สทร.ไม่ไว้หน้า‘อิ๊งค์’ ‘ทักษิณ’จัดแจงเองหมดจ่อคุย‘ลูกพี่อันวาร์’หารือ‘ทรัมป์’

สทร.ฟิตจัด! นายกฯ ตัวจริงไม่ต้องทำงาน "ทักษิณ" จัดแจงเองหมด เผยเตรียมหยิบวาระอาเซียนรับมือกำแพงภาษีทรัมป์ คุย "อันวาร์" โอกาสเยือนไทย 17 เม.ย.นี้ รับปากน่าจะไหว ไม่ทำประเทศลำบาก ขณะที่ 2 พิชัยจับมือเตรียมบินเจรจาสหรัฐฯ ยึดหลักไทยเป็นพันธมิตรที่สร้างสรรค์ อดีต รมว.คลังวิจารณ์ยับ "ลุงป้อม" ยังเจ๋งกว่า

เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2568 ที่ชุมชนโหล่งฮิมคาว อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนจะมาเยือนประเทศไทยในวันที่ 17 เม.ย.นี้ จะมีการหยิบยกเรื่องมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกา ที่ส่งผลกระทบกับอาเซียนมาพูดคุยหรือไม่ว่า หลายคนมาคุยกันในเรื่องของอาเซียน ในการที่จะให้เป็นบทบาทสำคัญในการพูดคุยกับสหรัฐอเมริกา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ของเรามีวาระอะไรที่จะเสนอเป็นพิเศษหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ก็ต้องคุยกัน รวมถึงจะพูดถึงเรื่องสันติภาพในเมียนมา

เมื่อถามต่อว่า การรวมพลังในกลุ่มชาติอาเซียนเพื่อจะไปคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องมาตรการกำแพงภาษี ดูแล้วมีแนวโน้มที่ดีหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า เราจะไม่ไปในลักษณะที่เป็นแบบต่อรองเพื่อแลกโน่นแลกนี่ แต่เราจะคุยกันในลักษณะว่ากลุ่มประเทศอาเซียนส่วนใหญ่ เป็นประเทศที่ต้องการการพัฒนา ต้องการเม็ดเงินจากประเทศที่พัฒนาแล้วอีกจำนวนมากที่จะทำให้เราแข็งแรง ฉะนั้นก็อยากให้เขาเข้าใจในบทบาทของอาเซียน โดยเฉพาะอาเซียนกับภูมิภาคนี้ ที่มีความสำคัญกับสหรัฐฯ พอสมควร ตนคิดว่าเราจะคุยกันแบบเป็นพันธมิตรมากกว่าการต่อรองกดดัน

ถามอีกว่า การไปพูดคุยครั้งนี้แสดงว่าเดาใจนายโดนัลด์ ทรัมป์ และคนรอบตัวได้แล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า  ส่วนใหญ่รู้จักกันดี ซึ่งคนรอบตัวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็เคยเจอกันมาก่อน เมื่อถามว่า พูดให้ประชาชนคลายกังวลได้หรือไม่ว่า การเจรจาของทีมไทยแลนด์ครั้งนี้ผลออกมาน่าจะเป็นบวก นายทักษิณกล่าวว่า "น่าจะไหว คงไม่ทำให้ประเทศไทยลำบาก"

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่มีการสรุปประเด็นของคณะกรรมการติดตามมาตรการภาษีสหรัฐอเมริกา ทั้งในส่วนกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สภาหอการค้าไทย และผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ผู้ส่งออกและนำเข้าด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม โดยในวันอังคารที่ 15 เมษายนนี้ คณะกรรมการฯ จะสรุปผลทั้งหมดเพื่อวิเคราะห์ผลได้ ผลเสียและความเป็นไปได้ เพื่อเตรียมเป็นข้อมูลในการเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ

โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะผู้เจรจาจะเดินทางล่วงหน้าไปที่นครซีแอตเทิล สหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายนนี้ เพื่อไปพบกับนักธุรกิจในกลุ่มต่างๆ ทั้งภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนด้านอื่นๆ จากนั้นในวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเดินทางไปร่วมกับคณะของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อเป็น “ทีมไทยแลนด์” และทั้งคณะจะเดินทางถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อเตรียมเข้าพบกับผู้แทนของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันจันทร์ที่ 21 เมษายน นี้

นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลไทยมีความพร้อมในการพูดคุย โดยข้อมูลทั้งหมดได้ถูกรวบรวมมาตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงปัจจุบัน ผ่านการประชุมหารือทั้งในส่วนของรัฐบาล และทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคเอกชน  อาทิ ผู้แทนของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สภาหอการค้าไทย, ผู้แทนบริษัทธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งภาคการเกษตร  อุตสาหกรรม และสินค้าทั้งหมดที่มีการส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้ยุทธศาสตร์การเจรจาที่เน้น “สร้างความสมดุลทางการค้าและเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน” ทั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นการปูทางสู่การเจรจาเชิงลึกระหว่างไทย-สหรัฐฯ ในระดับต่างๆ ในโอกาสต่อไป คณะเจรจายังมั่นใจว่า ประเทศไทยจะมีทางออกที่ดีที่สุดในการค้าระหว่างประเทศครั้งนี้อย่างแน่นอน

โฆษกรัฐบาลเผยว่า สำหรับแนวทางการดำเนินการของไทย ต่อกรณีนโยบายการค้าและมาตรการด้านภาษีของสหรัฐฯ ภายใต้ 5 หลักการ ดังนี้ 1.การเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมที่ไทยและสหรัฐฯ เกื้อหนุนกัน โดยรัฐบาลไทยเห็นว่าความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพร่วมกัน เช่น เกษตร, อาหาร และเทคโนโลยี ถือเป็นโอกาสสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสองประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งไทยมีศักยภาพในการผลิตพรีเมียมเกรด และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดโลกได้มากขึ้น หากมีการเสริมวัตถุดิบจากสหรัฐฯ เช่น  ข้าวโพด ที่มีต้นทุนต่ำและคุณภาพสูง

2.การเปิดตลาดและลดภาษี ลดอุปสรรคทางการค้าตาม National Trade Estimate 2025 ของสหรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลพร้อมพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีนำเข้า  และบริหารโควตาสินค้าเกษตรที่สหรัฐฯ มีความสามารถในการแข่งขัน เช่น ข้าวโพด เพื่อเปิดตลาดในลักษณะที่ไม่กระทบต่อผู้ผลิตในประเทศ โดยจัดสรรการนำเข้าเฉพาะช่วงที่สินค้าในประเทศขาดแคลน สร้างระบบการค้าที่เป็นธรรมและยืดหยุ่นต่อทุกฝ่าย

3.การเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐฯ ในสินค้าที่ไทยจำเป็นต้องใช้ โดยไทยเตรียมพิจารณานำเข้าพลังงาน เช่น ก๊าซธรรมชาติ และวัตถุดิบที่ภาคอุตสาหกรรมต้องใช้แต่ผลิตได้ไม่เพียงพอ เช่น วัตถุดิบด้านปิโตรเคมี หรือเครื่องบินพาณิชย์  เพื่อเติมเต็ม supply chain ของประเทศ รวมถึงสินค้าที่ประเทศไทยเป็น net importer อาทิ ชีส, ถั่ว, วอลนัต ผลไม้สดที่ไทยผลิตเองไม่ได้ เช่น เชอร์รี, แอปเปิล ซึ่งจะเป็นการสร้างสมดุลด้านการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ให้ลดการได้เปรียบดุลการค้า

4.การตรวจสอบเพิ่มความเข้มงวดสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ ป้องกันการสวมสิทธิจากประเทศที่สาม โดยรัฐบาลตระหนักถึงความกังวลของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าราคาต่ำจากประเทศที่สามผ่านไทยเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี จึงจะมีมาตรการคัดกรองสินค้าต้นทาง ตรวจสอบแหล่งกำเนิดอย่างเข้มงวด และยกระดับมาตรฐานสินค้าไทยให้โปร่งใสและเป็นไปตามหลักสากล สร้างความเชื่อมั่นในฐานะคู่ค้าที่มีธรรมาภิบาล และ 5.การส่งเสริมการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ ซึ่งนอกจากนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ แล้ว ไทยยังมีแผนผลักดันให้ภาคเอกชนไทยลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปในสหรัฐฯ  โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ผลิตสินค้าส่งออกจากฐานการผลิตในอเมริกาไปยังตลาดโลก ซึ่งไม่เพียงช่วยกระจายความเสี่ยง แต่ยังช่วยลดแรงต้านด้านการค้าและสร้าง value  chain ใหม่ที่เข้มแข็ง

นายจิรายุกล่าว ทั้งนี้ในการประชุมหารือและได้ข้อสรุปในทุกประเด็นดังกล่าวแล้วนั้น ได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบทุกระยะ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้คณะเจรจาดำเนินการให้เต็มที่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ทั้งการค้าระหว่างประเทศและภาคธุรกิจเอกชน ที่เป็นส่วนสำคัญในการนำผลิตภัณฑ์เมดอินไทยแลนด์ไปสู่ตลาดสหรัฐฯ และตลาดโลกต่อไป

ขณะที่นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความว่า "ท่านอดีตนายกทักษิณกล่าวต่อสื่อมวลชน 2 เรื่อง ภาษีทรัมป์ และการพูดคุยกับ 'มิน อ่อง หล่าย'

เรื่องภาษีทรัมป์ ทักษิณเผยคุยคนรอบตัว ‘ทรัมป์’ ช่วยเจรจาลดกำแพงภาษี เชื่ออยู่ในภาวะคุยกันได้ แย้มไทยอาจลดบางกติกาเช่นนำเข้ามอเตอไซค์หรู บอกให้ จนท.คุยก่อนหากมีจังหวะจะบินไป ...เราก็ลดลาในสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง เช่น การกีดกันการค้าที่ไม่จำเป็น

ผมตั้งข้อสังเกตว่า

1.การที่ท่านให้คำแนะนำแก่รัฐบาลนั้นเป็นเรื่องที่ดี ท่านควรช่วยป้องปรามมิให้รัฐบาลแพทองธารบุ่มบ่าม เอาข้อเสนอต่างๆ ไปเปิดเผยต่อโลก เช่น (ก) จะเสนอนำเข้าพลังงาน อากาศยาน สินค้าเกษตร (ข) จะส่งเสริมให้เอกชนไทยไปลงทุนในสหรัฐฯ (ค) จะปราบปรามการสวมสิทธิถิ่นกำเนิดที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ควรจะแนะนำให้ถือไพ่ชิดอก รอฟังข้อเรียกร้องของสหรัฐก่อน แทนที่จะไปเผยแพร่เมนูให้สหรัฐเลือกจิ้มเอาได้ตามพอใจ

2.น่าเสียดายที่ท่านไม่ได้ช่วยเตรียมการไว้ก่อน ให้ประธานอาเซียนติดต่อผู้นำทุกประเทศไม่ให้รีบยื่นข้อเสนอแก่สหรัฐเป็นรายตัว แต่ควรให้เจรจาเป็นกลุ่มเป็นแผง กรณีเวียดนามที่รีบรุดเสนอจะลดภาษีนำเข้าเหลือศูนย์นั้น เห็นได้ว่า Peter Navaro กล่าวว่าก็จะยังไม่พอ

กรณี 'มิน อ่อง หล่าย' 'ทักษิณ' ยอมรับได้คุย 'มิน อ่อง หล่าย' แนะให้เปิดคณะเจรจาชนกลุ่มน้อยปูทางสู่สันติสุข แนะให้ยอมถอยและปล่อยนักโทษการเมืองก่อนเลือกตั้งใหม่อีกรอบ

ผมตั้งข้อสังเกตว่า น่าเสียดายที่ท่านไม่ได้ช่วยคุยให้เมียนมาปล่อยลูกเรือไทยที่ถูกจองจำอยู่หลายเดือน

ครอบครัวลูกเรือต้องขอบคุณพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เมื่อได้รับการร้องขอ ก็ได้ใช้คอนเนกชั่นส่วนตัวประสานงานแก้ปัญหานี้ด้วยโทรศัพท์เพียงครั้งเดียว".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง