"รัฐบาล" ปรับแผนรับ ปชช.เดินทางกลับจากเทศกาลสงกรานต์ สั่ง บขส.เพิ่มเที่ยวรถวันละ 4,800 เที่ยว คาดมีผู้โดยสารเดินทางเฉลี่ยวันละ 100,000 คน "ปภ." เผยผ่าน 5 วันช่วง 7 วันอันตราย เกิดอุบัติเหตุ 1,216 ครั้ง บาดเจ็บ 1,208 คน เสียชีวิต 171 ราย "รองปลัด มท." ชี้ภาพรวมสถิติอุบัติเหตุลดลงกว่าปีที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2568 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนช่วงการเดินทางกลับในเทศกาลสงกรานต์ 2568 ว่า รัฐบาลเน้นย้ำมาตรการดูแลความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนตลอดช่วงการเดินทางในวันหยุดยาว เทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยกำชับให้บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนที่จะทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพมหานคร
นายอนุกูลกล่าวว่า จากข้อมูลการเดินรถพบว่ามีผู้โดยสารเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เที่ยวไป จำนวน 33,170 คน เที่ยวกลับ จำนวน 56,362 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 89,532 คน ใช้รถโดยสาร รถบขส.และรถร่วมฯ เที่ยวไป จำนวน 2,789 เที่ยว เที่ยวกลับ จำนวน 3,107 เที่ยว รวมทั้งสิ้นจำนวน 5,896 เที่ยว
"ในช่วงวันเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 15-17 เม.ย.2568 คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางเฉลี่ยวันละ 100,000 คน ใช้รถโดยสาร ประมาณวันละ 4,800 เที่ยว โดย บขส.ได้กำชับให้นายสถานีเดินรถทั่วประเทศเตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกรองรับการเดินทางในเที่ยวกลับเข้ากรุงเทพฯ จัดรถโดยสารและพนักงานขับรถให้เพียงพอพร้อมบริการประชาชน พร้อมเน้นย้ำพนักงานขับรถของ บขส.และรถร่วมฯ ต้องมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อให้บริการผู้โดยสารเดินทางถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย" นายอนุกูลกล่าว
รองโฆษกสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ รถโดยสารของ บขส.ทุกคันจะจอดส่งผู้โดยสารที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ประตู 3 เพื่อความสะดวกในการเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีแดง รถเมล์ และแท็กซี่ ขณะเดียวกันได้ร่วมกับ ขสมก.จัดรถเมล์ให้บริการภายในสถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 รวม 15 เส้นทาง และจัดรถ Shuttle Bus เชื่อมต่อระหว่างหมอชิต 2 กับ BTS หมอชิต และ MRT สวนจตุจักร ให้บริการตั้งแต่ 04.00-22.00 น. ขอความร่วมมือผู้ประกอบการแท็กซี่เข้าจอดรับผู้โดยสารในจุดที่กำหนด เพื่อความสะดวก ปลอดภัย และเป็นระเบียบเรียบร้อย
“รัฐบาลกำชับให้ทุกหน่วยงานด้านคมนาคมและขนส่งสาธารณะ พร้อมบริการประชาชน โดยยึดความปลอดภัยและความสะดวกเป็นสำคัญ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในการมาใช้บริการ ทั้งนี้ บขส.ได้บูรณาการความร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ตรวจความพร้อมของรถโดยสารและพนักงานขับรถทุกเที่ยว ทั้งผ่านการ Checklist และจุดตรวจ โดยเฉพาะอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง ประตูฉุกเฉิน พร้อมตรวจสารเสพติดและวัดระดับแอลกอฮอล์ ซึ่งต้องมีค่าเป็นศูนย์ และกำหนดให้รถโดยสารใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จัดพนักงานขับรถ 2 คน สำหรับเส้นทางที่ใช้เวลาเดินทางเกิน 4 ชั่วโมง พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารที่เดินทางกลับจากภูมิลำเนาให้ถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ” รองโฆษกสำนักนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ และเมืองใหญ่หลังเทศกาลสงกรานต์ว่า ตลอดทั้งวันในเส้นทางถนนสายเอเชียมีปริมาณรถมาก วิ่งเต็มทุกช่องจราจร แต่สามารถเคลื่อนตัวได้ดี ไม่มีชะลอตัวสะสม ทำความเร็วได้ 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยพบว่าสภาพการจราจรบนถนนสายเอเชีย ขาเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่สะพานต่างระดับพระนครศรีอยุธยา ไปจนถึงหมวดการทางบางปะอิน มีประชาชนเดินทางอย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับ บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 32 หรือถนนเอเชีย ฝั่งขาล่องเข้ากรุงเทพฯ ช่วงผ่านจังหวัดชัยนาท ช่วงเช้าปริมาณรถมาก แต่ยังไม่หนาแน่น วิ่งได้คล่องตัว โดยเมื่อเวลา 09.20 น. มีปริมาณรถไหลผ่านประมาณ 2,500 คันต่อชั่วโมง ใช้ความเร็วได้เฉลี่ย 90-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยตั้งแต่กิโลเมตรที่ 140-149 อำเภอมโนรมย์ รถเคลื่อนตัวได้ดี ใช้ความเร็วได้ มาชะลอตัวช่วงกิโลเมตรที่ 139 ก่อนเข้าสี่แยกหางน้ำสาคร อำเภอมโนรมย์ เพื่อหยุดรอสัญญาณไฟ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังคงใช้เปิดสัญญาณไฟเขียวฝั่งขาล่องเข้ากรุงเทพฯ แบบอัตโนมัติ นาน 6 นาที สลับหยุด 2 นาที
ที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ มีประชาชนที่กลับมาเยี่ยมบ้านและฉลองสงกรานต์ที่ไม่ได้จองตั๋วไว้ล่วงหน้าได้ไปรอซื้อตั๋วรถไฟขบวนเสริม เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่างๆ ในวันหยุดสุดท้ายอย่างคึกคักแน่นทุกขบวน ขณะที่ตั๋วรถไฟปลายทางกรุงเทพฯ ถูกจองล่วงหน้าไปจนถึงวันที่ 17 เม.ย. โดยผู้ที่ไม่ได้จองตั๋วไว้ล่วงหน้า เจ้าหน้าที่เปิดให้ซื้อตั๋วในขบวนรถเสริมที่ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยได้จัดเตรียมขบวนรถเสริมพร้อมเพิ่มโบกี้ไว้รองรับให้บริการประชาชนทั้งไปและกลับ วันละ 4 ขบวน จากปกติวิ่งให้บริการวันละ 22 ขบวน เพื่อรองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางอย่างเพียงพอ
เช่นเดียวกับที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครราชสีมา แห่งที่ 2 อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา บรรยากาศคึกคักตั้งแต่ช่วงสายและตลอดทั้งวัน ประชาชนทยอยเดินทางมาซื้อตั๋วรถทัวร์โดยสารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจุดจำหน่ายตั๋วหลายบริษัทที่จำหน่ายตั๋วเดินทางไปยังกรุงเทพมหานครและจังหวัดทางภาคตะวันออก มีประชาชนมายืนเข้าคิวรอซื้อตั๋วพร้อมกับรอขึ้นรถเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2568 รายงานข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน ประจำวันที่ 15 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ว่า เกิดอุบัติเหตุ 214 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 209 คน ผู้เสียชีวิต 27 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 36.92 ดื่มแล้วขับ 31.31 และทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ 20.09 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.32 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 87.38, ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 36.45, ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 33.18, ถนนกรมทางหลวงชนบท ร้อยละ 14.95
ส่วนอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 5 วันของการรณรงค์ ระหว่างวันยที่ 11-15 เม.ย. เกิดอุบัติเหตุรวม 1,216 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,208 คน ผู้เสียชีวิต รวม 171 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือตายเป็นศูนย์ มี 21 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ พัทลุง 44 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ ลำปาง 47 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 15 ราย
นายขจร ศรีชวโนทัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานการประชุมอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี กล่าวว่า จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนน และสถิติการได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ภาพรวมลดลงกว่าปีที่ผ่านมา สาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงสุดยังคงเป็นการขับรถเร็วและดื่มแล้วขับขี่ยานพาหนะ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ ตลอดจนบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น
"วันหยุดชดเชยช่วงเทศกาลสงกรานต์วันสุดท้าย จะมีประชาชนเดินทางกลับเข้าสู่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใหญ่ตามภูมิภาคต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทำให้ถนนหลายสายมีปริมาณรถค่อนข้างมาก จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ ศปถ.จึงได้ประสานจังหวัด ปรับแผนการดำเนินงานสร้างความปลอดภัยทางถนนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยบูรณาการตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง อาสาสมัคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ บริหารจัดการจราจรและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะจังหวัดที่มีเส้นทางเข้าสู่กรุงเทพมหานครและภูมิภาคต่างๆ รวมถึงถนนที่มีการจราจรหนาแน่น ให้เร่งระบายรถ เปิดช่องทางพิเศษ ปิดจุดกลับรถ ปรับสัญญาณไฟจราจรให้สอดคล้องกับช่วงเวลาในการเดินทางของประชาชน" รองปลัด มท.กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คดี‘ฮั้วสว.’ไม่สะดุด DSIลุยสอบฟอกเงิน-อั้งยี่ ดาบสองชงป.ป.ช.ฟัน‘ทวี’
"นายกฯ อิ๊งค์" ปัดคุมดีเอสไอเอง รอ ครม.เคาะตัวแทนทวี "โฆษกดีเอสไอ" ลั่นคดีฮั้ว สว.ไม่สะดุด เดินหน้าสอบฟอกเงิน-อังยี่ตาม กม.
เตือนคลังติดคุก หนุน‘G-Token’ แฉเอื้อบิตคอยน์
"ธีระชัย" จี้รัฐหยุดตีความกฎหมายสร้างความชอบธรรมออก "จีโทเคน" ชี้ไม่ตรงเจตนารมณ์ พ.ร.บ.หนี้
พิชัยถกแบงก์รัฐ ศก.ฟุบหนัก2ปี จ่ออัดซอฟต์โลน
"อิ๊งค์" บอกยังไม่ยกเลิก "เงินหมื่นเฟส 3" อ้างเวลานี้ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด
หมายจับ17รายเอี่ยวตึกสตง.
ออกหมายจับ 17 ราย วิศวกร-ผู้ควบคุมงาน-กิจการร่วมค้า เอี่ยวคดี “ตึก สตง.ถล่ม”
ขวาง‘สมศักดิ์’วีโตมติแพทยสภา
ขวาง “สมศักดิ์” วีโตมติแพทยสภา “วรงค์” เชื่อมีเกมดิสเครดิตแพทยสภา
เยียวยาตึกถล่ม จี้‘ผู้ว่าสตง.’ออก เอื้อสอบโปร่งใส
นายกฯ มอบเงินเยียวยาทายาทเหยื่อแผ่นดินไหวล็อตแรก 32 ราย คนละ 3 แสนบาท รวม 9.6 ล้าน