"นายกฯ อิ๊งค์" พร้อมต้อนรับ "อันวาร์" จับมือพัฒนาทุกมิติ ยกระดับความร่วมมือเวทีอาเซียน “พิชัย” เตรียมหอบข้อเสนอเอาใจสหรัฐ ซื้อ LNG-อีเทนเพิ่ม ปักหมุดเจรจาสัปดาห์หน้า หลังถก "ผู้ว่าฯ ธปท." ยังไม่สรุปมาตรการรับมือภาษีทรัมป์ ชี้ต้องเก็บข้อมูลให้ชัด เตรียมแก้ปัญหาสภาพคล่องผู้ส่งออก-นำเข้า ยันไม่ล้วงเงินสำรองมาอุ้ม
เมื่อวันที่ 16 เมษายน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 เม.ย. ณ ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมให้การต้อนรับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสเยือนไทยเพื่อประชุมหารือติดตามความคืบหน้าต่างๆ ที่เคยมีการประชุมของทั้งสองประเทศ การเยือนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อหารือและติดตาม รวมทั้งผลักดันความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับมาเลเซียให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ภายหลังจากที่ น.ส.แพทองธารเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.67 และมีการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำทั้งสองเมื่อวันที่ 5 เม.ย.68
สำหรับประเด็นสำคัญที่จะหารือและติดตามความคืบหน้า ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม การส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกัน ทั้งการค้า การท่องเที่ยว ความร่วมมือด้านความมั่นคง การพัฒนาพื้นที่ชายแดนและเสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทย-มาเลเซีย ตลอดจนการประสานความร่วมมือกับมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน เพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่าง 10 ประเทศ ตามกรอบข้อตกลงต่างๆ ในที่ประชุมหลายระดับในภูมิภาค ทั้งนี้ การหารือร่วมกันระหว่างไทยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน จะทำให้ภูมิภาคอาเซียนให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการเจรจาในทุกมิติกับประเทศนอกอาเซียน
ที่กระทรวงการคลัง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมแนวทางการดำเนินการของไทยต่อกรณีนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกาว่า ได้หารือกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถึงแผนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐเพิ่มเติม 1 ล้านตันเศษ ภายในระยะเวลา 5 ปี มูลค่าราว 600 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนที่กำลังจะหมดสัญญาซื้อขายจากแหล่งอื่น ประเทศไทยจะพิจารณานำเข้าจากสหรัฐแทน โดยแผนการจัดหา LNG จากสหรัฐนั้น น่าจะเริ่มจัดส่งได้ในปี 2569 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไทยได้มีการทำสัญญาซื้อขาย LNG จากสหรัฐอยู่แล้ว ปีละ 1 ล้านตัน มูลค่าปีละ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ระยะเวลา 15 ปี
ขณะเดียวกัน ในระยะข้างหน้าไทยวางแผนว่า หากมีการนำเข้า LNG จำนวนมาก ซึ่งเพียงพอใช้ภายในประเทศแล้ว อาจจะนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายต่อให้กับประเทศในภูมิภาคใกล้เคียงได้ เนื่องจาก ปตท.เองมีพื้นที่จัดเก็บจำนวนมาก เรียกว่ามีอินฟราสตรัคเจอร์ค่อนข้างพร้อม ซึ่งสามารถนำเข้าก๊าซ LNG จากสหรัฐเพิ่มเติมได้
นอกจากนี้ จะไปหารือถึงแผนที่ประเทศไทยจะมีการนำเข้าก๊าซอีเทนจากสหรัฐ จำนวน 4 แสนตัน มูลค่า 100 ล้านเหรียญฯ ในระยะเวลา 4 ปี ถือเป็นการซื้อขายระยะยาว ซึ่งในส่วนนี้ถือเป็นความจำเป็นสำหรับประเทศไทย เนื่องจากก๊าซอีเทนถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตปิโตรเคมี และถือเป็นต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าการใช้น้ำมันดิบ ที่แม้ปัจจุบันจะสามารถผลิตได้ในอ่าวไทย แต่ก็ไม่ค่อยเพียงพอแล้ว
นายพิชัยกล่าวว่า ในส่วนของการนำเข้าสินค้าเกษตร ยืนยันว่าจะพิจารณานำเข้าในส่วนที่ไม่กระทบกับเกษตรกรไทย โดยเฉพาะข้าวโพด ซึ่งปัจจุบันไทยต้องมีการนำเข้าปีละกว่า 4 ล้านตัน ขณะที่สหรัฐถือว่าเป็นผู้ผลิตหลัก ทำให้ตรงนี้จะมีต้นทุนที่ถูกกว่าการนำเข้าจากแหล่งอื่น โดยเป้าหมายคือการนำเข้ามาแปรรูปเพื่อส่งออก เช่น อาหารสัตว์ ที่ประเทศไทยมีมาร์เก็ตแชร์ดี และทำได้ดี ส่วนแนวคิดเรื่องการนำเข้าสุกรนั้น ยืนยันว่าขณะนี้คงไม่มีการดำเนินการแล้ว
“เรื่อง Tariff นั้น หลักการคือจะต้องทำให้มีความเสมอภาค เราต้องมาดูว่าเราจะนำเข้าอะไรได้บ้าง ดูให้ทุกส่วนมันสอดคล้องกัน ซึ่งการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นนั้นก็จะต้องไม่กระทบกับตลาด แต่จะช่วยให้ขนาดเศรษฐกิจเราใหญ่ขึ้น คือนำเข้ามาเพื่อส่งออกให้ได้มากขึ้น ซึ่งเมื่อเรามีการนำเข้ามากขึ้น สัดส่วนการได้เปรียบทางการค้าของเราก็จะลดลง เชื่อว่าเรื่องนี้สหรัฐจะเข้าใจเป็นอย่างดี เขาจึงใช้เรื่องดุลการค้ามาเป็นเกณฑ์วัดว่าใครได้เปรียบเท่าไหร่ ส่วนเรื่อง Non Tariff ก็ต้องมาดูเพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น” นายพิชัยระบุ
รองนายกฯ และ รมว.การคลังยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีแนวคิดที่จะนำทุนสำรองระหว่างประเทศออกมาใช้ในสถานการณ์นี้ เพราะโดยหลักจะต้องใช้เป็นตัวหนุนหลังการนำเข้าและส่งออก โดยในเรื่องนี้รัฐบาลมีหน้าที่ในการสร้างสมดุลทางการค้า ส่วนการบริหารค่าเงินเป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ
“ถ้าให้ผมพูดในฐานะพ่อค้าส่งออกแล้ว แน่นอนว่าย่อมคำนึงถึงอัตราแลกเปลี่ยน แต่ไม่ได้สั่งให้ดำเนินการในทิศทางใด เป็นเพียงการหารือและติดตามสถานการณ์ โดยยอมรับว่าการประกาศนโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐ ส่งผลให้เศรษฐกิจหยุดชะงักไปขณะหนึ่ง ประเทศหยุดเพื่อรอดูสถานการณ์ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ ที่เพิ่งออกไปก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะตลาดชะงัก เช่น การปล่อยสินเชื่อ การนำเข้า ส่งออก แต่มองว่าจากนี้ค่อยๆ คลี่คลายแล้ว ทั้งนี้คาดว่าน่าจะได้พูดคุยกับสหรัฐในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าทีมไทยแลนด์จะทยอยเดินทางในวันที่ 17 เม.ย.” นายพิชัยระบุ
ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัยประชุมร่วมกับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้การธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษานโยบายเศรษฐกิจ, น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน และ น.ส.พิมพ์พันธ์ เจริญขวัญ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน เพื่อหารือแนวทางการดำเนินการของไทยต่อกรณีนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา โดยใช้เวลาหารือ 1 ชั่วโมง
จากนั้นเวลา 16.00 น. นายพิชัยแถลงว่า ได้หารือกับผู้ว่าการ ธปท. กรณีที่รัฐบาลสหรัฐออกมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้ไทย 36% โดยตั้งสมมติฐานที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเห็นตรงกันว่ามีความไม่แน่นอนในการหาข้อยุติ บางเรื่องขัดกันเอง วันนี้จึงยังหาใครหรือไม่มีใครกล้าที่จะบอกได้ว่าจะจบอย่างไร เรื่องยังเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกวันเรื่อยๆ อีกทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งนี้ผลกระทบไม่ได้ตรงไปตรงมาที่มีปัญหาระหว่างไทยกับอเมริกา แต่ยังมีผลกระทบถึงประเทศอื่นด้วย โดยกติกาที่เปลี่ยนแปลงไปได้ส่งผลกระทบต่อตลาดเงิน ตลาดทุน เปลี่ยนไปเยอะ ไม่ว่าตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร ผลตอบแทนจากการลงทุนและค่าเงินเปลี่ยนไปเยอะไปในทิศทางที่คาดเดาได้ลำบาก
“ได้มานั่งคุยกันสำหรับประเทศไทยก็มาคาดเดาว่ามีกรณีใดจะเกิดขึ้นได้บ้าง และกรณีที่เกิดอย่างนั้น แต่ละกลุ่มที่เกิดปัญหาก็ไม่เหมือนกัน มีทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก ทั้งธุรกิจของคนไทยและไม่ใช่ของคนไทย ส่วนมาตรการที่จะหยิบแก้ปัญหา ในอดีตมีมาตรการเยอะ แต่วันนี้ไม่มีใครบอกได้ว่ามาตรการไหนดี สิ่งที่ทำคือต้องทำงานกันใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อจะแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เจอกันบ่อยขึ้น เพื่อดูว่ามีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมีอะไรส่งผลกระทบบ้าง และดูว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อหามาตรการชัดเจนและมาร่วมกันกำหนดมาตรการแก้ไข หากคิดช้าไม่ได้ และต้องคิดในหลายกรณีและเผื่อในกรณีร้ายแรงไว้ด้วย ถ้าเกิดขึ้นจะขนาดไหน” นายพิชัยระบุ
อย่างไรก็ตาม จากการที่ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อผู้ส่งออก วันนี้การส่งออกชะลอลง ไม่แน่นอน จะทำให้มีปัญหาด้านการขาย ขาดเงินทุนหมุนเวียน ปัญหาหนี้ที่ครบกำหนดต้องชำระ ขณะที่การนำเข้ามา เมื่อนำเข้าวัตถุดิบมาผลิตแล้วจะส่งต่อใคร จะมีปัญหาทั้งขาเข้าและขาออก สุดท้ายแล้วหากเป็นเหตุการณ์ไม่นานมีปัญหาสภาพคล่อง ไปคิดโจทย์มาสภาพคล่องเกิดจากต้นเหตุอะไร จะได้หามาตรการตรงๆ มาแก้ไข แต่วันนี้ยังไม่ได้ข้อยุติจะใช้มาตรการไหน ที่พูดกันแต่ละองค์กรน่าจะมีปัญหาสภาพคล่อง ส่วนนักลงทุนที่คิดลงทุนวันนี้มี 2 ประเภท คือ เร่งลงทุนและหยุดดูเลย ฉะนั้นการลงทุนจะเปลี่ยนไป เป็นอีกเรื่องที่ต้องติดตาม เพราะบางคนอาจลงทุนไปแล้วหรือยังไม่ลง หรือลงครึ่งๆ ตรงนี้เราต้องสำรวจปัญหาทั้งหมด ภาพใหญ่คือต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทย
นายพิชัยกล่าวด้วยว่า ในการหารือครั้งนี้ไม่ได้พูดถึงการลดดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งในสัปดาห์หน้าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการประชุมกันอยู่แล้ว ซึ่ง ธปท.เขาต้องติดตามและเอาเหตุการณ์มาประกอบอยู่แล้ว โดยอัตราดอกเบี้ยก็สัมพันธ์กับเรื่องของและเงินเฟ้อ
“ตอนนี้เรื่องภาษีเป็นเรื่องเล็กแล้ว สุดท้ายต้องเป็นไปตามกลไก เพราะความสนใจของสหรัฐอยู่ที่มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ส่วนการเดินทางวันไหนขอเตรียมการชัดๆ แล้วจะบอกอีกที ทั้งนี้ไทยกับอาเซียนด้วยกันคงมีการแลกเปลี่ยนอะไรที่เป็นของร่วมกัน เช่น สินค้าบางอย่างอาจส่งไปอาเซียนก่อนส่งไปอเมริกาอีกที คุยกันเก็บข้อมูล แน่นอน ปัญหาแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน เราต้องแก้ปัญหาของเราก่อน” นายพิชัยระบุ
ที่ จ.พัทลุง ด.ต.เสวียง แสงขาว กลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อ จ.พัทลุง และเจ้าของมิสเตอร์โจ ฟาร์มโคเนื้อขนาด 200 ตัว จ.พัทลุง เปิดเผยว่า ทางสมาคมโคเนื้อแห่งประเทศไทย (สคท.) ในวันที่ 17 เม.ย. จะยื่นหนังสือถึงนายกฯ คัดค้านกรณีรัฐบาลมีนโยบายเปิดนำเข้าเนื้อโคและเครื่องในโคจากสหรัฐอเมริกา เนื่องจากจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อไทย ประมาณ 1.4 ล้านครัวเรือน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘กทม.’ปิดจ๊อบ รื้อซากตึกสตง. ‘13พ.ค.’ทำบุญ
กทม.เร่งเคลียร์เศษปูนตึก สตง. ก่อนปิดจ๊อบในวันที่ 15 พ.ค. หลังค้นหามา 48 วัน
โพลประจานชัด 76%ชี้รบ.เหลว ต่อสู้ภาษีทรัมป์
ผลโพลประจานฝีมือแก้เศรษฐกิจของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
บ้านใหญ่กวาดเรียบ เลือกตั้ง‘นายกเล็ก-สท.’ ปชน.หมดสภาพพ่ายยับ
ประธาน กกต.ตั้งเป้าใช้สิทธิ 70% เผยมีคดีร้องเรียนแล้ว 352 เรื่อง “ระพีพงษ์”
จ่อชงครม. ของบ 4.5 พันล้านบาท แจกทุน 4,800 คน
เตรียมชงครม. ของบ 4.5 พันล้านบาท โครงการ ODOS เฟสใหม่ ให้ทุน นร. - นศ. 3 ประเภท
นายกฯเตรียมบินเวียดนาม ยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้า
นายกฯเตรียมบิน ฮานอยประชุมร่วม ไทย–เวียดนาม พร้อมแถลงการณ์ร่วมยกระดับความสัมพันธ์สู่หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งการเมือง–เศรษฐกิจ–นวัตกรรมในภูมิภาค
เลือกตั้งเทศบาลซื้อเสียงกันเดือด
โกงกันเดือด! ประธาน กกต.ลงพื้นที่ประจวบฯ-เพชรบุรี ตรวจความพร้อมก่อนเลือกตั้งเทศบาล ล่าสุดมีคำร้องทั่วประเทศ 338 เรื่อง เป็นเรื่องซื้อเสียง-ให้เงิน