"บิ๊กอิตาเลียนไทยฯ" โผล่เข้าให้ปากคำพยานกองคดีฮั้วประมูล ดีเอสไอแจงปมกิจการร่วมค้า “บ.ไชน่าฯ” ยอมรับรู้อยู่แล้ว บ.ไชน่าฯ เป็นบริษัทสัญชาติจีน ผอ.กองคดีฮั้วฯ เผยสอบทุกประเด็น ทั้งเรื่องนอมินี-การแบ่งงานกันทำ-ค่าตอบแทน แย้ม 2 บริษัทเคยร่วมก่อสร้างสถานที่ราชการแห่งหนึ่งใน กทม. พร้อมเรียกวิศวกรแจงวันละ 10 ราย ไขปมสัญญาก่อสร้างตึก ขณะที่ "บ.ไมนฮาร์ทฯ" ผู้ออกแบบปฏิเสธตอบปมรู้เรื่องการแก้ไขแบบ กมธ.เตือนภัยแย้มสัญญาณที่ดีหน่วยงานเร่งมีเซลล์บรอดแคสต์ ต้องมีความคล่องตัวสั่งอนุมัติข้อความ
เมื่อวันที่ 29 เมษายน เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ กคร. (กองคดีฮั้วประมูล) ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 7 ถนนแจ้งวัฒนะ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 นำโดย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กคร. นัดหมายสอบสวนปากคำพยาน บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กรณีเป็นกิจการร่วมค้ากับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้สัญญาผู้ก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
พ.ต.ท.อมรเปิดเผยก่อนเข้าร่วมประชุมว่า วันนี้นัดสอบพยาน 2 ห้องคือ ห้องอบรมความเชี่ยวชาญ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำหรับใช้เป็นห้องสอบสวนปากคำวิศวกร 10 ราย ส่วนห้องประชุมกองคดีฮั้วประมูล จะใช้สำหรับสอบปากคำตัวแทนจากบริษัท อิตาเลียนไทยฯ
กระทั่งเวลา 09.30 น. นายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เดินทางมาถึงห้องประชุม ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามว่า วันนี้มาให้ข้อมูลอย่างไรบ้าง เจ้าตัวตอบกลับว่า “ขอเข้าพบพนักงานสอบสวนก่อน" เมื่อถามว่าได้มีการเตรียมเอกสารมาชี้แจงอย่างไรหรือไม่ เนื่องจากอิตาเลียนไทยฯ เป็นกิจการร่วมค้ากับไชน่า เรลเวย์ฯ เจ้าตัวตอบกลับสั้นๆ ว่า "ครับ" และเมื่อถามต่อว่า ทราบหรือไม่ว่าบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ เป็นบริษัทสัญชาติจีน นายเกรียงศักดิ์ตอบอย่างหนักแน่นว่า “แน่นอน รู้อยู่แล้วครับ" พร้อมกล่าวว่าตนพร้อมชี้แจง ผู้สื่อข่าวสังเกตว่านายเกรียงศักดิ์ได้นำแฟ้มเอกสาร 1 แฟ้ม ซึ่งหน้าปกปรากฏโลโก้ตราบริษัท อิตาเลียนไทยฯ มาด้วย
มีรายงานว่า จากการสืบสวนเชิงลึกของดีเอสไอ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ทั้งบริษัท อิตาเลียนไทยฯ และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ เคยมีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกันมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างสถานที่ราชการสำคัญแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ ดังนั้นโครงการก่อสร้างอาคาร สตง. จึงไม่ใช่โครงการแรกที่ทั้งสองแห่งร่วมกันรับผิดชอบ และเป็นไปไม่ได้ที่บริษัท อิตาเลียนไทยฯ จะไม่รู้ว่าบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ เป็นบริษัทสัญชาติจีน
ต่อมา พ.ต.ท.อมรให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ได้มีการนัดหมายวิศวกรภายใต้กิจการร่วมค้า PKW ที่มีรายชื่อเป็นผู้ควบคุมงานประจำสัปดาห์ ประมาณ 20-30 สัปดาห์ที่มีชื่อซ้ำๆ ของวิศวกรกลุ่มนี้ รวมจำนวน 51 ราย โดยตอนนี้ได้ออกหนังสือเชิญแล้ว 40 ราย ส่วนสาเหตุว่าทำไมจึงออกหมายเรียกพยานเพียง 40 รายนั้น ก็เพราะว่าในการตรวจสอบ เราพบว่ามันมีชื่อที่ซ้ำกันหลายคนในใบ ท.ร.14 และเรายังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นคนไหน เพราะยังไม่มีรายละเอียดเลขบัตรประจำตัวประชาชน จึงอยู่ระหว่างตรวจสอบติดตาม ดังนั้นในบรรดา 40 หมายเรียกพยานวิศวกรที่เราออกไป เราจะสอบสวนปากคำวันละ 10 ราย นับตั้งแต่วันนี้เป็นไปต้นไป วันนี้จะมีการสอบสวนรอบเช้า 3 ราย และรอบบ่าย 4 รายแทน
สอบ บ.อิตาเลียนฯ ทุกประเด็น
พ.ต.ท.อมรกล่าวว่า สำหรับประเด็นที่จะใช้สอบสวนวิศวกร จะเป็นการมุ่งประเด็นไปที่การปรากฏชื่อเป็นผู้ควบคุมงาน มีลายเซ็นเป็นผู้ควบคุมงานเป็นประจำสัปดาห์ในหลายๆ สัปดาห์ เพื่อสอบถามความเกี่ยวข้องว่าเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง และได้ดำเนินการอย่างไรไปแล้วบ้าง ส่วนกรณีเอกสาร 100 ลังที่ดีเอสไอได้ตรวจยึดจาก 26 ตู้คอนเทนเนอร์ภายในไซต์งาน สตง. ในส่วนนี้เอกสารจะเกี่ยวข้องกับหลายส่วน ขั้นตอนถัดไปเราจะต้องมาคัดแยกเอกสารทั้งหมดก่อนว่าเอกสารใดเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับสัญญา เอกสารแบบแปลน เอกสารด้านการเงิน เอกสารเกี่ยวกับวัสดุ เอกสารการสั่งซื้อ เป็นต้น คาดว่าภายในสัปดาห์นี้อาจจะได้เชิญเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมืองมาร่วมตรวจสอบเอกสารด้วย
พ.ต.ท.อมรกล่าวต่อว่า สำหรับการเชิญตัวแทนของบริษัท อิตาเลียนไทยฯ มาสอบปากคำวันนี้ เราจะสอบถามทั้งหมดทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการซื้อซอง การประมูลงาน การเป็นกิจการร่วมค้า การแบ่งงาน การดำเนินการก่อสร้าง มีการแบ่งงานอย่างไรบ้าง รวมถึงเรื่องค่าตอบแทนมีการแบ่งกันอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ ในการเป็นกิจการร่วมค้าระหว่างบริษัท อิตาเลียนไทยฯ และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ในเบื้องต้นตอนที่เขาทำมันเป็นบริษัทของไทย แต่ภายในบริษัท ไชน่าฯ มันมีสัดส่วน 51% ต่อ 49% ดังนั้น เราก็ต้องไปพิสูจน์ว่าบริษัทเป็นสัญชาติไทยจริงหรือไม่ จึงเกิดการดำเนินคดีนอมินีขึ้นมา
สำหรับกรณีที่มีการประมูลได้งาน แต่ก็มีการไปจ้างผู้รับเหมาช่วงต่างๆ นั้น ขอเรียนว่า ตอนประมูลหรือตอนรับงาน ตอนเซ็นสัญญา มันก็คือช่วงเวลาหนึ่ง แต่พอได้งานมาแล้ว มันมีการรับเหมาช่วงหรือไม่ ก็จะเป็นอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนนี้เราก็ต้องสอบสวนปากคำเช่นเดียวกัน ส่วนกรณีกิจการร่วมค้า PKW ที่มีรายงานว่าไม่มีคุณสมบัติเข้าองค์ประกอบเป็นที่ปรึกษานั้น เรื่องนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบเช่นเดียวกัน
เมื่อถามว่า มีความเป็นได้หรือไม่ที่บริษัท อิตาเลียนไทยฯ และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการได้งานโครงการของรัฐเพียงโครงการเดียว อาจมีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกันมานาน พ.ต.ท.อมรระบุว่า เรื่องนี้เป็นอีกประเด็นที่เราจะใช้สอบถามเช่นเดียวกัน
สำหรับการเตรียมสอบปากคำนายธีระ วรรธนะทรัพย์ กรรมการบริษัท ไมนฮาร์ทฯ ในช่วงบ่าย พ.ต.ท.อมรกล่าวว่า จะเกี่ยวข้องกับประเด็นการออกแบบตึก สตง. โดยเราจะไล่เรียงตั้งแต่ช่วงแรกของการรับงานมา เพราะตามข้อมูลทราบว่าบริษัทผู้ออกแบบมี 2 ราย คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ส่วนการแก้ไขแบบทั้ง 9 ครั้งที่ดีเอสไอตรวจพบในเอกสารว่ามีปัญหาในการขอแก้ไขแบบครั้งที่ 4 และครั้งที่ 6 นั้น เรื่องนี้ในการออกแบบถือว่าเป็นช่วงต้น ส่วนการขอแก้ไขแบบมันเป็นช่วงการดำเนินการ แต่จะมีความเกี่ยวข้องหรือรู้อะไรกันอย่างไรบ้าง เราจะต้องไปดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ต่อมาเวลา 13.10 น. นายธีระ วรรธนะทรัพย์ กรรมการของบริษัท ไมนฮาร์ทฯ ในฐานะหัวหน้าผู้ออกแบบ พร้อมด้วยทีมงานกฎหมายของบริษัท ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญเดินทางเข้าให้ข้อมูล โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายธีระว่าวันนี้เตรียมเอกสารมาพร้อมหรือไม่ นายธีระตอบกลับว่า "เตรียมมาพร้อมครับ" และเมื่อถามว่าวันนี้มาชี้แจงในส่วนใดบ้าง นายธีระตอบว่า หากมีคำถามอะไรก็จะชี้แจงทั้งหมด และเมื่อถามว่าทางบริษัทได้มีส่วนในการแก้ไขแบบของอาคาร สตง.แห่งใหม่หรือไม่ นายธีระระบุว่า ส่วนนี้ขอเป็นการให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ โดยวันนี้ตนนำเอกสารหลายอย่างมายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นเอกสารเดิมที่เคยชี้แจงให้กับเจ้าหน้าที่ไปแล้ว แต่วันนี้จะขอชี้แจงให้กระจ่าง
เร่งมีเซลล์บรอดแคสต์
ต่อมาเวลา 13.40 น. นายเกรียงศักดิ์ซึ่งยังคงอยู่ระหว่างการให้ปากคำพยานกับดีเอสไอได้ออกมาเข้าห้องน้ำ สื่อมวลชนจึงพยายามเข้าสอบถามความคืบหน้าว่าการชี้แจงเป็นอย่างไรบ้าง นายเกรียงศักดิ์ตอบว่า เป็นไปด้วยดี แต่ยังไม่เสร็จธุระกับดีเอสไอ วันนี้คุยกันแค่เรื่องนอมินีอย่างเดียว ส่วนมีความมั่นใจขนาดไหนนั้น ตรงนี้จริงๆ แล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเอง และเมื่อถามว่ามีการสอบปากคำเรื่องเกี่ยวข้องกับการประมูลโครงการก่อสร้างอาคาร สตง.แห่งใหม่ด้วยหรือไม่ นายเกรียงศักดิ์ยอมรับว่า มีเล็กน้อย
ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาแนวทางการจัดทำระบบเตือนภัยแห่งชาติ ผ่านเทคโนโลยีด้านสื่อสารโทรคมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมวาระพิจารณาเรื่องแนวทางการพัฒนาระบบเตือนภัยแผ่นดินไหว โดยเชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลว่า ได้มีการตั้งอนุ กมธ.นี้มานานแล้ว และเราได้จัดทำเนื้อหาทั้งหมดเกือบเสร็จสิ้นแล้ว กำลังจะสรุปรายงาน แต่เกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นมาก่อน ทุกคนในอนุ กมธ.จึงเห็นพ้องต้องกันว่าจะขยายระยะเวลา เพื่อจะให้เหตุการณ์นี้เป็นกรณีศึกษาที่ใส่ไว้ในรายงาน และศึกษาว่าในอนาคตระบบเตือนภัยที่เราควรมีจะเป็นอย่างไร เราควรถอดบทเรียนสิ่งที่เราเห็นในเหตุการณ์แผ่นดินไหวล่าสุดด้วย
นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เรื่องเซลล์บรอดแคสต์ได้รับการรับปากจากหน่วยงานต่างๆ ว่าภายใน ก.ค.จะสามารถใช้ได้ และในเดือน พ.ค.ก็จะมีการทดสอบระบบ แต่ยังคงเป็นระบบเวอร์ชวล คือตัวฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่หน่วยงานรัฐต้องใช้ตอนนี้ยังไม่เสร็จ จึงต้องให้ทางเอกชนทำเวอร์ชวลในซอฟต์แวร์ของเขาเองขึ้นมาก่อนเพื่อทดสอบว่าใช้ได้จริง และทราบว่าได้มีการคุยกับบริษัทแอปเปิลเรียบร้อยแล้ว จึงถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี
"ได้ไปดูงานที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เห็นว่ามีปัญหาเรื่องอำนาจการสั่งการจริงๆ ว่าต้องเป็นผู้บริหารระดับสูงที่จะอนุมัติข้อความ ทางหน่วยงานจึงบอกว่ามีการพูดคุยกันเบื้องต้นว่าจะมีการขยายกรอบอำนาจตามกฎหมายที่มีอยู่ หรืออาจจะต้องไปแก้กฎระเบียบบางข้อ ซึ่งหากติดต่อคนที่ 1 หรือ 2 ไม่ได้ อาจจะลงไปถึง ผอ.หน่วยที่นั่งอยู่ในห้องสั่งการจริงๆ ว่าให้อำนาจโดยชอบธรรมทางกฎหมายที่สามารถทำได้ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ถ้าให้คนหน้างานสามารถตัดสินใจได้ เขาจะเห็นข้อมูลทั้งหมดและรู้อยู่แล้วว่าสิ่งนี้ควรจะเตือนเร่งด่วนหรือไม่" นายปกรณ์วุฒิกล่าว
ส่วนบรรยากาศบริเวณอาคาร สตง.ที่พังถล่ม หลังเมื่อวันที่ 28 เม.ย. ครบ 1 เดือนที่เกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ก็ยังคงทำงานกันอย่างต่อเนื่อง และสรุปรายงานยอดผู้ได้รับผลกระทบ ข้อมูลจนถึงวันที่ 28 เม.ย. ดังนี้ 1.มีผู้ประสบเหตุจากเหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่อาคาร สตง. 103 ราย เสียชีวิต 65 ราย บาดเจ็บ 9 ราย และสูญหาย 29 ราย ทั้งนี้ กรณีผู้เสียชีวิต 65 รายนั้น ผ่านการพิสูจน์ยืนยันอัตลักษณ์บุคคลแล้ว 54 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตในสถานที่อื่นๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีจำนวน 7 ราย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รับคุยธรรมนัส ไถ่ถามสารทุกข์ ไร้ปม‘การเมือง’
“ภูมิธรรม” รับคุย “ธรรมนัส” หลังไม่ได้เจอนาน ออกตัวอย่าดรามาโยงคดีฮั้ว
ลุ้นวัดใจ‘สมศักดิ์’27พ.ค.
“ศ.นพ.อมร” ยันแพทยสภาส่งเอกสารคดีชั้น 14 ให้ “สมศักดิ์” เพียงพอแล้ว
‘อ้วน’โวอิ๊งค์รวยล้นฟ้า อึ้งภารกิจงานรูทีนขรก.
"สมชาย" ร่าย 10 ข้อสงสัยภารกิจบินลอนดอน-โมนาโกของ "อุ๊งอิ๊ง" มีปริศนาเพียบ
สว.สำรองผวา!ขอตร.คุ้มกัน
“กุสุมาลวตี” ฟ้องหมิ่นประมาท “เสี่ยหนู” ปูดมีคนเตือนระวังอันตราย “สว.สำรอง”
ป้องปูถูกกลั่นแกล้ง ‘รมต.พท.’ดาหน้าตัดพ้อ ชี้อย่ามั่วข้าวเน่ากลบหนี้
"นายกฯ อิ๊งค์" โพสต์ภาพคู่ให้กำลังใจ "อาปู" หลังศาลสั่งชดใช้จำนำข้าวหมื่นล้าน
รุมโต้แทน‘อิ๊งค์’ ทัวร์‘ลอนดอน’ ทำงานเพื่อปชช.
"อิ๊งค์" ทัวร์ห้างค้าปลีกใหญ่ลอนดอน เยี่ยมชมสินค้าไทย หนุนซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหาร