ฝ่ายค้านเดินหน้าทาเกลือ! “วิโรจน์” จ่อยื่น ป.ป.ช.ฟัน "อุ๊งอิ๊ง" ข้อหาตั๋ว PN รุกป่าเขาใหญ่ ชั้น 14 แต่ยังเหนียมไม่ได้ยื่นมีดให้ศาล รธน. ไม่ใช้กระบวนการไม่ชอบธรรม ระบบสามานย์ มรดกบาป คสช.มาจัดการ อยากให้คนทำผิดสำนึกด้วยตัวเอง ด้าน "เรืองไกร" ส่งหนังสือถึงนายกฯ ให้ตรวจสอบภาษี "แพทองธาร"
เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2568 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงความคืบหน้ามาตรการโรยเกลือรัฐบาลต่อเนื่องจากเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า หลังจากสงกรานต์ ช่วงวันที่ 21 เม.ย.นี้ จะมีการแถลงข่าว 3 ประเด็นหลัก คือ
1.พฤติกรรมของนายกฯ ที่เข้าข่ายทำนิติกรรมอำพราง โดยใช้ตั๋ว PN ในการหลีกเลี่ยงภาษีหรือไม่ ต้องให้อธิบดีกรมสรรพากรส่งเรื่องสอบถามหรือหารือไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร เพื่อให้กรณีนี้ได้รับการสรุป และมีบทสรุปที่ชัดเจนอย่างสิ้นข้อสงสัย ประชาชนจะได้นำเอาแพทองธารโมเดล เวลาจะให้หุ้นบริษัท ให้ที่ดินกับลูก หรือว่าสินทรัพย์ใดที่มีระบบทะเบียน ต่อไปนี้เขาจะได้เลิกให้ และใช้นิติกรรมแสร้งทำเป็นขายแล้วให้ลูก ทำตั๋ว PN ที่ไม่มีกำหนดการชำระเงิน ไม่มีดอกเบี้ย ยื่นหมูยื่นแมวมาให้หรือไม่ ต้องถามนายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ว่าจะยอมรับกรณีแบบนี้เป็นมาตรฐานจริงหรือเปล่า
2.เรื่องโฉนดโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ซึ่งเรายืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ต้นน้ำลำธาร ไม่ว่ากฎหมายฉบับไหนก็ไม่สามารถออกเป็นโฉนดได้ ก็เท่ากับว่าอาจได้โฉนดมาโดยมิชอบ ต้องมีการเดินหน้าเพิกถอนโฉนด
3.กรณีของนักโทษชั้น 14 ก็เข้าข่ายว่านายกฯ รู้ทั้งรู้ แต่ว่าก็จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ต้องมีการพิจารณาส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป แต่ยืนยันว่าเราจะไม่ใช้ช่องทางจริยธรรมจัดการกับนายกฯ แน่ๆ เพราะเราเชื่อว่าจริยธรรมมันอยู่ที่ตัวตนของนายกฯ เอง ไม่ต้องไหว้วานให้มรดกบาป คสช.มาชี้ว่าคนดีเลว แม้ว่าเราจะได้ประโยชน์ก็ตาม กับการยื่นมีดให้ศาลรัฐธรรมนูญ เราจะไม่ใช้วิธีการที่พรรคเราเชื่อว่าไม่ถูกต้อง จัดการกับคนไม่ถูกต้อง เรายังคงเรียกร้องให้นายกฯ มีสำนึกในตัวเอง และจริยธรรมตัวเองต้องตัดสิน รับผิดชอบ ไม่ต้องให้ใครชี้นิ้ว และไม่ต้องให้มรดกบาป คสช.เอามีดมาฟัน
นายวิโรจน์ย้ำว่า แม้ว่าเราจะได้ประโยชน์ต่อการยื่นศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่เราจะไม่ใช้กระบวนการที่เราเชื่อว่าไม่ชอบธรรม จัดการกับคนไม่ชอบธรรม เพราะมันไม่ยั่งยืน ระบบสามานย์ต่างๆ ก็จะดำรงอยู่ เราไม่สามารถเอาน้ำเสียไล่น้ำเสียได้
ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ตรวจสอบการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2567 ของ น.ส.แพทองธาร ว่าได้เสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 40 (1) (5) โดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่
ในหนังสือดังกล่าวมีรายละเอียดทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเป็นข้อๆ ดังนี้ ข้อ 1.เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567 เว็บไซต์ไทยโพสต์ หัวข้อ 'แพทองธาร' ประกาศไม่รับเงินเดือนนายกฯ ลงข่าวไว้ดังนี้ “15 ก.ย.2567 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะยึดแนวความคิดเดิม คือ การไม่รับเงินเดือนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยจะมอบให้กับมูลนิธิต่างๆ เช่นเดียวกับนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นความคิดของ น.ส.แพทองธาร มาตั้งแต่ต้นแล้ว”
ข้อ 2.เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2567 ต่อ ป.ป.ช. ตามเลขรับที่ 307 โดย น.ส.แพทองธารแสดงข้อมูลรายได้ต่อปีไว้ ดังนี้ เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส 3,409,682.58 บาท เงินปันผล 259,267,639.90 บาท ดอกเบี้ย 2,000,000.00 บาท ค่าเช่า 890,000.00 บาท รวม 265,567,322.48 บาท
ข้อ 3.เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส 3,409,682.58 บาท ได้มีหมายเหตุไว้ว่า เงินเดือนก่อนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2567 และเงินเดือนหลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (โดยไม่ระบุว่าจะไม่รับ จึงน่าเชื่อว่าจะรับเงินเดือนนายกรัฐมนตรีด้วย)
ข้อ 4.นายกรัฐมนตรีได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง รวม 125,590 บาทต่อเดือน ดังนั้น นับจากถึงวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี น่าจะได้รับเงินเดือนประมาณ 4 เดือนครึ่ง คิดได้ประมาณ 565,155 บาท
ข้อ 5.เนื่องจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แจ้งประวัติการลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ ต่อ ป.ป.ช.ไว้ประมาณ 21 บริษัท ดังนั้น เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส จึงควรมีประมาณ 3,409,682.58 - 565,155 = 2,844,527.58 บาท ซึ่งเงินได้จำนวนรวม 3,409,682.58 บาท จึงต้องนำไปเสียภาษีต่อกรมสรรพากร ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 (1) โดยสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ตามอัตรากำหนด
ข้อ 6.ส่วนเงินปันผล 259,267,639.90 บาท และดอกเบี้ย 2,000,000.00 บาท ซึ่งควรถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้แล้วนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สามารถเลือกที่จะไม่นำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ข้อ 7.สำหรับค่าเช่า 890,000 บาท ซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 (5) โดยสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ตามอัตราที่ประมวลรัษฎากรกำหนด จะต้องนำมารวมกับเงินได้จำนวน 3,409,682.58 บาท ด้วย โดยใช้แบบ ภงด.90 (ถ้ามีเงินได้ตามมาตรา 40 (1) อย่างเดียว ให้ใช้แบบ ภงด.91)
ข้อ 8.กรณีเงินได้พึงประเมินดังกล่าว จึงควรนำไปยื่นแบบเสียภาษีตามแบบ ภงด.90 ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2568 ทั้งนี้ เนื่องจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี จึงควรเป็นตัวอย่างที่ดีในการเสียภาษีให้รัฐตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น จึงต้องถูกตรวจสอบว่าสำหรับเงินได้ที่ได้รับมาในปี 2567 ได้ยื่นเสียภาษีถูกต้องครบถ้วนแล้วหรือไม่
ข้อ 9.กรณีที่แจ้ง ป.ป.ช. ว่ามีเงินเดือนจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย จึงควรหมายความว่า เมื่อได้รับเงินเดือนนายกรัฐมนตรีแล้ว น.ส.แพทองธารจึงนำเงินเดือนหลังหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้วไปบริจาคตามที่ให้ข่าวเมื่อ 15 ก.ย.67 ไปบริจาคอีกทอดหนึ่ง ซึ่งตามแบบ ภงด.90 มีช่องให้กรอกเงินบริจาคไว้อยู่แล้ว
ข้อ 10.ดังนั้น น.ส.แพทองธารจะต้องได้รับใบรับรองเงินเดือนรวมทั้งภาษี ณ ที่จ่าย (ตาม ม.50 ทวิ) ภายในเดือนมกราคม 2568 จากตำแหน่งกรรมการบริษัทต่างๆ และจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว และ น.ส.แพทองธารต้องนำเงินได้ตามมาตรา 40 (1) (5) ที่ได้รับในปี 2567 ไปรวมเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกครั้งหนึ่ง กรณีจึงมีเหตุอันควรต้องตรวจสอบว่า น.ส.แพทองธาร ได้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปี 2567 โดยถูกต้องครบถ้วน หรือไม่
ข้อ 11.กรณีตามคำร้องนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการเป็นหนี้โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินที่ถูกอภิปรายว่ามีการหนีภาษีหรือไม่แต่อย่างใด
ขณะที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธารได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 114 คน เป็นผู้นำที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปีที่สร้างการเปลี่ยนแปลง โดย The Forum of Young Global Leaders (YGL) ประจำปี 2025 เครือข่ายที่ผู้บริหารระดับสูงทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชนชั้นนำ และประชาสังคมทั่วโลกร่วมกันให้คะแนน สะท้อนให้เห็นเวทีชั้นนำระดับโลกที่มีคอนเซปต์ในการค้นหาผู้นำรุ่นใหม่ทั่วโลกที่ให้คุณค่าในการทำงานร่วมกัน มีแนวคิดลึกซึ้งและสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ โดยต้องมีอายุต่ำกว่า 40 ปี และบุคคลอื่นเป็นผู้เสนอชื่อ ที่สำคัญต้องมีผลงานโดดเด่นแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำและผลกระทบเชิงบวกในสาขาของตน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คดี‘ฮั้วสว.’ไม่สะดุด DSIลุยสอบฟอกเงิน-อั้งยี่ ดาบสองชงป.ป.ช.ฟัน‘ทวี’
"นายกฯ อิ๊งค์" ปัดคุมดีเอสไอเอง รอ ครม.เคาะตัวแทนทวี "โฆษกดีเอสไอ" ลั่นคดีฮั้ว สว.ไม่สะดุด เดินหน้าสอบฟอกเงิน-อังยี่ตาม กม.
เตือนคลังติดคุก หนุน‘G-Token’ แฉเอื้อบิตคอยน์
"ธีระชัย" จี้รัฐหยุดตีความกฎหมายสร้างความชอบธรรมออก "จีโทเคน" ชี้ไม่ตรงเจตนารมณ์ พ.ร.บ.หนี้
พิชัยถกแบงก์รัฐ ศก.ฟุบหนัก2ปี จ่ออัดซอฟต์โลน
"อิ๊งค์" บอกยังไม่ยกเลิก "เงินหมื่นเฟส 3" อ้างเวลานี้ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด
หมายจับ17รายเอี่ยวตึกสตง.
ออกหมายจับ 17 ราย วิศวกร-ผู้ควบคุมงาน-กิจการร่วมค้า เอี่ยวคดี “ตึก สตง.ถล่ม”
ขวาง‘สมศักดิ์’วีโตมติแพทยสภา
ขวาง “สมศักดิ์” วีโตมติแพทยสภา “วรงค์” เชื่อมีเกมดิสเครดิตแพทยสภา
เยียวยาตึกถล่ม จี้‘ผู้ว่าสตง.’ออก เอื้อสอบโปร่งใส
นายกฯ มอบเงินเยียวยาทายาทเหยื่อแผ่นดินไหวล็อตแรก 32 ราย คนละ 3 แสนบาท รวม 9.6 ล้าน