มีการจัดการออกเสียงประชามติ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงมติของสมาชิกรัฐสภา หากสมาชิกรัฐสภาลงมติก็อาจถือว่าเข้าข่ายมีความผิดทันที เพราะกระทำการขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ และมั่นใจว่าในประเด็นนี้ต้องมีผู้ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน
นายนิกรยังกล่าวถึงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ของพรรค ปชน.ว่า พรรคชาติไทยพัฒนาจะไม่ลงมติให้ เนื่องจากมีการแก้นัยสำคัญในมาตรา 256 (8) ที่ไปเปิดช่องให้สามารถแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ได้ ซึ่งขัดกับหลักการของพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 จะไม่ลงมติให้แน่นอน
กธ.กำชับ 30 สส.ห้ามโดดร่ม
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ได้กำชับนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ในฐานะเลขาธิการพรรค กธ. ว่าอย่าขาดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 13-14 ก.พ. ซึ่งเรามี สส. 24 คน รวมทั้งพรรคเล็กพรรคน้อยหลายคนที่มารวมกัน 30 ชีวิต ต้องอยู่ให้ครบห้ามขาด
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา และนายทะเบียนพรรค กธ. แถลงผลการประชุมพรรคประจำสัปดาห์ในเรื่องนี้ว่า พรรคกล้าธรรมเป็นหนึ่งในพันธมิตรของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้นแนวทางของพรรคเป็นไปได้สูงที่จะคิดตรงกับพรรคเพื่อไทยในการขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ก่อนเข้าสู่การพิจารณาในเนื้อหาของแต่ละร่างของทั้ง 2 ร่าง คงมีการถกเถียงกันว่ารัฐสภาสามารถพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และนำไปสู่การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ยกร่างใหม่ทั้งฉบับได้หรือไม่
ขณะที่นายณัฐพงษ์กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ คือเป็นโอกาสสุดท้ายที่ประเทศไทยจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่บังคับใช้ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า สิ่งที่เราควรได้เห็นคือการแสดงเจตจำนงและบทบาทนำของนายกฯ ที่จะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ แต่ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธารกลับไม่เคยแสดงบทบาทหรือสื่อสารต่อสาธารณะเกี่ยวกับนโยบายนี้ แม้แต่ ครม.ก็ไม่ได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของตนเองเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา มีเพียงร่างของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนเท่านั้น
“นายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลผสม ท่านไม่สามารถลอยตัวเหนือความขัดแย้ง แต่ท่านต้องเป็นผู้นำในการบริหารจัดการความเห็นต่าง แสดงภาวะผู้นำสร้างเอกภาพภายในพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้สำเร็จ รักษาคำพูดต่อนโยบายเรือธงที่ตัวเองเคยประกาศ รับผิดชอบต่อคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน” นายณัฐพงษ์กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลือ 'เหลิม' ร่วมซักฟอก! รังสิมันต์ ลั่นโรยเกลือ 'แพทองธาร'
'รังสิมันต์' ย้ำศึกซักฟอก หลักฐานแน่ พร้อมเปิด 'ยุทธการโรยเกลือ' เอาผิดนายกฯแพทองธารหลังจบอภิปราย เย้ยฝ่ายรัฐบาลส่งสัญญาณเครียดจัดผ่านดินเนอร์ของพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่กระแสข่าว 'เหลิม' เข้าร่วมอภิปรายด้วยยังไม่คอนเฟิร์ม
องครักษ์ 20 คนไม่ช่วย! 'วิโรจน์' ซัด 'แพทองธาร' ไร้ภาวะผู้นำ-บริวารในกงสีแค่ทำคะแนน
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.ประชาชน ซัดแรง องครักษ์พิทักษ์แพทองธาร 20 คน เป็นแค่บริวารในกงสี ไม่มีผลต่อศึกซักฟอก ลั่นฝ่ายค้านถามลูก ไม่ได้ถามพ่อ! เตือนนายกฯ ต้องชี้แจงเอง ไม่ใช่พึ่งบริวาร
ปปช.รับใกล้จบ 44สส.แก้ม.112 ฝ่าฝืนจริยธรรม
เลขาฯ ป.ป.ช.เผยคดี 44 สส.ก้าวไกลแก้มาตรา 112 ส่วนใหญ่รับทราบข้อกล่าวหาทางไปรษณีย์
ชี้10วัน‘รอมฎอน’ระทึก ลอบขนระเบิดเข้าพื้นที่
10 วันสุดท้ายรอมฎอนระทึก การข่าวยะลาพบขนระเบิด
ต่ออายุตัดไฟ-เน็ตปราบแก๊งคอลฯ
"นายกฯ อิ๊งค์" เข้า ทบ.ครั้งแรก ถกด่วนปัญหายาเสพติด-คอลเซ็นเตอร์ ยันนายกฯ กัมพูชาพร้อมร่วมมือไทยปราบคอลเซ็นเตอร์ 100%
ชงทูตไทยปักกิ่ง เยี่ยมชาวอุยกูร์ เพิ่มความมั่นใจ
“ภูมิธรรม” พร้อมคณะกลับถึงไทยแล้ว เผยต่อไปให้ทูตไทยประจำกรุงปักกิ่งเยี่ยมกลุ่มคนที่เหลือให้เกิดความมั่นใจ